19 พ.ย. 2019 เวลา 13:55 • ปรัชญา
คลิปหนีบกระดาษสีแดง แลกบ้าน 1 หลัง !
ยาวหน่อย อ่านจบพบพลัง 🌿
เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินเรื่องเล่าของชายหนุ่มผู้แลกสิ่งของจากคลิปหนีบกระดาษไปเรื่อยๆ แม้เวลาจะผ่านมานับ 10 ปี แล้ว
แต่แอดเชื่อว่าเรื่องราวของความมุ่งมั่นนี้ ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับใครหลายๆคนในการกล้าที่จะคิด กล้าที่จะฝัน
และกล้าลงมือทำมากขึ้น
ถึงมันจะดูเหลือเชื่อแต่นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับนาย Kyle MacDonald เมื่อปี 2005
โดย project ของชายคนนี้
มีหลักการอยู่ว่าต้องแลกให้สิ่งของมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายต้องไปจบลง
ด้วยการแลกบ้าน 1 หลัง
เรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ความสนุกแต่อย่างใด
แต่เกิดจากการที่เขาและภรรยา
ฝันอยากมีบ้านสักหลังนึง แต่ทำไงได้ล่ะ
ในเมื่อขณะนั้นเขาและภรรยามีเงินไม่มากพอ
ที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังงามสักหลัง
วันนึงเขาจึงนึกถึงเกม Bigger , Better
เกมที่จะให้ผู้เล่นจับกลุ่มกันแล้วแลกสิ่งของไปเรื่อยๆ เมื่อหมดเวลา ใครมีของที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในมือจะเป็นผู้ชนะ
ไคล์ จึงได้หาของชิ้นเล็ก ๆ ในบ้านเพื่อทำ
project นี้ และเขาก็ได้ของที่ถูกใจซึ่งก็คือคลิปหนีบกระดาษสีแดงสดนั่นเอง
cr.pixabay.com
ด้วยความที่ Kyle ทำงานเป็นบล็อกเกอร์อยู่แล้ว เขาจึงนำเอาไอเดียการแลกสิ่งของไปโพสต์ลงในเน็ต
แล้วตั้งชื่อมันว่า
One Red Paper Clip มันทำให้คนเริ่มสนใจและอยากร่วม project นี้ไปกับเขาด้วย
14 กรกฎาคม 2005 (การแลกครั้งที่ 1 )
สิ่งแรกที่เป็นจุดตั้งต้นของเขาก็คือคลิปหนีบกระดาษสีแดง เขาได้นำเอาคลิปหนีบกระดาษไปแลกกับปากการูปปลา
การแลกครั้งที่ 2
ในวันเดียวกันนั้นเอง เขานำปากการูปปลาไปแลกกับลูกบิดประตูแกะสลักที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน
25 กรกฎาคม 2005 (การแลกครั้งที่ 3)
เขาเดินทางไปเมืองแอมเฮิร์ส
รัฐแมสซาชูเซตส์ กับเพื่อน เพื่อนำเอาลูกบิดประตูไปแลกกับเตาปิกนิก (พร้อมเชื้อเพลิง)
24 กันยายน 2005 (การแลกครั้งที่ 4)
เขาเดินทางไปแคลิฟอร์เนียแล้วแลกเตาปิกนิกกับเครื่องปั่นไฟฮอนด้า
16 พฤศจิกายน 2005 (การแลกครั้งที่ 5 )
เขาเดินทางไปยังเมืองแมสเพธ รัฐควีนส์
แล้วนำเครื่องปั่นไฟไปแลกกับถังใส่เบียร์สำหรับงานปาร์ตี้ แถมยังได้ป้ายไฟนีออนติดมือมาด้วย ( ถังเบียร์นี้เป็นรุ่นดังที่สุดในตอนนั้น)
8 ธันวาคม 2005 ( การแลกครั้งที่ 6 )
เขานำเอาถังเบียร์และอุปกรณ์อื่นๆ ไปแลกกับสกีหิมะ ( ซึ่งครั้งนี้เป็นการแลกที่คุ้มค่ามากๆ )
และช่วงนี้ kyle เริ่มมีชื่อเสียงจนรายการทีวีติดต่อให้ไปออกรายการ และในรายการนั้น
มีคนเสนอตั๋วเครื่องบิน 2 ที่นั่งเพื่อเดินทางไปเมืองยาห์ก แลกกับสกีหิมะ ที่kyle มีอยู่
กุมภาพันธ์ 2006 ( การแลกครั้งที่ 7 )
หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ เขาก็นำสกีหิมะไปแลกกับตั๋วเดินทางไปยังเมืองยาห์ก ประเทศแคนาดา ซึ่งมีกำหนดเดินทางคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์
ดูเหมือนว่า project ของ kyle จะไปได้ดี มีผู้คนมากมายเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมเพื่ออยากแลกของกับ kyle
7 มกราคม 2006 ( การแลกครั้งที่ 8 )
เขานำเอาตั๋วทั้งสองใบ ไปแลกกับรถกระบะพ่วงตู้ 1 คัน ( เริ่มมีมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ)
22 กุมภาพันธ์ 2006 (การแลกครั้งที่ 9 )
เขาเอากระบะพ่วงตู้ไปแลกกับสัญญาในการอัดเพลงกับค่ายเพลงที่ชื่อว่า Metalworks ในรัฐออนแทรีโอ
11 เมษายน 2006 (การแลกครั้งที่ 10 )
เขานำเอาสัญญาการอัดเพลงไปให้กับศิลปินที่ชื่อว่า Jody Gnant โดยที่เธอจะมอบสัญญาเช่าบ้าน 1 ปีแบบฟรีๆ ในเมืองฟีนิกส์ รัฐแอริโซนา เป็นการแลกเปลี่ยน
26 เมษายน 2006 (การแลกครั้งที่ 11 )
เขาเอาสัญญาเช่าบ้านไปแลกกับสิทธิ์การได้อยู่กับ Alice Cooper (ศิลปินและนักแต่งเพลงชื่อดัง) ช่วงบ่ายในวันหนึ่ง
พฤษภาคม 2006 (แลกครั้งที่ 12 )
เขานำเอาสิทธิ์การอยู่กับ Alice Cooper ในตอนบ่ายไปแลกกับลูกโลกหิมะซึ่งเป็นลวดลายวง KISS วงร็อกอเมริกันชื่อดัง
แม้จะดูไม่สมเหตุสมผลและมีมูลค่าไม่มากพอ แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งของที่มีคนหมายตาอยู่
และ kyle ได้ทำการบ้านในการแลกครั้งนี้เป็นอย่างดี
2 มิถุนายน 2006 (แลกครั้งที่ 13 )
คนที่หมายตาเจ้าลูกโลกหิมะของวง KISS นี้ก็คือนาย Corbin Bernsen นักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง kyle มอบมันให้กับเขาเพื่อแลกกับการได้รับบทหนึ่งในหนังเรื่อง Donna on Demand
5 กรกฎาคม 2006 ( แลกครั้งที่ 14 )
สุดท้ายเขานำเอาบทในหนังไปแลกกับบ้านฟาร์ม 2 ชั้นในเมืองคิปลิง
รัฐซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา มูลค่า 50,000 เหรียญดอลลาร์หรือประมาณ 1,500,000 บาท
มาถึงตรงนี้ Kyle MacDonald
ทำให้ภาพของคำว่า ความพยามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ซึ่งย่อยออกมาเป็น
ศรัทธาในตนเอง + ความเชื่อ
+ บวกการลงมือทำ
จนกลายมาเป็นเรื่องเล่าการแลกของ 14 ครั้ง จนได้บ้านหนึ่งหลังภายในเวลา 1 ปี
ของเขานั่นเอง
เขียนนอก กรอบ
ขอขอบคุณครับ
โฆษณา