1 ธ.ค. 2019 เวลา 04:30 • ความคิดเห็น
ฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อประโยคที่ว่าผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ถ้าถามว่าทำไม เพราะฉันเป็นผู้หญิงที่มีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายน่ะสิ
"ฮัลโหล?"
เสียงผู้ชายทุ้มต่ำที่ปลายสายดังขึ้นหลังจากโทรศัพท์ยังดังไม่ถึงสองที
"ทำไม จะแต่งงานละเหรอ"
"แต่งงานบ้าอะไรละ!" ฉันที่เป็นฝ่ายโทรไปแหวใส่คนพูด
"อ่าว แล้วมีอะไรครับ นานๆจะโทรมาทีตื่นเต้นเลยเนี่ย"
"อย่ามาเว่อ ช่วงนี้ว่างมั้ยจ๊ะ คิดถึง กินข้าวกัน"
"แกผีเข้าเหรอ ที่ผ่านมานัดแกทีไรก็ไม่ว่างตลอด"
1
"จะนัดไม่นัด?"
"เออๆ อาทิตย์หน้าว่างวันศุกร์วันเดียว ศุกร์เย็นได้ไหมล่ะ?"
“ได้ พระอาทิตย์นะ อยากกินเมนูนั้นอีก”
“ได้ เจอกันแก”
ฉันกดวางโทรศัพท์อมยิ้มเล็กๆ จะกี่ปีความกวนก็ยังเหมือนเดิม นึกย้อนไปถึงวันแรกที่เจอกัน ฉันก็ยังแอบขำและแทบไม่เชื่อว่าเราสองคนจะรู้จักกันมาจนถึงวันนี้ได้
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ฉันกับกลุ่มเพื่อนราว 10 คน ไปงาน open house ของโรงเรียนชายล้วนแถวปากคลองตลาด วันนั้นมีกลุ่มรุ่นพี่เป็นไกด์พาทัวร์โรงเรียน หลังจากพาเดินสำรวจจนไม่รู้จะไปที่ไหน สุดท้ายรุ่นพี่กลุ่มนั้นพาไปอยู่ที่ชมรมธนู เพราะเป็นชมรมของเขาเอง
ที่นั่น ฉันได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งตอนแรกก็มาเล่นมุกเสี่ยวใส่ไม่หยุด แต่ฉันพบว่ามันแป้กแล้วก็ขำดี ทำให้ได้คุยกับเขาเยอะกว่าคนอื่น พวกเราลองยิงธนูและใ้ช้เวลาอยู่ที่ชมรมนั้นประมาณสองชั่วโมง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
ก่อนกลับเราทุกคนแลก msn กัน เพื่อนของฉันเป็นคนแรกที่แอดมา ช่วงนั้นเราคุยกันเยอะมาก วันละหลายชั่วโมง เขาตีกลองเป็น ก็ตีกลองส่งมาให้ฟังบ้าง ร้องเพลงให้ฟังบ้าง จนสุดท้ายเราได้นัดเจอกันอีกที่งานหนังสือ
ฉันไปงานหนังสือเป็นประจำทุกครั้งไม่เคยพลาด เพื่อนของฉันก็เช่นกัน ฉันจำรายละเอียดวั้นนั้นไม่ได้แล้วว่าเป็นอย่างไร จำได้แค่ว่าฝนตกและเป็นวันดีๆอีกวัน
หลังจากคุยกันมาสักพักฉันพบว่าเราสองคนมีอะไรคล้ายกันเยอะมาก เขาเป็นคนดีคนหนึ่งจนฉันอยากเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆ ‘เป็นคนที่รู้จักกันไปตลอดชีวิต’ ฉันคิดแบบนั้น วันหนึ่ง เราคุยโทรศัพท์กัน ฉันตัดสินใจบอกเขาตรงๆว่า 'เรามาเป็นเพื่อนกันนะ เป็นเพื่อนกันไปนานๆ ห้ามจีบกัน แกเป็นคนดี อยากรู้จักกับแกไปตลอดชีวิต ได้ไหม'
เพื่อนอึ้งไปเล็กน้อยที่ฉันพูดตรงขนาดนั้น เขาบอกว่า ‘ได้ คิดว่าฉันจะจีบแกเหรอ’ ฉันหัวเราะ ก่อนตอบว่า ‘ก็เปล่าหรอก' เพราะรู้ว่าเพื่อนของฉันแอบชอบผู้หญิงที่เรียนพิเศษ 'แค่พูดเผื่อไว้ สาระไม่ได้อยู่ตรงจีบ แต่อยู่ตรงอยากมีแกเป็นเพื่อนไปตลอดเลย’
เวลาผ่านไป เราโตขึ้น เข้ามหาลัย ก็อยู่กันคนละที่เหมือนเดิม อยู่ไกลแบบคนละจังหวัดแต่ก็ยังไปเที่ยวหากันที่มหาลัยของแต่ละคน นอกจากงานหนังสือเรานัดกินข้าวกันบ้าง ดูหนังบ้าง ความสัมพันธ์ของเราดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆ จนผ่านมา 15 ปี
หลังๆเราคุยกันน้อยลงตามวาระและวัย เลิกไปงานหนังสือด้วยกันเพราะเพื่อนของฉันไปเรียนและทำงานที่ต่างประเทศ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคอยส่งโปสการ์ดมาให้ฉัน เขาไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยและเป็นเพื่อนคนเดียวที่สงโปสการ์ดมาให้ฉันจากทุกประเทศที่ไป ฉันเคยลองนับดูมีเกิน 25 ใบ ตั้งแต่อเมริกา ยุโรป เอเชีย ที่ที่หนาวสุดๆอย่างฮาร์บิน หรือภูเขาสูงอย่างเนปาล
ฉันคิดว่าความสัมพันธ์นี้พิเศษ เราเคยเป็นคนแปลกหน้าที่เจอกันเพียงแค่วันเดียว แต่คบกันเป็นเพื่อนได้นานถึงขนาดนี้ เขาเป็นเพื่อนสนิทผู้ชายคนแรกในชีวิตของฉัน เป็นเพื่อนผู้ชายคนแรกที่ฉันคุยด้วยเยอะมาก แต่เราไม่เคยเป็นแฟนกัน ช่วงเรียนมหาลัย ฉันและเขาต่างมีแฟนทั้งคู่ เพื่อนของฉันเปลี่ยนแฟนค่อนข้างบ่อย มีคนเข้ามาคุยเรื่อยๆ ถ้าคนไหนจริงจังเขาจะพามาให้ฉันเจอ ทำให้ฉันรู้จักแฟนเขาทุกคน ตั้งแต่คนแรกถึงคนปัจจุบัน
เราไม่ได้เจอกันมาสองปีแล้ว ตอนนั้นเพื่อนของฉันเพิ่งอกหัก แต่เมื่อไม่นานมานี้มีคนแท็กรูปเขากับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วแซวผ่านเฟซบุค ฉันเลยคิดจะถามตอนเจอกันว่ามีแฟนแล้วทำไมไม่บอก
ใกล้เวลานัดเข้าไปทุกที
ฉันที่ยังยืนอยู่ป้ายรถเมล์แถวบ้านกับระยะทางราว 26 กิโลเมตรที่ต้องฝ่าฟันไป ถ้าไม่ใช่เย็นวันศุกร์ที่รถติดหนักก็คงใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้บอกไม่ได้เลยว่าอีกนานเท่าไหร่กว่าจะถึงจุดหมาย
“แก สายแน่เลยหรือเราจะเจอกันในเมืองดี”
“ไม่เป็นไรแก ฉันพาแฟนมาด้วย กำลังขับรถไปร้านละ”
“หะ? นั่นไง คิดอยู่แล้วเชียว แกมีแฟนแล้วจริงด้วย ไม่เห็นบอกเลยนะ”
“นี่ไง ก็พามาเจอแล้วไง”
“ดีมากจ้ะ ไม่งั้นวันนี้จะถามเรื่องนี้แหละ พามาเปิดตัวเลยก็ดี”
“อ่าว ไหนบอกว่าอยากเจอเพราะคิดถึง”
“คิดถึงไง คิดถึงมากกกก” สำหรับเราสองคน คำว่าคิดถึงเป็นคำธรรมดาที่ฉันพูดกับเขาทุกครั้งเวลาคุยกัน
“คิดถึงยังไงสายอีกแล้ว นี่แฟนฉันถามตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วว่าไม่รีบไปเหรอ ฉันตอบว่า อ๋อ เขาไม่รีบมาหรอก แฟนงงไปเลย”
“ฮ่าๆ แหม รู้จักกันดีจังนะ เออๆ แกนั่งกับแฟนไปก่อน เดี๋ยวตามไป”
ฉันขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นดาดฟ้า ร้านนี้บรรยากาศดีถูกจริตคนชอบนั่ง outdoor อย่างฉัน เข้าไปในร้านหันซ้ายขวาเห็นคนโบกมือให้จากโต๊ะหน้าเวทีเลยรีบเดินไปทักทาย หลังจากทำความรู้จักกับแฟนเขา เราสามคนก็คุยกันไม่หยุดอีกเลย
เผลอแปบเดียวเวลาก็ล่วงเลยจนสมควรต้องแยกย้ายกลับบ้าน แต่ไหนแต่ไรเวลาเจอกันเพื่อนฉันจะเป็นคนออกเงินเสมอ ตอนรู้ว่าเขาพาแฟนมาและเนื่องจากเราไม่ได้เจอกันมานาน ฉันจึงเกรงใจและคิดจะจ่ายเอง แต่เขาพูดขึ้นมาว่า ‘ฉันต้องเลี้ยงแกอีกแล้วสินะ’ แล้วก็จ่ายค่าอาหารทั้งหมด
ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่ชั่วโมงยังเหมือนเดิมทุกครั้งที่เจอกัน ทำให้รู้ว่ามิตรภาพระหว่างเรายังคงอยู่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี เขากับแฟนเดินไปส่งฉันเรียกแท็กซี่ ระหว่างทางเขาพูดขึ้นมาว่า
“แกว่าร้านนี้ดรอปลงมั้ย ดูไม่ดังเท่าเมื่อก่อน”
“คงงั้นมั้ง” มาครั้งสุดท้ายก็ห้าหกปีมาแล้ว ไม่รู้จะออกความเห็นอย่างไร
“เนี่ย แถวนี้มีอีกที่เปิดใหม่ใกล้ๆ แกโผล่มาอีกดิ จะพาไป”
หืม? ฉันเลิกคิ้ว มองหน้าเขา ให้ความเงียบกับรอยยิ้มแทนคำตอบ พลางคิดในใจ ‘สำหรับแกน่ะ เจอกันปีละครั้งก็พอแล้ว ไม่ต้องบ่อยหรอก แต่ว่า มาเจอกันไปเรื่อยๆนะ’

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา