7 พ.ย. 2019 เวลา 09:44 • ปรัชญา
ความเป็นมาของอุโบสถ
อุโบสถเป็นสถานที่สำคัญมากที่พระพุทธเจ้าทรงประทานพุทธานุญาตใช้ประกอบสังฆกรรมต่างๆ คณะสงฆ์สามารถปกครองด้วยคณะสงฆ์ได้ตามพระวินัย ก็อาศัยอุโบสถเป็นสถานที่ในการทำสังฆกรรมต่างๆ เช่น การอุปสมบทพระภิกษุ ทบทวนพระปาฏิโมกข์ การประชุมลงความเห็นกันในเรื่องต่างๆ ฯลฯ อุโบสถจึงมีความสำคัญมาก
ความเป็นมาในสมัยต้นพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาและมีผู้มาขอบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสาวกจำนวนยังไม่มากนัก คือ หลังจากที่ไปโปรด ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 โปรด ยสะกุลบุตรและสหาย อีก 55 รวมมีพระอรหันต์ 60 รูปในเวลานั้น ซึ่งพระอรหันต์ทุกรูปก็ล้วนได้รับการประธานการบวชจากพระพุทธองค์แบบ “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” ทั้งสิ้น
ต่อมาเพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและพระธรรมคำสอน พระพุทธองค์ทรงมีพระประสงค์ให้พระภิกษุสงฆ์สาวกเหล่านั้น กระจายกันออกจาริกไปยังทิศต่างๆ
"เธอจงไปคนเดียวหลายๆ ทาง อย่าไปทางเดียวหลายๆ คน สัตว์โลกผู้มีธุลีในดวงตาน้อย ผู้จักอาจรู้ทั่วถึงธรรมนั้นมีอยู่ เขาเหล่านั้นย่อมเสื่อมจากคุณที่พึงได้พึงเห็น เพราะเหตุที่ไม่ได้ฟังธรรม" จึงทำให้ผู้ที่ได้ฟังพระธรรมนั้นมีความเลื่อมใสศรัทธาและประสงค์ที่จะขออุปสมบทบรรพชาเป็นสาวกมากขึ้น
พระภิกษุสงฆ์สาวกเหล่านั้นก็จะนำกุลบุตรที่จะขออุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา มาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อประทานการอุปสมบทบรรพชาให้กุลบุตรนั้น
ซึ่งพระภิกษุสงฆ์สาวกก็ได้ออกจาริกเผยแผ่พระธรรมคำสอนและพระพุทธศาสนาไปยังดินแดนต่างๆ นั้นต่างก็อยู่ห่างไกลจากที่พระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ ทำให้การเดินทางกลับมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เป็นไปด้วยความยากลำบาก
เมื่อเป็นดังนี้ พระพุทธองค์ทรงมี
พุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์สาวกเหล่านั้นทำการอุปสมบทแบบ
#"ติสรณคมนูปสัมปทา"# คือการขอถึงพระรัตนตรัยว่าเป็นที่พึ่ง ทำให้ไม่สร้างความยุ่งยากลำบากที่จะมาจะขออุปสมบทจากพระพุทธองค์
ต่อมาสมัยนั้นพระเจ้าพิมพิสารมหาราชแห่งแคว้นมคธ มีจิตศรัทธาถวายพื้นที่สวนไผ่ของราชวงศ์ให้เป็นวัดแรกในพระพุทธศาสนา ชื่อ "วัดเวฬุวัน" ให้พระภิกษุสงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานให้เป็นที่พักอาศัย ซึ่งเป็นวัดป่าไผ่ตามธรรมชาติ ยังไม่มีรั้ววัดยังไม่มีเขตกั้นที่ชัดเจน
เวลาต่อมาพระเจ้าพิมพิสารกราบ
ทูล ขอให้พระภิกษุสงฆ์ ประชุมกันสวดพระปาฏิโมกข์ ทรงมีพุทธานุญาตให้ พระภิกษุสงฆ์ประชุมกันสวดพระปาฏิโมกข์ ได้ทุกวัน 14 ค่ำ, 15 ค่ำ, และ 8 ค่ำ แห่งปักษ์
ทรงมีพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์สวดทบทวนพระปาฏิโมกข์เฉพาะในวันอุโบสถ คือปักษ์ละ 1 ครั้ง และรับสั่งให้ทำอุโบสถโดยพร้อมเพรียงกัน คือไม่ให้แยกกันทำอุโบสถ รับสั่งให้ใช้อาวาสเดียวกันเพื่อเป็นเขตสามัคคีของสงฆ์
พระภิกษุจึงเกิดความสงฆ์สงสัยว่า อาวาสเดียวกันนั้น กำหนดอย่างไร จึงทรงมีพุทธานุญาตให้สมมติ คือประกาศสีมา (เขตแดน) โดยกำหนดภูเขา, ก้อนหิน, ป่าไม้, ต้นไม้, หนทาง, จอมปลวก, แม่น้ำหรือแอ่งน้ำ เป็นเครื่องหมาย "นิมิต"
ซึ่งการกำหนดหมายเอาวัตถุบางอย่าง เป็นเครื่องหมายเพื่อกำหนดเขตแดนขึ้น เรียกว่า การผูกสีมา (พัทธสีมา) ที่แปล ว่า “เขตแดน” ซึ่งเป็นนิมิตเพื่อใช้กำหนดเขตการทำสังฆกรรม
ซึ่งช่วงแรกนิมิตเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่นใช้ต้นไม้เป็นเขตกำหนด ทำให้กำหนดสถานที่ประชุมสงฆ์ทำได้ยากและมักคลาดเคลื่อน เพราะต้นไม้นั้นล้มตายลง หรือหักโค่นจนตายไป ก็ทำให้เขตที่อาศัยต้นไม้นั้นเป็นสัญลักษณ์ก็จะคลาดเคลื่อนไป
ปัจจุบันจึงได้มีการพัฒนากำหนดนิมิตขึ้นใหม่อีกประเภทหนึ่งขึ้นแทน คือ เป็นนิมิตที่จัดสร้างหรือทำขึ้น เช่น การขุดบ่อน้ำ คูน้ำ สระน้ำ และก้อนหิน และที่นิยมกันมากก็คือ ก้อนหินกลมๆ ที่เราเรียก ลูกนิมิต สมัยนี้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นจึงได้มีการประดิษฐ์เจียรก้อนหินให้เป็นลูกกลมๆ อย่างที่วัดเรานิยมก็มักใช้ ดวงแก้วจุยเจีย เป็นนิมิตในการกำหนดเขตอาวาส
1
เนื่องจากการกำหนดเขตอาวาสนั้นมีภิกษุฉัพพัคคีย์ พากันกำหนดเขตใหญ่เกินไปบ้าง 5 โยชน์ 6 โยชน์บ้าง (เกือบ 100 กิโลเมตร) จึงมีรับสั่งให้สามารถกำหนดเขตอาวาสได้เพียง 3 โยชน์เท่านั้น แต่กระนั้นก็ยังเป็นเขตที่ใหญ่อยู่ดีภิกษุทั้งหลายก็ได้สวดปาฏิโมกข์ตามบริเวณต่าง ไม่มีที่สังเกต ภิกษุที่เป็นอาคันตุกะ (ผู้มาจากที่อื่น) ไม่รู้ว่าทำอุโบสถกันที่ไหน จึงทรงอนุญาตให้สมมติโรงอุโบสถทำอุโบสถ จะเป็นวิหาร เพิง ปราสาท หรือจะเป็นถ้ำ ก็ได้
ในเวลาต่อมา ภิกษุทั้งหลายสมมติโรงอุโบสถ 2 แห่งในอาวาสเดียวกัน ตรัสห้ามและตรัสแนะให้สวดถอนโรงอุโบสถเสีย 1 หลัง จึงมีพุทธานุญาติให้คงใช้เพียงหลังเดียว นั่นก็เพื่อความสามัคคีแห่งหมู่สงฆ์
อุโบสถเป็นสถานที่ที่สำคัญมาก เพราะเป็นที่ที่ให้พระภิกษุสงฆ์ได้ทบทวนพระปาฏิโมกข์ ได้สนทนาธรรม เวลามีเหตุอะไรเกิดขึ้นในคณะสงฆ์ พระภิกษุสงฆ์ก็จะประชุมกันที่อุโบสถ เพื่อร่วมกันแก้ไขเหตุต่างๆ
อุโบสถยังเป็นสถานที่แสดงธรรม สถานที่บรรพชาสามเณร อุปสมบทพระภิกษุ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม กรานกฐิน อธิษฐานเข้าพรรษา ปวารณาออกพรรษา ฯลฯ คือเป็นสถานที่ที่ทำให้คณะสงฆ์เกิดความสามัคคีแห่งและความบริสุทธิ์ของสงฆ์
การที่บุคคลใดได้มีโอกาสร่วมสร้างโบสถ์ ซึ่งวัดๆ หนึ่งมีได้เพียง 1 อุโบสถเท่านั้น ดังนั้นโอกาสที่จะได้สร้างโบสถ์ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ วัดๆ หนึ่งมีโอกาสสร้างอุโบสถได้ 1 หลัง ในชีวิตของเราจะมีโอกาสร่วมสร้างอุโบสถได้สักกี่หลัง
ปีนี้เมื่อกฐินเริ่มหมดลงเราก็จะเริ่มฝังลูกนิมิตมาคอยดูกันว่าเราจะทำกันได้กี่วัดสาธุๆๆๆ
, 📌📌📌ชอบกดไลท์กดแชร์กดติดตามด้วยนะคะ🙏🙏🙏🙏
โฆษณา