10 พ.ย. 2019 เวลา 04:04 • ข่าว
* งานวิจัยใหม่เผยว่า ภายในปี 2050 น้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นจนทำให้หลายๆเมืองหายไปจากแผนที่
งานวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications โดย Climate Central องค์กรวิทยาศาสตร์ในเมือง New Jersey ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนักวิจัยได้พัฒนาวิธีการคำนวณแบบใหม่ให้มีความแม่นยำมากขึ้นจากระบบเดิม แล้วพบว่าภายในปี 2100 จะมีประชากรประมาณ 630 ล้านคน สูญเสียที่อยู่อาศัยเพราะน้ำท่วมจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น (340 ล้านคน ภายในปี 2050) เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากข้อมูลเดิมที่ระบุว่ามีแค่ประชากรราวๆ 190 ล้านคนเท่านั้นที่จะต้องเดือดร้อน
nytimes.com
ด้านซ้าย : รูปจากข้อมูลเก่า
ด้านขวา : รูปจากข้อมูลใหม่
พื้นที่สีเทา : บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่
พื้นที่สีฟ้า : บริเวณที่คาดการณ์ว่าจะจมอยู่ใต้น้ำภายในปี 2050
ภาพด้านบนแสดงพื้นที่ประเทศไทย บริเวณอ่าวไทย จากข้อมูลใหม่เห็นได้ว่ามีประชากรมากกว่า 10% ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่จะถูกน้ำท่วมในปี 2050 ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลเดิม ที่พบว่ามีประชากรเพียง 1% เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งกรุงเทพฯถือเป็นพื้นที่เสี่ยงที่จะกลายเป็นแผ่นดินที่อยู่ใต้น้ำไปทั้งจังหวัด รวมถึงสมุทรปราการ สมุทรสาครและฉะเชิงเทราบางส่วน
หมายเหตุ : ข้อมูลจากงานวิจัยนี้ไม่รวมถึงจำนวนประชากรที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคตและแผ่นดินที่จะหายไปจากการพังทลายของพื้นที่ชายฝั่ง
coastal.climatecentral.org
วิธีใหม่ที่ถูกนำมาใช้ในการคำนวณมีชื่อว่า CoastalDEM ใช้วิธีเก็บข้อมูลจากระยะไกลที่เรียกว่า LiDar จากทางอากาศ (Airborne Lidar) ซึ่งแตกต่างจากวิธีเดิมของนาซ่า (NASA’s SRTM) ที่ใช้ดาวเทียม ICESat เก็บข้อมูลจากชั้นบรรยากาศ (Spaceborne Lidar)
Integration of LiDAR and IFSAR for mapping - Scientific Figure on ResearchGate. Available from: https://www.researchgate.net/figure/Illustration-of-Airborne-LiDAR_fig1_32894099 [accessed 10 Nov, 2019]
ภาพแสดงการสำรวจด้วยวิธี Airborne Lidar
พบว่าวิธีเดิมที่ใช้ดาวเทียมในการสำรวจมีข้อผิดพลาด (error) ไปจากข้อมูลจริงเยอะมาก เพราะไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียด ทำให้ไม่สามารถแยกแยะแผ่นดินที่เป็นพื้นราบออกจากต้นไม้หรือตึกที่มีความสูงขึ้นมาจากพื้นผิวได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น Scott A. Kulp และ Benjamin H. Strauss นักวิจัยที่รับผิดชอบงานวิจัยนี้จึงเลือกใช้การเก็บข้อมูลแบบใหม่ และนำระบบ AI มาช่วยในการตรวจสอบข้อมูลและแก้ไขจุดบกพร่องเพื่อให้ข้อมูลมีความแม่นยำมากขึ้น
nytimes.com
เวียดนามตอนใต้อาจหายไปทั้งหมด ซึ่งมีประชากรราว 20 ล้านคน หรือคิดเป็นหนึ่งในสี่ของประเทศที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ส่วนเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่าง โฮจิมินห์ ก็จะถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง
nytimes.com
เซี่ยงไฮ้ หนึ่งในเมืองที่ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจระดับโลกก็จะถูกน้ำท่วมบริเวณใจกลางเมือง รวมถึงเมืองที่อยู่บริเวณรอบๆ
nytimes.com
มุมไบ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอินเดียและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจเมืองหนึ่งก็จะถูกน้ำท่วมไปมากกว่าครึ่งของพื้นที่ทั้งหมด
nytimes.com
อเล็กซานเดรีย เมืองที่ถูกก่อตั้งโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช ขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอียิปต์รองจากไคโร ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ก็มีโอกาสที่จะถูกน้ำท่วมหายไปทั้งหมด
บาสรา เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอิรัก และถือเป็นเมืองศูนย์กลางด้านการศึกษาก็จะถูกน้ำท่วมหายไปภายในปี 2050 นอกจากนั้นยังส่งผลกระทบต่อเขตแดนของประเทศอิรักด้วย
จากข้อมูลทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าหลายๆประเทศทั่วโลกควรตระหนักถึงปัญหาระดับน้ำทะเลที่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตให้มากกว่านี้ ควรมีแผนสำรองในการรับมือและเตรียมพื้นที่ในการอพยพคนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการหายไปของพื้นที่ในประเทศเป็นบริเวณกว้างจะทำให้เกิดการอพยพของประชากรครั้งใหญ่ นำมาซึ่งปัญหาความแออัดและการก่อการร้ายแย่งชิงพื้นที่
นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาโลกร้อนหรือปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกแล้ว มันคือปัญหาของมนุษย์ที่ต้องอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงโครงสร้างทางสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และอาจรวมไปถึงการทหารด้วย
Article/งานวิจัย >>
References/อ้างอิง >>
โฆษณา