26 พ.ย. 2019 เวลา 23:51 • ความคิดเห็น
#การตลาดง่ายนิดเดียว....ตอน เรื่องของทำเล
มันเริ่มมาจากความเข้าใจแบบผิดๆ
มีพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ที่สงสัยและตั้งคำถามกับตัวเองว่า
" เพราะอะไรร้านค้าของเราถึงไม่ปังเลย
............ทั้งๆที่ไม่มีคู่แข่ง !! "
เรื่องมันมีอยู่ว่า เคทได้ไปรู้จัก ลุงคนนึง แกชื่อลุงจอน ลุงแกเป็นคนที่หลงไหลในวิถีไบค์เกอร์มาก และแกมีความรู้เรื่องยีนส์มากๆ แกสามารถไล่ได้หมดว่า ยีนส์มีกี่แบบ กี่รุ่น ผลิตปีไหน กรรมวิธีในการผลิตทำอย่างไร แกบอกได้หมด !!
ผ้า Dry ซักยังไง ผ้า Coated ดูแลยังไง แกชอบมาเล่าให้เคทฟัง เวลาดูแกเล่าเคทก็จะอินตามทุกครั้ง สีหน้าแววตาแกดูมีความสุขมากๆ แกมักจะบอกว่าวันนึงแกจะเปิดร้านขายเสื้อผ้ายีนส์และแกมั่นใจมากว่า ด้วยภูมิรู้ของแก จะทำให้แกขายได้เป็นกอบเป็นกำ ร้านแกจะต้องเป็นที่นิยมและถูกพูดถึง
เคทเลยถามแกว่า แล้วคุณลุงจะเปิดที่ไหนคะ เคทจะได้ไปอุดหนุน 😊
แกตอบกลับมาว่า....ลุงจะเปิดที่บ้านเรานี่แหละ
เคทได้ยินก็อึ้ง !!
ลุง : ลุงจะบุกเบิกที่นี่เอง ที่นี่จะเป็นแหล่งรวมตัวของชาวแก็งค์ ( แกพูดพลางหัวเราะไป )
เคท : ลุงไม่ลองไปเปิดแถวสยามหรือจตุจักรล่ะคะ
ลุง : โหหห หนู ลุงสู้ค่าที่ไม่ไหวหรอก ลุงกะเช่าตึกแถวซอยบ้านเรานี่แหละ ทำเป็นเล่นไปนะหนู ย่านนี้ชุมชนใหญ่นะ ซอยเราคนมีไม่ต่ำกว่าครึ่งแสนนาา แค่ขายคนในซอยก็เหลือกำลังแล้วล่ะ 😂
ครั้งนั้นเคทไม่ได้โต้แย้งอะไรออกไป แถมยังยุส่งอีก ในใจก็คิดเข้าข้างลุงเอาใจช่วย ว่าลุงแกอาจปังก็ได้ ก็แกมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่แกขาย แกมีแพชชั่น แกมีความรัก มันก็อาจจะสำเร็จก็ได้
แต่...อีกด้านนึงในใจก็ค้านอยู่ในที เพราะแกไม่เข้าใจการตลาด และก็เป็นอีกครั้งที่เกิดความรู้สึกผิดติดอยู่ในใจ เพราะไม่ได้พูดมันออกไป
ผ่านไป 2 เดือน ลุงแกก็เปิดร้านตามความฝันได้จริงๆค่ะ แกเซ้งตึกแถวในซอย ขนาด 1 ห้อง แกจัดร้านได้สวยมากๆเลยค่ะ การวาง layout ออกแบบ display แกทำได้น่าสนใจไม่แพ้ตามห้างใหญ่ๆเลยค่ะ
แล้วแกเป็นคนแมทช์ชุดได้มีสไตล์มากๆ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หมวก แว่นตา แกแมชได้สวยอย่างกับจบคอสตูมดีไซน์มาอ่ะ
ช่วงอาทิตย์แรก มีพวกไบค์เกอร์แวะเวียนกันมาเรื่อยๆเลยค่ะ
แต่ พอผ่านไปเดือนนึง....นับคนเข้าร้านได้เลยค่ะ
ถึงตรงนี้หลายคนคงมีคำถามในใจ ว่า
มั น เ กิ ด อ ะ ไร ขึ้ น !!
ถ้าดูจากองค์ประกอบทั่วไป ลุงแกก็มีคุณสมบัติที่ดี
หากพูดถึงหลักการขาย นี่คือ เซลล์ระดับเบอร์ต้นๆเลย
แต่นั่นแหละค่ะ เซลล์ ไม่ใช่นักการตลาด
คุณอาจจะเป็นนักขายมือทอง แต่คุณจะขายไม่ได้เลยถ้าไม่มีตลาด !!
แม้ซอยแถวบ้านเราจะเป็น ซอยใหญ่ มีประชากรหลายหมื่นอยู่อาศัย ดัชนีคนเข้าออกผ่านสายตาเรือนแสน
อีกทั้งไม่มีคู่แข่ง
แต่การไม่มีคู่แข่ง นี่แหละค่ะ !! คือปัญหา
การไม่มีผู้เล่น หรือ ผู้ค้าในตลาด
นัยนึงมันสะท้อนถึง การไม่มีดีมานด์ค่ะ !
ไม่มีความต้องการในตลาดนั้น
และองค์ประกอบของความเป็นตลาด ก็หมดคุณค่าตาม
คุณอาจจะยัง งงๆ อยู่ ว่า ตลาดในที่นี้คืออะไร ?
เคทจะอธิบายให้คุณเห็นภาพง่ายๆ
เวลาที่คุณจะซื้อทอง คุณนึกถึงที่ไหน ?
เยาวราช ใช่ไหมคะ !
เวลาที่คุณจะซื้อเสื้อผ้ายกโหล คุณนึกถึงที่ไหน
ประตูน้ำ ใช่ไหมคะ !
นั่นแหละค่ะ ความหมายของ ต ล า ด !!!!
สิ่ ง ที่ คุ ณ ต้ อ ง ร ะ วั ง ใ ห้ ดี
บางครั้ง " ท ำ เ ล " ที่คุณมองว่าสวย และคุณมองเห็นช่ อ ง ว่ า ง ใ น ต ล า ด .....ที่ยังไม่มีคนบุกเบิก(ไม่มีคนขายสินค้า,ไม่มีคู่แข่ง) ณ จุดนั้น คุณต้องอย่าลืมว่ามันอาจเป็นช่องว่างที่ไม่มี ดี ม า น ด์ !!
การที่ร้านทอง ร้านขายยา หรือ ร้านเสื้อผ้า หลายๆร้านอยู่ติดกันระแวกเดียวกันแล้วขายดี นั่นก็เพราะผู้บริโภคไปหาซื้อสินค้าที่ตรงนั้นกันค่ะ !!
การไม่มีคู่แข่ง บางครั้งไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป
เพราะคุณต้องเข้าใจว่า แบรนด์ของคุณมันยังไม่ได้แข็งแกร่ง ยังไม่เป็นที่รู้จักของตลาด
การสร้างแบนรด์ เป็นเรื่องของการใช้ระยะเวลา
ดังนั้น เพื่อให้ตลาดรับรู้ ว่าคุณคือ ใคร
คุณอาจต้องยอม เข้าไปอยู่ใน จุดที่เป็นศูนย์รวมของดีมานด์ จุดที่คู่ค้าหรือคู่แข่งขันรวมตัว !!
จุดนั้น แหละ ที่จะทำให้คุณพบดีมานด์ที่แท้จริง
ไม่ใช่ดีมานด์เทียม
ต้องยอม และกล้าที่จะ ซื้อ "ทำเล" ในตลาดค่ะ
แต่ถ้าหากคุณพอมีเงิน มันง่ายมากในการทำตลาด
คุณสามารถสร้างตลาดขึ้นมาได้เอง
หลายคนน่าจะรู้จัก คุณโรจน์แอนทีค เจ้าของตลาดรถไฟ
คุณโรจเป็นคนที่น่าชื่นชมมาก ในแง่ของการบุกเบิก ตลาด ร้านของคุณโรจน์ ที่ไปเปิดอยู่ตลาดรถไฟ หากว่ากันด้วย ทำเล แล้ว เป็นทำเลที่ไม่ทำเงิน(ถ้ามันเป็นทำเลดี คงแพงมหาศาลแล้วหล่ะ) การเดินทางก็ไม่ได้สะดวกอะไร อยู่ในจุดที่ค่อนข้างอับ และที่สำคัญไม่มีดีมานด์ของตลาด (ดีมานด์กลุ่มนี้ ถ้าเป็นทองหล่อ สุขุมวิทน่าจะดีกว่า)
ข้อดีอย่างเดียวคือ มันมีพื้นที่กว้างขวางมาก เหมาะแก่การโชว์สินค้า คุณโรจน์คิดจากคอนเซปง่ายๆว่า เขาต้องทำที่นี่ให้เป็นศูนย์รวมของเก่าซะก่อน โดยการรวมตัวกันของพ่อค้า ตรงนี้มาถึง คำถามสำคัญ
คือ ทำไมเขาถึงไม่กลัวว่าจะเป็นการสร้างคู่แข่งหล่ะ !!
ในการตลาด คุณจะขายได้คุณก็ต้องมีความแตกต่าง
ต้องมี Identity คุณถึงจะขายได้ง่ายและขายได้ดีกว่าคนอื่น หรือสิ่งที่เราเรียกว่าแบรนด์นั่นแหละ และตัวของเขานั่นแหละ คือ แบรนด์
ทีนี้ปัญหาของเขาจึงไม่ใช่เรื่องของแบรนด์ เช่นเดียวกับ ลุงจอน
แต่ปัญหาของเขาคือ ทำยังไงให้คนรับรู้ถึงแบรนด์นี้มากที่สุด (การทุ่มโฆษณาก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งนะคะ แต่คุณต้องทำหลังจากที่รู้ดีมานด์ที่ชัดก่อน) ดังนั้นการสร้างตลาดขึ้นมาจึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
โอเค ถึงไม่มีตลาดเกิดขึ้น(การรวมตัวของร้านค้า)
ร้านเขาก็น่าจะยังคงขายได้ อยู่ได้ แต่แน่นอนว่าเขาไม่สามารถสร้างกำลังซื้อให้มากขึ้นไปอีกระดับได้ มันไม่มากพอที่จะทำให้รวยได้ และถ้าเขาขายดีอยู่แล้ว การหาของมาขายจะกลายเป็นเรื่องยากแทน
ดังนั้นการเชิญชวนพ่อค้ามารวมตัวกันได้ เวลาที่เขาจะหาของเก่าๆเข้ามาขายในร้านตัวเอง เขาก็ไม่ต้องดิ้นรนเสาะแสวงหามากเหมือนแต่ก่อน ภาวะสภาพคล่อง สินค้าหมุนเวียนก็เกิด เพราะคู่ค้าก็อยู่ในตลาดเดียวกับเขา เขาแค่หยิบสินค้าจากร้านอื่นมาปัดฝุ่นแล้วมาไว้ในร้านเป็นแบรนด์ของตัวเอง
หรือ กรณีของคุณ อนันต์ กาญจนพาสน์ เจ้าของบางกอกแลนด์ ผู้สร้างเมืองทอง ก็เป็นตัวอย่างที่ดี (ไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟัง)
เรื่อง ทำเล จึงเป็นสิ่งสำคัญ การมองทำเลให้ออก รวมถึง การทำ "ทำเล ที่ตั้ง" ให้เป็นตลาด เป็นศาสตร์และศิลป์ ที่ควรให้น้ำหนักการศึกษา
บางครั้งอสังหาที่ติดกัน ราคาก็ไม่เท่ากัน ห้องมุม ห้องกลาง ราคาก็ต่างกัน ทัศนวิสัย การมองเห็น ทุกอย่างมีผลต่อปัจจัยการขายหมด อยู่ห้องตรงกลางแต่ เสาสะพานลอยตั้งอยู่ตรงหน้า มูลค่าก็หายไปละ ห้องริมอาจจะแพงหน่อย แต่ด้านข้างทุบแล้วใส่กระจกเพิ่มมุมมองจากด้านข้าง ก็ทำให้มูลค่าใช้สอยเพิ่มขึ้นไปกว่าเดิม คอนโดติดรถไฟฟ้า แต่ห้องโดนบล็อควิวด้วยรางรถไฟฟ้า มูลค่าก็หาย เป็นต้น (เรื่องอสังหาเคยมีเขียนไว้แล้ว ไว้จะรีรันให้อ่านกันอีกนะคะ)
....... ยั ง ยั ง ไ ม่ จ บ ค่ ะ ........
ความรู้อัดเข้าไปให้แน่นๆ 😂😂😂 ให้จุกไปเลย 😂
ทีนี้หลายคน อาจจะมีคำถามว่า
อ้าว !! แล้วในตลาดโซเชี่ยลตลาดออนไลน์หล่ะ
"ทำเล" คือ อะไร ยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม
ในตลาดออนไลน์ก็เช่นกันค่ะ หลักการเดียวกัน
น้องชายเคท เปิดเพจร้านขายของเล่น น้องคนนี้ก็จัดว่าเป็นกูรูโมเดล อีกคนนึงเลยก็ว่าได้ รู้หมดทุกเรื่องเกี่ยวกับโมเดล ก็ทำเพจ เปิดเพจขายปกติ ก็มีคนซื้อเรื่อยๆ มีลูกค้าประจำ แต่ขายไม่รวยค่ะ กำลังซื้อน้อย
เพราะเป็นเพจเล็กๆ คอนเท้นก็ไม่ค่อยได้ทำ เพราะไม่เก่งการตลาด โฆษณาเฟสก็แพงได้ไม่คุ้มเสีย
เคทเลยแนะนำว่า ให้ลงขายในช็อปปี้ด้วย หรือถ้าให้ดี ยอมลงทุนสักหน่อย ไปจ่ายค่าเมมเบอร์ในกลุ่มขายของเล่นสิ
น้องชายก็ทำ ลงขายทั้ง 2 อย่าง ให้ทายค่ะว่า
ในช่องทางไหนขายดีที่สุด
ใช่ค่ะ ในกลุ่มขายของเล่น ขายดีที่สุด และขายออกง่ายมาก เพราะมันคือ ตลาด ไงคะ กำลังซื้อมันชัดมาก แล้วก็เฉพาะเจาะจงฟิกเลย
หรือถ้าแอดวานซ์ขึ้นหน่อย คุณก็ต้องไปขายในอีเบย์ ในอเมซอน ค่ะ เปรียบเสมือนคุณออกเรือไปสู่โลกกว้าง ออกไปสู่ทะเลใหญ่อ่ะ จากที่เคยขายแค่ในคลองเล็กๆ ออกไปสู่แกรนด์ไลน์ 😌😌
โอเควันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ ถ้ามีเวลาว่างคราวหน้าจะมาต่อกัน เรื่อง การสร้างแบรนด์ กันค่ะ
มิ้วๆนะ
1
โฆษณา