13 พ.ย. 2019 เวลา 00:20 • ปรัชญา
ความหมาย ของ 12 นักษัตร ของชาวจีน
"รากของ...คนจีน"ความหมายของ 12 นักษัตร
ภาพ 12 นักษัตร จาก google
ในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งที่กรุงปักกิ่ง
ชาวจีนกลุ่มหนึ่งมาร่วมงานในฐานะเจ้าบ้าน คณะแขกในงานคือชนชั้นสูงที่ส่วนใหญ่เป็นวงศาคณาญาติของเครือราชวงศ์ในแถบประเทศยุโรป แขกทุกคนล้วนมีการศึกษาสูงและกิริยามารยาทในสังคมดีเลิศทั้งนั้น
แต่เบื้องหลังแต่ละคนล้วนซ่อนความหยิ่งยโสไว้เกือบทุกคน อาจเป็นเพราะงานคืนนั้นเป็นงานเลี้ยงส่งคณะผู้มาเยือนเป็นคืนสุดท้าย แต่ละคนอาจดื่มหนักไปหน่อย เลยพูดจาค่อนข้างปล่อยวางตามอำเภอใจ และแล้ว ก็มีฝรั่งท่านหนึ่ง ลุกขึ้นยืนแล้วถามว่า
"ขอทราบเหตุผลหน่อย ทำไมปีนักษัตร 12 ราศีของจีน จึงมีแต่พวกหมู หมา กา ไก่ มาเป็นตัวสัญลักษณ์ ไม่เห็นจะเหมือนของพวกเราเลย ล้วนฟังดูดีมีสกุล เช่น กลุ่มดาวคนยิงธนู กลุ่มดาวสิงโต กลุ่มดาวแมงป่อง ไม่รู้บรรพบุรุษพวกคุณเอาส่วนไหนของร่างกายมาคิดตั้งราศีบ้านๆพวกนี้ออกมา"
พอพูดจบ ก็เป็นเสียงฮาเฮของเหล่าฝรั่งหัวแดง พร้อมชนแก้วดื่มกันสนั่นหวั่นไหว ความเป็นผู้ดีหายไปในชั่วพริบตา
เมื่อถูกเขาเจริญพรถึงบรรพบุรุษกันขนาดนี้ จะเถียงเขาอย่างไรดี จะทุบโต๊ะแสดงความไม่พอใจก็ย่อมจะทำได้ แต่อาจเพราะยังตั้งหลักไม่ทัน ต่างคนต่างยังเก็บความเคืองแค้นด้วยความเงียบ แต่แล้วก็มีชาวจีนท่านหนึ่งลุกขึ้นยืน แล้วใช้น้ำเสียงอันราบเรียบที่สุภาพพูดขึ้นว่า
"ท่านทั้งหลาย บรรพบุรุษของพวกเรามักยืนอยู่บนฐานแห่งความเป็นจริง ปีราศีของพวกเราจับกันเป็นคู่ๆ หมุนเวียนกันหกรอบ แสดงถึงความหวังและความต้องการของบรรพบุรุษของเราที่มีต่อพวกเราทุกคน"
ในเวลานั้น เสียงฮาเฮเริ่มค่อยๆเบาบางลง แต่สีหน้าของชาวต่างชาติแทบทุกคน ยังคงแฝงไว้ด้วยแววตาที่เย้ยหยัน
"ราศีคู่แรก คือหนูและวัว หนูคือตัวแทนของความเฉลียวฉลาด วัวคือสัญลักษณ์ของความขยัน หากคนเราฉลาดแต่ขี้เกียจ ก็ไปไม่ได้ไกล แต่ถ้าขยันแล้วแต่ไร้หัวคิด ก็กลายเป็นไอ้โง่ สองสิ่งนี้ต้องบวกกันเป็นหนึ่ง ก็คือคนฉลาดที่ขยัน นั่นคือสิ่งแรกและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่บรรพบุรุษคาดหวังในตัวพวกเรา"
หนู+วัว
"คู่ที่สองคือเสือและกระต่าย เสือมีความกล้าหาญเต็มร้อย กระต่ายมีความระมัดระวังเป็นคุณสมบัติประจำตัว ความกล้าบวกกับความระมัดระวัง ถึงจะเรียกว่าคนใจถึงแต่รอบคอบ หากมีแต่ความกล้า มันคือความมุทะลุ หากมีแต่ความระแวดระวังเกินกว่าเหตุ มันคือความขี้ขลาด"
เสือ+กระต่าย
คนจีนผู้นั่นมองกลุ่มฝรั่งนิดนึง แล้วพูดต่อเพื่อรักษามารยาทอันดีงาม
"บางครั้งอาจเห็นพวกเรามักนิ่งเงียบ คงจะกำลังครุ่นคิด จงอย่าเข้าใจว่าพวกเราไม่มีความกล้าซ่อนอยู่"
"คู่ที่สามคือมังกรและงู (งูใหญ่และงูเล็กของไทย) มังกรคือความแข็งแกร่ง งูคือความพริ้วไหว ชีวิตที่แข็งทื่อเกินไปอาจต้องเผชิญกับการแตกหัก - ยอมหักไม่ยอมงอ- จึงอาจไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป แต่พลิ้วไหวไปก็ไร้จุดยืน เพราะฉะนั้น ในความแข็งแกร่งต้องมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ ผู้ใหญ่ท่านสอนไว้แบบนี้"
มังกร+งู
"ชุดต่อไปคือม้าและแพะ ม้ามุ่งตะลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว แพะคือสัญลักษณ์ของความอ่อนโยน หากคนเราเอาแต่ลุยไปข้างหน้า ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง คงต้องกระทบกระทั่งเขาไปทั่ว หนทางสู่จุดหมายปลายทางคงทุลักทุเลน่าดู แต่ถ้ามีแต่ความอ่อนโยน ว่านอนสอนง่าย สุดท้ายต้องหลงทางแน่นอน สองสิ่งนี้ต้องรวมกัน เส้นทางสู่จุดหมายจึงจะราบเรียบ"
ม้า+เเพะ
"คู่ต่อไปคือลิงกับไก่ ลิงมีความว่องไว ไก่ขันตามเวลาทุกเช้า มันคือความแน่นอน ความว่องไวที่ปราศจากความแน่นอน เขาเรียกว่า..ความวุ่นวาย ความแน่นอนแต่เชื่องช้าเกินเหตุ อันนี้ชีวิตอับเฉาไร้รสชาติ ชีวิตต้องดำเนินไปด้วยความสมดุลย์ของสองสิ่งนี้ แล้วชีวิตจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น"
ลิง+ไก่
"คู่สุดท้ายคือสุนัขและสุกร สุนัขมีความซื่อสัตย์สูงสุด สุกรว่านอนสอนง่ายที่สุด คนเราถ้าซื่อตรงจนเกินไป ไม่รู้จักผ่อนกฏผ่อนเกณฑ์กันบ้าง จะสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว หรืออาจเครียดเกินเหตุ แต่หากหัวอ่อนไป ก็จะไม่มีบรรทัดฐานของตัวเอง ลู่ไปตามลม คงไม่ดีแน่ แต่การรวมกันของสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ความสมดุลย์จะเกิดขึ้นภายในจิตใจเรา"
สุนัข+สุกร
พออธิบายที่มาของสิบสองราศีจนครบถ้วน ชาวจีนผู้นั้นจึงถามชาวยุโรปว่า
"คงต้องขอทราบว่า สิบสองราศีของพวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดาวแมงป่อง คนแบกหม้อ คนยิงธนู มีความหมายต้องการจะสื่ออะไรหรือเปล่า แล้วที่บรรพบุรุษพวกคุณคัดสรรพวกนี้ออกมา ต้องการหรือคาดหวังอะไรจากพวกคุณบ้าง ช่วยชี้แนะด้วยครับ"
มีแต่ความเงียบ.....ไม่มีคำตอบ.....ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจแรงๆ.....
ชาวจีนที่อาสาเป็นผู้อธิบายถึงความหมายและที่มาของสิบสองราศีท่านนี้ ก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศจีน ที่ชื่อว่า .." โจว เอิน ไหล" ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2492 – พ.ศ. 2519
โจว เอิน ไหล
ภาพ โจว เอิน ไหล จาก google
โฆษณา