16 พ.ย. 2019 เวลา 13:40 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา Calm แอปพลิเคชันนั่งสมาธิ หมื่นล้าน
1
เราได้เห็นผู้คนหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย หรือการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์
และในขณะนี้ แนวโน้มพฤติกรรมดังกล่าว
ได้เริ่มขยายไปสู่การดูแลสุขภาพทางจิตใจด้วย
2
แอปพลิเคชันสำหรับช่วยนั่งสมาธิ ชื่อว่า “Calm” กำลังเป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วสุดในบรรดาบริษัทสตาร์ตอัปด้วยกัน ทั้งๆ ที่เพิ่งมีอายุแค่ 7 ปี เท่านั้น
2
เรื่องราวของแอปนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
แอปพลิเคชัน Calm เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 ก่อตั้งโดย อเล็กซ์ ทิว และไมเคิล สมิธ
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อของ อเล็กซ์ ทิว
เพราะเขาเคยสร้างเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการขายพื้นที่จุด Pixel ให้คนมาโฆษณาบนเว็บไซต์ The Million Dollar Homepage โดยในเว็บไซต์มีหน้าเดียวและใช้ 1 จุดแทน 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งในเวลาต่อมา เขาก็ได้นำเงินนั้นมาร่วมลงทุนสร้างแอปพลิเคชัน Calm
แอปนี้มีเป้าหมายหลักในการเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพทางจิตใจของผู้ใช้
โดยจะเสนอบริการ เช่น ให้คำแนะนำวิธีฝึกนั่งสมาธิ, เล่าเรื่องสบายๆ ให้ฟังก่อนนอน, รวบรวมเพลงที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย
2
Calm มีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Freemium
คือเปิดให้ใช้ฟรี แต่ถ้าหากสมัครสมาชิกในราคาเดือนละ 150 บาท จะมีคอนเทนต์พิเศษเพิ่มเติม
โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แอปได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มียอดดาวน์โหลดทั้งหมด 40 ล้านครั้ง
มีสมาชิกที่เสียค่าบริการอยู่ 1 ล้านบัญชี
และถูกคัดเลือกให้เป็นแอปพลิเคชันแห่งปี 2017 ของ Apple
1
ทั้งนี้ ในตลาดแอปเกี่ยวกับสุขภาพจิตนั้น Calm และคู่แข่งอย่าง Headspace ครองส่วนแบ่งรวมกันถึง 88%
 
ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด
ปี 2016 รายได้ 210 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 660 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 4,500 ล้านบาท
1
ในปีที่แล้ว Calm มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า
ซึ่งเติบโตสูงเป็นอันดับที่ 3 ของเหล่าบริษัทสตาร์ตอัปในซิลิคอนแวลลีย์
2
นอกจากนี้ มีการเปิดเผยว่า พวกเขาสามารถทำกำไรได้ด้วย
ซึ่งต่างจากกิจการสตาร์ตอัปส่วนใหญ่ที่มักจะยังขาดทุนอยู่ในตอนแรก
และที่น่าสนใจคือ บริษัทนี้มีพนักงานแค่ 50 คน
เท่ากับว่าพนักงาน 1 คน สร้างรายได้เฉลี่ย 90 ล้านบาท
1
ด้วยเหตุนี้ ในการระดมทุนครั้งล่าสุด Calm จึงถูกประเมินมูลค่าธุรกิจเอาไว้ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30,000 ล้านบาท ถือเป็นสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น
ขณะที่ Headspace ที่เป็นคู่แข่ง มีมูลค่าอยู่ที่ 9,700 ล้านบาท
1
Cr. Headspace
เพราะเหตุใด Calm ถึงได้เติบโตอย่างรวดเร็ว?
จากผลสำรวจประชาชนชาวอเมริกัน พบว่า
ปี 2012 มีคนนั่งสมาธิเป็นประจำ 4%
ปี 2017 มีคนนั่งสมาธิเป็นประจำ 14%
2
สาเหตุอาจมาจากความเครียดที่มากขึ้นในยุคปัจจุบัน
ทำให้ผู้คนเริ่มเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตอย่างจริงจัง
จึงต้องการหาเครื่องมือ เพื่อช่วยเยียวยาใจให้สงบนิ่งขึ้น
Calm จึงได้ใช้โอกาสนี้ ออกแบบแอปให้มีบริการที่เหมาะสมกับผู้ใช้ในทุกประเภท
สำหรับกลุ่มที่มุ่งเน้นการทำสมาธิ
ทางแอปมีฟีเจอร์ Daily Calm สอนวิธีทำสมาธิ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ทำให้ผู้ใช้ไม่เบื่อ และสร้างความท้าทายให้กลับมาใช้บริการทุกวัน
1
Cr. Calm
สำหรับกลุ่มที่ไม่ได้อยากนั่งสมาธิ แต่ต้องการแค่พักผ่อนแบบสบายๆ
ทางแอปก็ได้คิดค้นฟีเจอร์ใหม่ขึ้นมา เรียกว่า Sleep Stories
1
บริการนี้จะรวบรวมเรื่องสบายๆ มาเล่าให้ฟังก่อนนอน โดยเชิญนักเล่าเรื่องชื่อดังมาให้เสียงบรรยาย
เพื่อให้เราผ่อนคลาย และหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1
ในปัจจุบัน Sleep Stories มีจำนวนผู้ฟังเกิน 100 ล้านครั้งแล้ว
ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยขยายฐานลูกค้า จนส่งผลให้ธุรกิจของ Calm ประสบความสำเร็จ
Cr. Calm
ส่วนแผนในอนาคตนั้น บริษัทก็เตรียมต่อยอดแอปให้ครอบคลุมไปหลากหลายภาษา และพัฒนาคุณภาพคอนเทนต์ให้ดียิ่งขึ้น
รวมทั้งเสริมธุรกิจทางโลกออฟไลน์ เช่น ออกหนังสือ ผลิตเสื้อผ้า หรือแม้แต่สร้างโรงแรมเพื่อให้มีบริการดูแลสุขภาพจิตแบบครบวงจร
1
จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า
เรื่องของสุขภาพจิต คนสมัยใหม่ให้ความสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย
และนับวันผู้คนจะมีปัญหาเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
การนอนไม่หลับ ความกังวล ที่มีผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ รอบตัวเรา
ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม อาจเริ่มต้นจากคำถามที่ว่า “มนุษย์ต้องการอะไร”
อะไรเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานสำหรับคนที่จะมาใช้บริการของเรา
2
การเติบโตของแอปพลิเคชัน Calm
เป็นสิ่งสะท้อนถึงความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ได้ดี
1
จริงๆ แล้วการเกิดมาเป็นมนุษย์
คงไม่มีอะไรดีไปกว่า
การมีจิตใจที่พร้อมจะหลับตาลงในวันนี้
และอยากตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เพื่อเดินตามความหวังของแต่ละคน..
1
โฆษณา