22 ต.ค. 2019 เวลา 11:24 • ปรัชญา
[ ด้านดีของ Diderot Effect ก็มีนะ ]
ก่อนอื่นจะขอเล่าที่มาของปรากฎการณ์Diderot (ดิเดรอท)ก่อนนะจ๊ะ จะได้เห็นภาพมากขึื้น
ขอเล่าแบบย่อนะคะ.....
คือวันนึงชายคนนึง
ท่านเป็นนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสชื่อดัง
ชื่อว่า Diderot
ท่านได้รับเสื้อคลุมยาวสีแดงสุดหรูหราอลังการ
หลังจากนั้นท่านก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความไม่เข้ากันระหว่างเสื้อคลุมตัวหรูนี้และสิ่งอื่นๆที่อยู่รอบตัว
ท่านจึงเริ่มซื้อสิ่งของหรูหราต่างๆมากมาย
เพื่อทำให้ตัวท่านและเสื้อคลุมตัวนี้ดูสง่างาม
สุดท้ายนำไปสู่หายนะทางการเงิน
และเป็นหนี้มากมาย
ท่านได้บรรยายไว้ในงานเขียนของตัวเองไว้ว่า
"ฉันเคยเป็นเจ้านายของเสื้อคลุมตัวเก่า
แต่ตอนนี้ฉันกลายเป็นทาสของเสื้อคลุมตัวใหม่
จากเรื่องราวด้านบน นำมาสู่การเรียกสิ่งนี้ว่า
Diderot effect คือ ปฏิกิริยาการซื้อหรือการได้รับสิ่งใหม่ๆแต่กลับรู้สึกไม่พอใจสิ่งเก่าๆอื่นๆที่มีอยู่
จนเกิดความต้องการอยากได้สิ่งใหม่ๆ
อย่างต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด
อาจต้องการสิ่งใหม่ๆเพื่อเสริมภาพลักษณ์
ให้ตัวเอง หรือสิ่งที่ได้รับมาใหม่ทำให้เกิดความคิดไปเอง รู้สึกไปเองว่าของมันต้องมีอีก
มันจำเป็นต้องซื้อ ต้องหามาอีก ในทันทีทันใด
ยกตัวอย่างง่ายๆที่หลายๆคนมักจะเป็นกัน
เช่น... ซื้อชุดใหม่ ก็ต้องซื้อรองเท้าใหม่
เพราะรู้สึกว่าที่มีอยู่มันช่างไม่เข้ากับชุดเอาซะเลย หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าต้องมีกระเป๋า
มีเครื่องประดับด้วย ไม่งั้นจะดูไม่เก๋ ไม่แมทช์กัน
ไม่พอ.. ยังต้องแต่งหน้าให้เข้ากับ look
ของเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วย
ก็ต้องไปช้อปเครื่องสำอางเซ็ตสีใหม่
เรื่อยๆแบบนี้ต่อไป
จนกว่ากระเป๋าจะฉีกกันไปข้างนึง
โดยไม่ได้คำนึงถึงความจำเป็นใดๆ
ไม่ได้คำนึงถึงสถานะการเงินของตนเอง
จับจ่ายด้วยอารมณ์ล้วนๆ
อ่านมาถึงตอนนี้... คงรู้สึกว่าเป็นปรากฎการณ์นี้ช่างน่ากลัวจริงๆ ยากที่ยับยั้งได้
และเชื่อว่ามีแหล่งข้อมูลและวิธีการเพื่อช่วยลดการเกิดเหตุการณ์นี้อยู่มากมาย
ท่านผู้อ่านสามารถหาค้นได้ง่ายๆ
ขอบคุณภาพจาก google.com
แต่จริงๆปรากฎการณ์นี้
สามารถดึงมาใช้ในด้านดีๆได้เช่นกัน
จะเห็นว่าการซื้อของใหม่ๆ
ก็มาจากการที่เราซื้อของชิ้นแรกไปแล้ว
ก็จะเกิดการกระตุ้นให้ทำสิ่งอื่นๆตามมา
เราจะเห็นว่า ถ้าเราไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่
เราก็จะไม่ค่อยซื้อรองเท้าใหม่
แต่ถ้าเราเริ่มต้นวงจร มันก็จะต่อไปเรื่อยๆ
ดังนั้น เราจึงสามารถใช้ปรากฎการณ์นี้
สร้างนิสัยใหม่ๆได้ด้วย
คือเราสามารถเอานิสัยหรือการกระทำ หรือสิ่งเดิมๆที่เราทำอยู่ทุกวัน ที่เคยชิน
ทำแบบไม่ต้องคิดเลย
และบวกเพิ่มนิสัยใหม่ๆที่เราอยากมี
อยากเป็นเข้าไป
เพื่อผลักดันให้วงจรมันเกิดซ้ำๆ
จนกลายเป็นการสร้างนิสัยใหม่ขึ้นมาอีกอัน
เช่น ปกติเราตื่นมาต้องพับผ้าห่ม อาบน้ำ ทำจนชิน
เราอาจจะเพิ่มไปว่าหลังจากตื่นมาพับผ้าห่มเสร็จ
นิสัยใหม่ที่เราจะทำคือเราจะออกกำลังกาย 45 นาที (เป็นการให้การตื่นนอนพับผ้าห่ม เป็นตัวกระตุ้น ให้เราต้องทำนิสัยที่อยากสร้างถัดไป)
หลังจากนั้นเราก็จะไปอาบน้ำต่อ
หลังจากอาบน้ำ ปกติเราจะไปทำงานเลย
แต่เราอาจะแทรกไปว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จ
เราจะนั่งเขียน list สิ่งที่ต้องทำในวันนี้
ก่อนซัก 5 นาที แล้วค่อยออกไปทำงาน
เมื่อเราทำแบบนี้ซ้ำๆ คือ ให้นิสัยเดิมความเคยชินเดิม เป็นเหมือนโมเมนตัมที่ผลักให้ทำสิ่งใหม่
วันนึงนิสัยใหม่นั้นจะกลายเป็นชีวิตของเรา
และเราชินกลับมัน
จนการออกกำลังกาย อาจจะกลายเป็นความเคยชินไม่ต่างกับการตื่นมาพับผ้าห่มเลยก็ได้
ดังนั้นลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้ดู
หากคุณอยากสร้างนิสัยใหม่ๆ
ส่วน effect นี้นั้น
ก็อย่าเผลอให้เกิดในทางลบบ่อยๆ
ไม่งั้น คุณอาจจะหมดตัว หรือ
หมดอนาคตเลยก็ได้
หายไปหลายวัน
แต่ก็ยังอยากแบ่งปันเรื่องดีดีเช่นเคย
ขอให้ผู้อ่านมีความสุขกับบทความนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ 😊
ขอบคุณภาพจาก ecobphc.wordpress.com
โฆษณา