2 พ.ย. 2019 เวลา 16:18 • บันเทิง
MovieTalk หนังชนโรง:
Zombieland#10 Year Challenge
ขอต้อนรับสู่สหรัฐอเมริกา...ไม่ใช่สิ...ซอมบี้แลนด์ นครแห่งซอมบี้
ถ้าคุณไม่อยากถูกซอมบี้แทะเป็นอาหาร
คุณควรยึดถือกฎเหล่านี้ไว้อย่างเคร่งครัด
กฎข้อที่ 1 ห้ามอ้วน เพราะช้างน้ำจะตกเป็นเหยื่อของซอมบี้ก่อนใคร
กฎข้อที่ 2 มันต้องซ้ำ แม้จะยิงมันตาย ให้แน่ใจว่าซอมบี้จะไม่ลุกขึ้นมาแทะคุณอีกหนด้วยการซ้ำที่หัว
กฎข้อที่ 3 ระวังห้องน้ำ แม้จะปลดทุกข์ คุณก็อาจจะโดนซอมบี้มุดเข้าแทะคุณคาชักโครก
กฎข้อที่ 4 รัดเข็มขัดด้วย จงคาดเข็มขัดนิรภัยระหว่างขับรถหนีซอมบี้ เพราะคุณอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันบนถนน
กฎข้อที่…
Zombieland คือ หนังซอมบี้ยุคที่สอง ซึ่งกลายเป็นหนังม้ามืดเมื่อออกฉายในปี 2009 ด้วยทุนสร้างเพียง $23.6 ล้าน แต่เก็บรายได้ไปมากถึง $102.4 ล้าน และเป็นหนังซอมบี้ที่ไม่ได้เข้าฉายในประเทศไทย คนที่มีโอกาสได้ดูก็คือตามช่องทางอื่น ๆ เช่น DVD หรือ สตรีมมิ่ง
ผ่านไป 10 ปี Zombileland กลับมาอีกครั้งใน Zombieland: Double Tap งานภาคต่อจากหนังฮิตเกินคาดเมื่อปี 2009 พร้อมด้วยทีมงานชุดเดิมกลับมากันครบ
และนี่คือ MovieTalk หนังชนโรง 2 เรื่องควบ Zombieland#10 Year
Challenge ที่จะมูฟวี่ชวนคุยกันรวดเดียว 2 ภาค
ใน Zombieland เริ่มเรื่องด้วย โลกที่มีแต่ซอมบี้ไล่แทะมนุษย์ หนุ่มเนิร์ด โคลัมบัส ที่มีชีวิตรอดมาได้เพราะกฎเหล็กที่ตนเองตั้งขึ้น และทำตามอย่างเคร่งครัด ส่วนจะมีอะไรบ้าง ก็ถ้าคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้ แสดงว่าคุณอ่านไปแล้วนี่...
โคลัมบัสออกเดินทางไกล ระหว่างทางได้พบกับ ทาลาฮาซซี่ นักล่าซอมบี้ที่อุทิศชีวิตให้กับการไล่ฆ่าซอมบี้ ทาลาฮาซซี่แวะรับโคลัมบัสขึ้นรถไปด้วยกัน แต่แล้วทั้งสองก็โดนสองสาวพี่น้องจอมแสบ วิชิต้า และลิตเติ้ล ร็อค ตบรถและอาวุธทั้งหมดไป ก่อนที่ไป ๆ มา ๆ ทั้งสี่ชีวิตจะเดินทางร่วมกันเพื่อมุ่งไปสู่ แปซิฟิคเพลย์แลนด์ ในแอล.เอ. ซึ่งว่ากันว่ามันดินแดนปลอดซอมบี้ แต่มันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด
นั่นคือส่วนของภาคแรก หนังซอมบี้ที่คงไม่มีใครคิดว่ามันจะมีภาคสองในอีก 10 ปีต่อมา ภายใต้การกำกับของ รูเบ็น เฟลชเชอร์ ที่ในเวลานี้รู้จักกันในฐานะคนกำกับหนัง Venom นำเดี่ยว Zombieland ของ เฟลชเชอร์ ถือเป็นซอมบี้ยุคที่ 2 (อ่านเพิ่มเติมภาคผนวกท้ายบทความ) ที่มีสไตล์หนังฉีกออกไปเป็นงานแบบ Road Movie ผสมกับ Black Comedy เป็นงานตลกร้าย เสียดสี ที่ตัวละครต้องเดินทางไกล และระหว่างนั้นได้เรียนรู้ชีวิตไปด้วยกัน ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยซอมบี้
นั่นทำให้หนังมีลูกเล่นในการนำเสนอ ผ่านการเสียดสีไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ และตัวบุคคลทั้งในหนัง และในชีวิตจริง หนึ่งในนั้นที่ถือว่าเป็นจุดขายคือ บิลล์ เมอร์เรย์ ที่แสดงเป็นตัวเองพร้อมการแสดงสีหน้าเรียบเฉย เหนื่อยหน่าย อันเป็นเครื่องหมายการค้า และมุก ‘ขอโทษ...ผมไม่ได้ตั้งใจ’ น่าจะเป็นหนึ่งในมุกตลกร้ายที่สร้างความกระอักกระอ่วนใจแก่คนทำ และคนถูกกระทำ
ส่วนคนดูคงฮาแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ฉากปะทะกันกับซอมบี้ ที่หนังได้รับอิทธิพลมาจากงานภาพ-ตัดต่อแบบ The Matrix ด้วยเทคนิคซูเปอร์สโลว์โมชั่น ในฉากซอมบี้ไล่ล่าก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้หนังมีสไตล์เป็นของตนเอง
มาถึงงานแสดงที่ไม่ได้พึ่งพานักแสดงดัง แต่เลือกได้เหมาะเจาะกับแคแร็กเตอร์ ที่บทหนังให้ทุกคนไม่มีการใช้ชื่อจริง แต่ใช้ชื่อเมืองหรือมลรัฐแทนในการเรียกขานกัน ไม่ว่าจะเป็น
เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก กับบท โคลัมบัส หนุ่มเนิร์ด ที่กลายเป็นแคแร็กเตอร์ประจำของไอเซนเบิร์กไปแล้ว และถ้าจะต้องหานักแสดงชายที่แสดงบทแบบนี้ได้ โดยคนดูไม่รำคาญก็ต้องไอเซนเบิร์กนี่ล่ะ โคลัมบัสคือหนุ่มเนิร์ดติดเกมที่โลกไม่เคยรู้จัก เก็บตัว ไม่เข้าสังคม และความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับครอบครัวเหมือนไม่เคยรู้จักกัน
ขาใหญ่ วูดี้ ฮาร์เรลสัน เป็น ทาลาฮาซซี่ หนุ่มใหญ่ที่มีปมต้องไล่ฆ่าซอมบี้ เพราะพวกมันพรากลูกชายของเขาไป ‘เมามัน’ คือคำจำกัดความการแสดงของฮาร์เรลสันในบทนี้
เอ็มม่า สโตน ในบท วิชิต้า หญิงสาวที่ไม่เคยไว้ใจมนุษย์คนไหน นอกจากน้องสาวตนเอง เธอเลือกจะวิ่งหนีเมื่อความสัมพันธ์จะหยั่งรากลึก
อบิเกล เบรสลิน เป็น ลิตเติ้ล ร็อค น้องสาวของวิชิต้า เด็กสาววัยทีน 12 ปี ที่โตมาบนโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ และสิ่งเดียวที่เธอรู้คือ เธอและพี่สาวต้องการมีชีวิตรอดบนโลกที่ซอมบี้ไล่แทะ
ทั้งหมดคือตัวละครหลักของ Zombieland ที่ได้สิทธิ์ไปต่อใน Zombieland: Double Tap เหตุการณ์ใน 10 ปีต่อมา 4 ชีวิตที่เริ่มต้นจากคนแปลกหน้า แต่กลายมาเป็น 1 ครอบครัวที่หลังจากเดินทางมานาน ก็ตัดสินใจปักหลักมี ‘บ้าน’ อยู่ในทำเนียบขาว! ใช่...คุณอ่านไม่ผิด ทำเนียบขาว แต่ลึกลงไปในความสัมพันธ์นั้น มีรอยแยกแห่งความไม่เข้าใจเกิดขึ้น มันลงเอยด้วยการที่สองสาวพี่น้องหนีไปอีกครั้ง โคลัมบัสและทาลาฮาซซี่ ที่เหลืออยู่ลำพัง บังเอิญไปพบกับ เมดิสัน สาวแบ๊วบิวตี้ที่เหมือนลืมพกสมองมาด้วยตั้งแต่เกิด และทำให้เกิดจังหวะนรกกับความสัมพันธ์ของโคลัมบัส กับ วิชิต้า ที่กลับมาเพื่อปรับความเข้าใจ ทั้งสี่ชีวิตต้องออกเดินทางอีกครั้งเพื่อไปตามหา ลิตเติ้ลร็อค ที่เตลิดไปกับบุบผาชนสายพี้ผู้ใฝ่หาดินแดนสันติ บาบิโลน ท่ามกลางฝูงซอมบี้อัพเกรดเวอร์ชั่น
2
เฟลชเชอร์กลับมาพร้อมกับเดินหน้าตัวหนังอย่างไม่ต้องเสียเวลา ก่อนจะนำไปสู่เส้นเรื่องใหม่ ๆ ที่อิงการเป็นหนัง Road Movie + Black Comedy เหมือนเช่นเดิม แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างไป พร้อมด้วยการนำไปสู่ตัวละครใหม่ ๆ ที่เรียกเสียงฮา
การที่เฟลชเชอร์เลือกจะเดินหน้าหนังโดยไม่สนใจปูมหลัง กลายเป็นดาบสองคมสำหรับมุกที่จัดมาในหนัง อาจทำให้กระสุนด้านสำหรับคนดูที่ไม่เคยดูงานภาคแรก บางทีเฟลชเชอร์คงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าคุณจะไปหาหนัง Zombieland ภาคแรกมาดู หลังจากมันผ่านมา 10 ปีแล้ว! แต่เท่าที่ดูในโรงหนัง หรือจากบทความ คือ น่าจะมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยดู แถมไม่เคยรู้ว่านี่คือหนังภาคสอง! ดังนั้นถ้าคุณอยากสนุกกับหนังเรื่องนี้คือ คุณต้องทำการบ้านมาเองก่อน หาภาคแรกมาติวก่อนไปดู บทความนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะมันเป็นหนังตลก ถ้าบอกมุก คุณยังจะขำอีกเหรอครับ?
นักแสดงหลักทั้งสี่ กลับมาอีกครั้ง ที่ดูไม่ค่อยจะเปลี่ยนจากเดิมก็คือ วูดี้ ฮาร์เรลสัน ที่คงจะแก่อยู่ตัวแล้ว ไม่แก่ไปกว่านี้แล้ว (ฮา)
เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก ที่หน้าไม่ได้ต่างไปจากเดิม แต่ดูภูมิฐานขึ้นตามวัย ส่วนฝ่ายหญิงทั้งสองคนดูไปไกลกว่าเดิม
เอ็มม่า สโตน ขาดความสวยสดใสอย่างที่เคยเห็นในภาคแรก และทำให้คำพูดที่ว่า ผู้หญิงจะแก่...เอ๊ย..โตเร็วกว่าผู้ชาย น่าจะจริง สุดท้ายคือ อบิเกล เบรสลิน ที่รูปร่างเธอไปไกลมาก จนเหมือนเธอจะลืมกฎข้อ 1 ไปเสียแล้ว
ความน่าสนใจจึงไปตกอยู่ที่นักแสดงใหม่ที่ถูกเติมเข้ามา สาวแบ๊วบิวตี้ เมดิสัน ที่เธอดูเหมือนจะไม่น่ามีชีวิตรอดจากซอมบี้ได้เลย ภายใต้การแสดงของ โซอี้ ดัชท์ เรียกเสียงฮากับความสวยใสไร้สติได้อย่างไร้ที่ติ
โรซาริโอ ดอว์สัน เป็น เนวาด้า หญิงสาวห้าวควงปืน ที่มีบทบาทสำคัญ
นักแสดงรับเชิญที่เหมือนของมันต้องมี แบบที่ภาคแรกมี บิลล์ เมอร์เรย์ ในภาคนี้คือ ลุก วิลสัน กับ โธมัส มิดเดลดิทช์ ในบทร่างอวตารแฝดนรกของ ทาลาฮาซซี่และโคลัมบัส
ส่วนซอมบี้ในภาคนี้มีการอัพเกรด กลายพันธุ์ ได้แก่ ‘โฮเมอร์’ ซอมบี้มึน ๆ อึน ๆ ไม่ใช้สมอง, ‘ฮอว์กิง’ ซอมบี้รุ่นอัจฉริยะสร้างได้ในการล่าเหยื่อ, ‘นินจา’ ซอมบี้ที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ และก็ไม่รู้ว่าผู้สร้างจะแนะนำทำไม เพราะไม่เห็นโผล่มาเลยหลังจากนั้น...หา!...อะไรนะ...อ๋อ...เข้าใจแล้ว...ผู้สร้างบอกว่า มันเป็นซอมบี้นินจา เราเลยไม่เห็นมัน เพรามันจะผลุบโผล่แบบไม่ให้เรารู้ตัว และสุดท้ายคือ T800 ซอมบี้เทอร์มิเนเตอร์ อึดทนฆ่าไม่ตาย
มุ่งมั่นตามภารกิจไม่มีวันหยุดจนกว่าจะวาระสุดท้าย คุณคุ้น ๆ ไหมว่ามันเหมือนใคร?
Zombieland: Double Tap คืองานหนังภาคต่อที่จะ ‘เมามัน’ กันเต็มที่สำหรับคนที่เคยดูภาคแรก หรือทำการบ้านดูผ่านตาไปก่อนแล้ว แต่สำหรับคนที่ตีตั๋วมาดูภาคสองเลย คุณอาจจะมีงงกับ
บางมุก แต่รวม ๆ ก็ยังคงมีความสนุกอยู่เหมือนกัน
พื้นฐานสำคัญของการใช้ชีวิตร่วมกันคือการเปิดใจที่จะรับฟัง และลดทอนความเป็นตัวเองลงเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างอุดมสุข
Zombieland (2009) Directed: Ruben Fleischer/Starring: Woody Harrelson, Jesse Eisenberg, Emma Stone, Abigail Breslin, Bill Murray/Screenplay: Rhett Reese, Paul Wernick/Narrated: Jesse Eisenbert/Music: David Sardy/Cinematography: Michael Bonvillain/Edited: Peter Amundson, Alan Baumgarten/Distributed: Sony Pictures Releasing/Running time: 88 Mins./R
Zoombieland: Double Tap (2019) Directed: Ruben Fleischer/Starring: Woody Harrelson, Jesse Eisenberg, Emma Stone, Abigail Breslin, Rosarion Dawson, Zoey Deutch/Screenplay: Rhett Reese, Paul Wernick, Dave Callaham/Narrated: Jesse Eisenbert/Music: David Sardy/Cinematography: Chung Chung-hoon/Edited: Dirk Westervelt/Distributed: Sony Pictures Releasing/Running time: 99 Mins./R
ภาคผนวก:
พัฒนาการของซอมบี้ในโลกภาพยนตร์
หากจะแบ่งการปรากฏตัวของ ‘ซอมบี้’ ในโลกภาพยนตร์ ถึง ณ วันที่เขียนบทความนี้ ในมุมมองของผม น่าจะแบ่งออกมาได้ 3 ยุคด้วยกัน ได้แก่
ยุคที่ 1 Zombie Romero ซอมบี้โรเมโร
ยุคที่ 1 Zombie Romero ซอมบี้โรเมโร
ต้นฉบับซอมบี้ที่ปู่จอร์จ เอ. โรเมโร ผู้ล่วงลับ ได้บัญญัติซอมบี้ขึ้นมาผ่านหนังตระกูล of the Dead ของปู่ เริ่มตั้งแต่ Night of the Living Dead (1968), Dawn of the Dead (1978), Day of the Dead (1985) โดยซอมบี้ที่ปู่โรเมโรสร้างขึ้น มีลักษณะเป็นศพเดินได้ เดินช้า ยักแย่ยักยัน ปู่ให้เหตุผลว่า คนตายมันฟื้นขึ้นมา กระดูก กล้ามเนื้อมันต้องยึดเพราะนอนในหลุมนานเกินไป ซอมบี้พวกนี้จะกินสมองเป็นอาหารเพราะมันหิว ความหิวคือแรงปรารถนาแรก ๆ ของมนุษย์ การฆ่าต้องยิงหรือทำลายสมองเท่านั้น ถึงจะหยุดซอมบี้ได้
ยุคที่ 2 Zombie Run…for…Run
ยุคที่ 2 Zombie Run…for…Run
ซอมบี้ยุคที่สอง ที่มีการกลายพันธุ์ ไม่เดินยักแย่ยักยันแล้ว แต่เป็นวิ่ง 4x100 เหมือนจะไปวิ่งแข่งที่ไหน เลยถูกเรียกว่า Run…for…Run ซึ่งมันมาจากประโยคที่คุณต้องเคยได้ยิน
“วิ่ง...ฟอร์เรสต์...วิ่ง...”
ผู้ที่บัญญัติขึ้นมาได้แก่ แดนนี่ บอยลด์ ใน 28 Days Later (2002), แซค ซไนเดอร์ จากงานรีเมค Dawn fo the Dead (2004) และ รูเบ็น เฟลทเชอร์ Zombieland (2009)
ยุคที่ 3 Zombie Together ซอมบี้ ทูเก็ทเธอร์
ยุคที่ 3 Zombie Together ซอมบี้ ทูเก็ทเธอร์
ยุคร่วมสมัยที่ซอมบี้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรม ซอมบี้เริ่มคิดได้ คิดเป็น พูดได้ รักเป็น และไม่รู้ว่าจะถูกพัฒนาไปไกลถึงไหน เริ่มต้นที่ The Walking Dead (2010) ทีวีซีรีย์สในตำนานที่สร้างกระแสหนังซอมบี้ไปสู่ทิศทางที่แตกต่างออกไป ไม่ต้องพูดเยอะนะ เจ็บคอ, Warm Bodies (2013) ของ โจนาธาน เลวีน ซอมบี้รักเป็น
เสียสละเพื่อคนที่ตนรักได้, World war Z (2013)
หนังซอมบี้ล้างโลกที่ทำให้เห็นว่าซอมบี้ฉลาดขนาดต่อตัวกันเพื่อปีนกำแพง ไม่ต่างจากกองทัพมด และวิ่งเร็วมากขึ้นจนมวลมนุษยชาติน่าจะตายกันหมดเพราะวิ่งหนีไม่ทัน
อนาคตจะมียุคที่ 4 หรือไม่ เรามาลุ้นกันถ้าไม่ถูกซอมบี้แทะกินเสียก่อน
ขอบคุณที่มาข้อมูล: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes, Youtube
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: IMDb
โฆษณา