3 พ.ย. 2019 เวลา 14:48 • ความคิดเห็น
ถ้าดีทำไมต้องอพยพ
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
ถึงบ้านปุ๊บ ลูกชายก็โทรมาคุยปั๊บ
เรื่องโอแลมซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของสิงคโปร์ไปพึ่งเวียดนามเพื่อใช้แผ่นดินเวียดนามปลูกพริกไทยส่งไปขายในจีน
ทั้งที่เวียดนามมีพื้นที่น้อยกว่าไทย พื้นดินเกือบครึ่งหนึ่งเป็นภูเขาเลากา ที่ผืนราบก็อยู่ติดทะเลที่มีภัยธรรมชาติรุนแรงบ่อยครั้ง
แต่เกษตรกรของเวียดนามก็สู้
สู้จนเดี๋ยวนี้ผลิตผลทางการเกษตรของเวียดนามได้รับการยอมรับอย่างดีในตลาดต่างประเทศ
ข่าวดีของสินค้าเกษตรของเวียดนามปรากฏในสื่อต่างๆ เป็นรายวัน เดี๋ยวมีตลาดเพิ่มที่โน่น เดี๋ยวมีตลาดเพิ่มที่นี่
หน้าสื่อหลักของเวียดนามก็เน้นเรื่องการตลาดให้สินค้าเวียดนามในต่างประเทศ
เป็นธรรมชาติของมนุษย์เรานะครับ เมื่อขายของได้มีกำไร ก็มีกำลังใจผลิต
ธรรมชาติของคนเวียดนามขยันอยู่แล้ว เมื่อมีกำลังใจจากการขายสินค้าได้ ผู้คนก็เพิ่มความขยันขันแข็งกันไปทุกตรอกซอกมุมของประเทศ
ไม่ใช่เฉพาะคนเวียดนามเท่านั้นที่มีความรู้สึกว่าชีวิตของพวกตัวเองดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ลูกชายของผมเล่าว่า เคยถามนักธุรกิจจีนและตะวันตกหลายคน ว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยูเห็นอนาคตของประเทศไหนมาแรงบ้าง
ลูกบอกว่า ไม่น่าเชื่อครับว่าคำตอบตรงกันแทบทั้งหมด คือสิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย
แต่ก็มีคนตั้งคำถามว่า ถ้าเวียดนามดีของแท้ ทำไมจึงมีคนพยายามออกนอกประเทศไปตั้งรกรากในแผ่นดินอื่น
โดยเฉพาะที่เป็นข่าวเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ว่าชาวเวียดนาม 39 คนตายในห้องเย็นของรถบรรทุกขณะที่กำลังหลบหนีเข้าไปในอังกฤษ
ลูกบอกว่า ได้อธิบายให้คนที่แย้งฟังว่า คนเวียดนามมีธรรมชาติเป็นนักผจญภัยสูง แถมยังมีต้นแบบของบรรพบุรุษที่กล้าหาญชาญชัยในเรื่องการย้ายถิ่น
“ยูจะไม่ค่อยเคยเจอคนไทย คนลาว คนกัมพูชาอพยพกันเป็นกลุ่มใหญ่ไปลงหลักปักฐานชีวิตใหม่ในประเทศอื่น แต่คนเวียดนามอพยพออกไปอยู่ในประเทศอื่นกันมาก แต่ละกลุ่มไปกันเป็นร้อยนับพันคน ยูลองไปดูที่จังหวัดตราด จันทบุรี อุบลราชธานี หนองคาย นครพนม ฯลฯ ของไทยก็ได้ ยูจะพบชาวไทยเชื้อสายเวียดนามที่อพยพกันมาอยู่ในแผ่นดินไทยหลายระลอก”
ครอบครัวชนชั้นปกครองของประเทศอื่นมักจะมีอดีตที่มั่นคงหรูหรา เดินทางไปศึกษาในต่างประเทศด้วยการใช้ทรัพย์สินเงินทองของตระกูลที่มั่งคั่งของตัวเอง
แต่วีรบุรุษของเวียดนามแต่ละคนไปต่างประเทศในลักษณะผจญภัยกันทุกคน
แม้แต่สุดยอดของวีรบุรุษที่คนเวียดนามนับถือยกย่องอย่างท่านงเหวียน ซิญ กุง หรือ งเหวียน ตัต ทัญ หรือ งเหวียน ไอ ก๊วก ซึ่งล่าสุดท่านใช้ชื่อว่า โห่ จี๋ มิญ หรือ โฮ จิ มินห์
ท่านผู้นี้ต้องการเห็นโลกภายนอก ก็ไปสมัครทำงานบนเรือเดินสมุทรของฝรั่งเศสและออกเดินทางจากเวียดนามไปยังอาณานิคมของฝรั่งเศส ทั้งในเอเชียและแอฟริกานานถึง 6 ปี
จากนั้นก็ไปอยู่กรุงลอนดอน กรุงปารีส กรุงมอสโก และฮ่องกง
มีชีวิตอย่างยากลำบาก
แต่บั้นปลายท้ายต่อมา ก็ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการทำคือ ไล่ฝรั่งเศสออกจากประเทศ
ขณะที่ละคร นิยาย ภาพยนตร์ ในหลายประเทศสร้างพระเอกที่มาจากพวกเป็นผู้ดีมีตระกูล เป็นพวกลูกมหาเศรษฐีที่ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย
แต่ละคร นิยาย และภาพยนตร์ของเวียดนามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่ใช่พระเอกที่มีภูมิหลังอย่างนั้น
พระเอกซึ่งเป็นต้นแบบของสังคมเวียดนามจะเป็นคนที่ปากกัดตีนถีบ สู้ชีวิต
บางสมัยจะให้บทบาทเด่นกับพระเอกที่เป็นทหารและข้าราชการผู้เสียสละ
ปัจจุบันทุกวันนี้ พระเอกของสังคมเวียดนามมักจะเป็นพวกที่อพยพออกไปจากประเทศในสมัยสงครามเวียดนาม ไปสู้ชีวิตในสหรัฐ แคนาดา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อังกฤษ ฯลฯ จนประสบความสำเร็จ
หรือแม้แต่บางส่วนไปขายแรงงานแลกกับอาวุธในอดีตสหภาพโซเวียต แล้วก็ประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาและธุรกิจ
รุ่นลูกรุ่นหลานเดินทางกลับมาเยือนเวียดนาม มาพบรักกับสาวเวียดนามและแต่งงานกัน
เด็กรุ่นใหม่จึงลอกเลียนแบบการผจญภัยในลักษณะนี้ และมีบางส่วนที่ไปประสบความหายนะถึงสิ้นชีวิต เช่นที่เราอ่านข่าวเจอที่ตายในอังกฤษเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาครับ.
โฆษณา