6 พ.ย. 2019 เวลา 12:30 • การเมือง
นักสู้ สม รังสี
โดย
1
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเราวันนี้ ไม่มีใครดังเกินสม รังสีอีกแล้วครับ
ถ้าจะย้อนบทบาททางการเมืองของนายสม ก็ต้องย้อนกลับไปถึงสมัยที่สหประชาชาติต้ังองค์กรพิเศษที่เรียกว่า UN Transitional Authority in Cambodia หรือ ‘หน่วยงานเพื่อใช้อำนาจที่ชอบธรรมในการเปลี่ยนผ่านในกัมพูชาของสหประชาชาติ’ หรือ ‘อันแทค’ ซึ่งสหประชาชาติตั้งใจจะนำสันติภาพกลับมาสู่กัมพูชาจนครบถ้วนทั้ง 7 ขั้นตอนภายใน พ.ศ. 2536
อันแทคมีเจ้าหน้าที่จาก 20 ชาติมาอยู่ในกัมพูชา 22,000 คน
ตอนนั้น สม รังสี มีอายุแค่สี่สิบต้นๆ เป็นคนมีอนาคตมาก จบการศึกษาจากฝรั่งเศส เป็นคนเก่งกล้าสามารถถึงขนาดทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้สถาบันสำคัญในฝรั่งเศสมาแล้ว
จะรู้ซึ้งถึงรากปัญหาการเมืองในกัมพูชาก็ต้องนึกถึงมาตรา 12 ของข้อตกลงปารีส
เรื่องการเลือกตั้งที่ให้มีสมาชิกสภาจากเขตเลือกตั้ง 120 คน ซึ่งนายสมก็เป็น 1 ใน 120 ที่เป็นตัวแทนจากจังหวัดเสียมราฐ
ทั้งที่มีพวกเขมรแดงขัดขวางการเลือกตั้ง แต่ก็ยังมีคนกัมพูชาออกมาใช้สิทธิใน พ.ศ.2536 มากถึง 4.2 ล้านคน
สังคมกัมพูชาแบ่งเป็นฝ่ายนิยมกษัตริย์และนิยมเวียดนาม
นายสมเป็น ส.ส. ครั้งแรกสังกัดพรรคฟุนซินเปกซึ่งอยู่ฝ่ายนิยมกษัตริย์ที่มีเจ้านโรดม รณฤทธิ์ เป็นหัวหน้า พรรคฟุนซินเปกได้ ส.ส. มากถึง 58 ที่นั่ง ส่วนพรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซน ได้ ส.ส. เพียง 51 ที่นั่ง
ถ้าว่ากันตามหลักประชาธิปไตยสากล เจ้ารณฤทธิ์ก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว
แต่ฮุน เซนไม่ยอม จึงต้องมีนายกฯ 2 คน
อันแทคจัดการเลือกตั้งในกัมพูชาได้ก็จริง และไม่สมบูรณ์ การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในกัมพูชาจึงมีปัญหาต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
นายกฯ 2 คนต่างจ้องทำลายทรัพยากรมนุษย์ในพรรคของฝ่ายตรงข้าม
นักการเมืองที่คนกัมพูชามองว่าเก่งกล้าสามารถในตอนนั้นคือรัฐมนตรีคลังที่มีอายุ 44 ปีที่มีชื่อว่านายสม
ฝ่ายฮุน เซนจึงกดดันให้ปรับคณะรัฐมนตรีในเดือนตุลาคม 2537 โดยให้ปลดนายสมออกจากรัฐมนตรี
นายสมเหมือนเมล็ดพันธุ์ การถูกปลดจากรัฐมนตรีคลังครั้งนั้น แกเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ถูกเอาไปฝังดิน เมื่อเจอฝนก็งอกขึ้นมาใหม่และได้รับความนิยมจากประชาชนสูงขึ้น
ในพรรคฟุนซินเปกเองมีคนอิจฉาริษยานายสมเยอะ พ.ศ. 2538 นายสมจึงโดนมติเสียงข้างมากจากสภาให้พ้นสมาชิกภาพ และโดนมติพรรคให้พ้นจากสมาชิกภาพพรรคฟุนซินเปกด้วย
โดนกระหน่ำจากทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายของตัวเอง นายสมจึงไปตั้งพรรคชาติเขมร
แต่รัฐบาลจากทั้ง 2 พรรคประกาศว่า ‘ชาติเขมร’ เป็นพรรคการเมืองนอกกฎหมาย
ต่อมา สม รังสีจึงออกมาตั้ง ‘พรรคสม รังสี’ และนำพรรคนี้เข้าสู่การเลือกตั้งครั้งที่ 2 ของประเทศ ใน พ.ศ. 2541
พรรคสม รังสี ได้ ส.ส. เป็นอันดับ 3 (ประชาชนกัมพูชาได้ 64 คน ฟุนซินเปก ได้ 43 คน สม รังสีได้ 15 คน)
ที่จริงพรรคสม รังสีต้องได้ ส.ส. มากกว่านี้
แต่กกต.เขมรทั้ง 11 คน ดันเปลี่ยนแปลงสูตรในการคำนวณคะแนนเสียงเป็นที่นั่งให้กับแต่ละพรรค
กกต.เขมรทั้งหมดตั้งโดยสมเด็จฮุน เซน เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว กกต.ก็เปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณ ทำให้พรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซนได้ ส.ส.เพิ่ม 5 คน
ส่วนพรรคอื่นได้ ส.ส. น้อยลง
ความไม่ยุติธรรมในการคำนวณคะแนนของ กกต. สร้างปัญหาให้กับระบอบประชาธิปไตยในกัมพูชาอย่างเรื้อรังมาอย่างยาวนาน
คนหนุ่มสาวชอบนายสมตรงที่แกเป็นคนรุ่นใหม่มีความรู้
พอการเลือกตั้งครั้งที่ 3 ใน พ.ศ. 2546 ผู้คนก็เลือกพรรคสม รังสีกันมากถึง 1.13 ล้าน
แต่ก็นั่นละครับ กกต. คำนวณคะแนนให้พรรคสม รังสีมี ส.ส. ได้เพียง 24 คน
คราวนี้นายสมไม่ยอม แกไปร่วมก่อตั้งพันธมิตรของนักประชาธิปไตย ขัดขวางไม่ให้ฮุน เซนเป็นนายกฯ
จากนั้น ชีวิตของแกก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางมาโดยตลอด
การต่อสู้กับระบอบการเมืองในกัมพูชาของนายสมน่าสนใจครับ
วันหน้าจะมาเล่ารับใช้ว่า นายสมต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง.
โฆษณา