9 พ.ย. 2019 เวลา 01:08 • การศึกษา
Positive psychology
“จิตวิทยาเชิงบวก” แนวทางการใช้จิตวิทยา ที่จะทำให้เรา ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
หลักการที่ควรได้รับการถ่ายทอดให้กับเด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้
Pinterest
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงศตวรรษที่ 20 (ก่อนปีคศ.2000) นักจิตวิทยายังคงเน้นศึกษาเกี่ยวกับภาวะผิดปกติทางจิต ความเจ็บปวดทางใจ การบาดเจ็บที่เกิดกับจิตใจ ซึ่งมีแต่เรื่องการแก้ไขจิตวิทยาในเชิงลบเป็นหลัก
จนกระทั่งเมื่อปี 1998 ชายที่ชื่อว่า Martin Seligman ได้ขึ้นมาดำรงค์ตำแหน่งประธานสมาคมจิตวิทยาของอเมริกา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เขา ได้เริ่มการพัฒนาจิตวิทยาแนวใหม่ ที่ก่อนหน้านี้ได้รับความสนใจน้อยมาก นั่นก็คือ “positive psychology”
1
และนั่นทำให้จิตวิทยาไม่ได้เป็นเพียงแค่ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับภาวะเชิงลบเป็นหลักอย่างเดียวอีกต่อไป
ในปี 2008 Peterson ได้ให้นิยามของ positive psychology ไว้ได้อย่างน่าสนใจ คือ
เป็นศาสตร์ทางจิตวิทยา ที่ศึกษาเกี่ยวกับความคิดของมนุษย์ ความรู้สึก พฤติกรรม โดยเน้นที่จุดแข็งของคนคนนั้น มากกว่าจุดอ่อน พยายามเน้นการสร้างจุดที่ดีในชีวิต ให้ดียิ่งขึ้นไป มากกว่าการพยายามไปแก้ไขจุดที่ไม่ดี ทำให้ชีวิตเราสามารถเปลี่ยนจากคนกลางๆ เป็นคนยอดเยี่ยม มากกว่าที่จะเน้นเพียงแก้ไขสิ่งที่เป็นจุดอ่อนให้กลับขึ้นมาปกติ
1
อ่านถึงตรงนี้แล้วคุณอาจจะสงสัยว่า แล้วการแก้ไขสิ่งที่เป็นจุดอ่อน หรือจุดที่ปรับปรุงได้ มันไม่ดีตรงไหน?
จริงๆแล้วต้องบอกว่าเป้าหมายของ positive psychology นั้น เน้นเติมเต็มความสุข ความพึงพอใจ การมองโลกในแง่ดี ความหวัง และความมั่นใจในตัวเอง ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยส่งเสริมกับศาสตร์เดิมทางจิตวิทยาที่แก้ไขสิ่งที่บกพร่องทางจิตใจ ทำให้ชีวิตเรามีพลังบวกในการผลักดันตัวเองมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ยังไม่ค่อยมีคนที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าใดนัก ส่วนศาสตร์เดิมนั้นก็ยังคงมีความสำคัญอยู่เช่นกัน และช่วยให้เรามีสภาวะทางจิตกลับมาอยู่ในจุดสมดุล
Pinterest
สิ่งที่จิตวิทยาเชิงบวกให้ความสำคัญในการศึกษาหลักๆ คือ
1. ประสบการณ์เชิงบวก เช่น ความสุข ความสนุกสนาน ความรัก แรงบันดาลใจ
2. ภาวะและคุณสมบัติเชิงบวก เช่น ความกตัญญู ความกรุณา ความยืดหยุ่น
3. หน่วยงานต่างๆที่มีหลักการทำงานเชิงบวก
การที่เราให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นจุดแข็งในชีวิตเรานั้นสำคัญมาก หลายคนมัวแต่กังวลที่จะแก้ไขจุดอ่อน จนลืมไปว่าเราสามารถผลักดันจุดแข็งของเรา จุดที่ทำให้เรามีความสุข ให้ดียิ่งขึ้นไปได้อีก ซึ่งโดยรวมแล้ว มันก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่ไม่ดีให้ดีขึ้น
นอกจากนี้การศึกษายังทำให้เราค้นพบความจริงอีกหลายอย่าง เช่น เงินที่มากขึ้นอาจจะไม่ได้ทำให้เรามีความสุขที่มากขึ้นไปเรื่อยๆ หรือการได้เกรดการเรียนที่ดี จะทำให้นักเรียนมีความสุขมากขึ้นมาก
ดังนั้น ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความกดดันจากสังคม การแข่งขันที่รุนแรง และความวุ่นวายต่างๆ ที่ทำให้เด็กหรือแม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆต้องตกอยู่ในภาวะความเจ็บป่วยทางจิตหลายชนิด การเรียนรู้สิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความสุขและสิ่งที่เรามักเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสุข ก็อาจจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคง และเกิดความสุขที่แท้จริงได้มากยิ่งขึ้น
1
ตอนต่อๆไปเราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กันเพิ่มเติมนะคะ มีประโยชน์สำหรับคนทุกวัยแน่นอน
อย่าลืมติดตามน้องดรีมนะคะ ^ ^
Ref :
โฆษณา