14 พ.ย. 2019 เวลา 12:55 • บันเทิง
11. บททดสอบทางธรรมของนก
ผมเคยได้ยินผ่านๆ เรื่องผลของฌาน ว่ากันว่า ผู้ที่ปฏิบัติสมาธิจิตแน่วนิ่งจนได้ฌาน จะสามารถเห็นสิ่งที่ละเอียด เกินกว่าที่ตาเนื้อ ตาหนังของคนธรรมดาจะเห็นได้ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่า คนธรรมดาจะหยั่งรู้ได้ ดังเช่นพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เป็นเรื่องอจินไตย* ( เรื่องอจินไตยมี 4 เรื่อง 1.พุทธวิสัย พุทธคุณของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มีมากเพียงใด 2. ฌานวิสัย ผลของญาณมีอานุภาพเพียงใด 3. กรรมวิสัย ผลของกรรมจะให้ผลอย่างไร และเมื่อใด 4.โลกวิสัย โลกและสัตว์โลกกำเนิดขึ้นอย่างไร) คือ เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งเกินกว่าสามัญสำนึกของสามัญชนจะหาคำตอบได้ แต่วันนี้ผมกลับได้ฟังจากปากของเด็กๆ หลายคน และตอนนี้ นก ก็จะเป็นอีกคนที่รอเล่าเรื่องให้พวกเราฟังอยู่
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าเป็นเด็กผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกับน้องๆ กลุ่มนี้กำลังเดินมาสมทบ กับพวกเรา
นกเป็นเด็กกำพร้า พอเกิดได้ 7 วัน ย่าก็เอาตัวไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัด มีนิสัยใจร้อนไม่เรียบร้อย พอเริ่มเข้าป.3 แม่ก็ไปรับตัวเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เริ่มพบครูเพ็ญ ตอนเรียน ม. 4 เพราะท่านเป็นครูประจำชั้น ชอบสอนสมาธิให้กับเด็กนักเรียน
“ครูเพ็ญจะมีวิธีสอนที่ง่ายๆ คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้จิตเราสงบ การสอนสมาธิให้อยู่กับตัวเอง ให้ดูตัวเอง เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเรา วันหนึ่งเราคิดอะไรบ้าง วันหนึ่งเราทำอะไร ลงไป สามารถคิดได้ไหมว่า ปัญหาคืออะไร ดูให้ลึกลงไปให้ลึกที่สุดว่า เรามีข้อเสียอะไรบ้าง ในจิต อย่าโกหกตัวเอง
ในการทำตอนแรกก็มีปัญหามาก เนื่องจากเป็นคนใจร้อน ทำให้อึดอัดอยู่นิ่งไม่ได้ เพราะนิสัยเหมือนผู้ชาย ครูเพ็ญ ใช้วิธีแก้โดยการสอนโยคะ เข้ามาประกอบในการปฏิบัติธรรม พอฝึกโยคะได้สักพัก สมาธิก็เริ่มมา เพราะการฝึกโยคะเหมือนเป็นการฝึกให้ได้หยุดนิ่งอยู่กับตน...
เช่น บางท่าเป็นท่าทรงตัว จิตต้องนิ่ง ฝึกโยคะทุกอย่างต้องสงบ ให้ลดความมีทิฏฐิ ความใจร้อน ทีละนิด ทีละนิด ความเย็น เริ่มซึมซาบเข้ามาในจิต จนในที่สุด กลายเป็นคนใจเย็น ไม่ค่อยรับรู้ถึงความรู้สึกที่ว่า โกรธ แค้น”
น้ำชูมือ “เราอยากรู้ตอนที่นกถูกทดสอบทางธรรม”
นกตาโต “แหม..อายจัง..ไม่อยากเล่าเลย”
“เป็นเรื่องจริงคะ ถ้าเรามุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรมเมื่อไหร่.. เราก็จะยิ่งถูกทดสอบ สภาวะจิตมากเท่านั้น”
ทุกคนพร้อมใจกันประสานเสียง”ใช่”
นกถอนใจลึกๆ อีกครั้งก่อนเริ่ม “ช่วงแรก จะฝึกปฏิบัติอย่างเข้ม จิตอยู่นิ่งเป็นสมาธิดีมาก จนกระทั่งเทอมปลายของ ม.5 นกเริ่มหลุดออกไป จากการปฏิบัติธรรม ช่วงนั้นกิจกรรมข้างนอกเยอะกว่าข้างใน
เริ่มมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง เหมือนชะตากำหนดว่า ต้องการให้รู้จักว่า ความรักเป็นอย่างไร? ความทุกข์เป็นอย่างไร? เราต้องแก้อย่างไรให้หลุดพ้น
ครูเพ็ญ ท่านรู้ปัญหา จึงพยายามสอนว่า รู้อะไรก็ไม่ดีเท่าเรียนรู้ด้วยตัวเอง... ถ้าใครมาบอกก็ไม่ได้ผล เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวของเราเอง
นับจากนั้น เราก็เริ่มดูตัวเอง
รู้ว่ารักเป็นอย่างไร?
ทุกข์นั้นเป็นอย่างไร?
ทุกข์ คือ ตัวที่เรากำหนดรู้ เราต้องหาวิธีแก้?
ถ้าเรารู้ตัว มันจะกระจ่างเลย ไม่ต้องไปถามอะไรกับใคร เมื่อรู้ด้วยตนเองแล้ว ก็ต้องตั้งสติใหม่ เราควรแก้อย่างไร เริ่มจากตรงไหน...
วิธีแก้ปัญหา อันดับแรก เราต้องสงบ นิ่ง แล้วค่อยเอาปัญหาเข้ามาพิจารณา เหตุที่แท้จริงเริ่มจากตรงไหน เราค่อยแก้ไป จากนั้นพอเราตัดได้ ทุกข์ก็จะหลุดไป
คราวนี้เมื่อเรารู้แล้ว อะไรจะเข้ามา เราก็ป้องกันได้ เพราะเรารู้จักเป็นอย่างดีแล้วว่า มันจะเข้ามาอย่างไร แก้อย่างไร กลายเป็นว่า เรารู้วิธีป้องกันไปโดยปริยาย
เวลาฝึกสมาธิอยู่กับตัวเอง กำหนดไปที่ฐาน 7 มีลูกแก้วรองรับด้วยดอกบัว กำหนดจิตให้อยู่ตรงนั้น กำหนดกายเราให้ใสสะอาดเหมือนลูกแก้วนั้น กลมกลืนกับลูกแก้วนั้น
บรรยากาศธรรมชาติก็ใช้วิธีขอบฟ้า ที่ครูเพ็ญสอน ยืนที่ตรงไหนให้ดูกายเรา ลมที่พัดผ่านกาย ทำอย่างไรก็ได้ให้ใจบริสุทธิ์ ใสสะอาดให้มากที่สุด นิ่ง ขาวสะอาด ใส โปร่ง มันจะไม่มีจิตปรุงแต่ง
“ครั้งต่อมา ครูเพ็ญ สอนทำสมาธิ โดยการเรียนวิชาสับมือ รายละเอียดรอให้พี่เจอ ครูเพ็ญแล้วให้ท่านสอนก็แล้วกันนะคะ”
เบื้องต้น นกอธิบายว่า การสับมือ คือ การกำหนดท่าทางแบบหนึ่ง เหมือนเสริมสร้าง สมาธิ จิตต้องนิ่ง รู้ว่ากายเรา ทำอะไรอยู่ จิตเราต้องเป็นผู้สั่ง เมื่อใช้วิชาสับมือจนจิตนิ่ง เป็นสมาธิ
ครูเพ็ญก็พาไปเที่ยวทางสมาธิ ตอนนั้นนกไปเที่ยวกันเป็นกลุ่ม ครูเพ็ญ ท่านพาพวกเรา ไปสถานที่ที่หนึ่ง
เป็นน้ำตกที่มีสายน้ำไหลสวยงามจับตาจับใจมาก
ที่นั่น นกได้พบกับตัวตนของตนเอง!
“เห็นกินรีตนหนึ่ง กำลังเล่นน้ำตก แต่งกายสวยงาม มีปีก สวมมงกุฎ ไว้ผมยาว รูปร่างงดงามมาก หน้าตาก็ไม่เหมือนเราเลย แต่จิตของเราบอกตัวเองว่า นี่คือ เรา ภาพที่เห็นเหมือนกับเรากำลังดูภาพทางทีวี ไม่มีการพูดจาโต้ตอบกัน จากนั้นก็ถอนกลับมา ไม่ได้เข้าสู่การปฎิบัติอะไรมากสักเท่าไร”
วันถัดมาครูเพ็ญ เริ่มสอนวิธีการควบคุมจิตไม่ให้วอกแวกไปที่อื่น โดยแนะนำให้ตั้งจิต อยู่ที่ฐาน 7 (เหนือสะดือ 1 นิ้ว ) กำหนดมีดอกบัว 1 ดอก และลูกแก้ว 1 ลูก วางอยู่บนดอกบัว ให้เราดูเข้าไปในลูกแก้วว่าข้างในนั้นมีอะไรบ้าง โดยใช้จิตสั่งขึ้นมา ฝึกได้ฐาน 7 แล้ว ก็ตั้งที่ฐาน 7 เลย
“ถ้าจิตไม่นิ่งพอ เราจะเห็นลูกแก้ว เห็นสี เสียง เห็นภาพต่างๆ คือ จิตเรายังคงปรุงแต่งอยู่ นกทำไปเรื่อยๆ ลูกแก้วใสไม่เห็นอะไรเลย นั่นคือ นิ่งสุดแล้ว เอาลูกแก้วเป็นเกณฑ์ถึงจิตเราว่านิ่งมากน้อยขนาดไหน”
ยิ่งใสเท่าไรแสดงว่า จิตเราคงที่มากเท่านั้น ดอกบัวเป็นฐานรอง ถ้าจิตไม่นิ่ง ดอกบัวจะหมุนไปเรื่อยๆ
ถ้ามีสิ่งปรุงแต่ง ในลูกแก้วก็จะหมุนไปเรื่อยเช่นกัน
เมื่อเราเริ่มมีสติ เริ่มไม่ปรุงแต่งเมื่อไร ทั้งสองสิ่งก็จะหมุนช้า ช้าลง ช้าลงเรื่อยๆ แล้วก็หยุดนิ่งใสไปเลย และสิ่งที่เราปรุงแต่งเป็นสีนี้ ก็จะใสกลมกลืนกับลูกแก้วไปเลย
ใสแล้วก็ดูไปเรื่อยๆ เมื่อจิตเรานิ่ง เราก็สามารถเห็นอะไรที่ละเอียด และไปพบกับสิ่งที่ตาเนื้อเห็นไม่ได้
และจากการปฎิบัตินี้เอง ทำให้นก..ได้พบกับเทพประจำกายของตนเอง ซึ่งก็คือ กินรีที่เห็นในนิมิตนั่นเอง เธอมีชื่อแสนเพราะว่า น้ำดอกไม้
แต่กว่าที่นก จะควบคุมสิ่งเร้นลับที่แฝงอยู่ในกายของตนเองได้ ก็เล่นเอานกย่ำแย่เหมือนกัน!!
โฆษณา