30 พ.ย. 2019 เวลา 07:47 • ปรัชญา
# เรื่องเล่าบนรถไฟ
ความเป็นไปได้ มักมีมากมายหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความคิด และทัศนคติของบุคคล เรื่องราวต่อไปนี้ก็เช่นกัน
การเดินทางของสองทหารหนุ่ม
ณ ประเทศอังกฤษ หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 นายพล และร้อยโทหนุ่ม กำลัง เดินทางขึ้นรถไฟเพื่อกลับบ้าน ซึ่งภายในรถไฟเหลือที่ว่างเพียงที่นั่งตรงข้าม สาวน้อยแสนสวย
ที่มาพร้อมกับคุณยายของเธอเท่านั้น เมื่อทั้ง 4 คนนั่งไปได้ระยะหนึ่ง รถไฟก็ลอดเข้าไปในอุโมงค์ยาวที่มืดสนิทนานกว่า 10 นาที
สิ่งที่เกิดขึ้น
ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงจูบตามมาด้วยการตบดังขึ้น เมื่อรถไฟผ่านพ้นออกจากอุโมงค์มาแล้ว ทั้งสี่คนก็นั่งเผชิญหน้ากันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่เสียงที่ได้ยิน กลับทำให้แต่ละคนเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกันไปคนละแบบ
สาวน้อยคิดในใจว่า "นั่นเป็นจูบที่ยอดเยี่ยม แต่ยายของฉันต้องตบหน้าเขา และเขาก็อาจคิดว่าฉันเป็นคนทำมัน เขาคงจะไม่สนใจฉันอีกแล้ว"
เรื่องของเรื่อง
คุณยายคิดว่า "ฉันโกรธที่เขาจูบหลานของฉันแต่ก็ภูมิใจที่เธอปกป้องเกียรติยศของตัวเอง"
นายพลคิดว่า "ไอ้หนุ่มร้อยโทนี่แน่มาก ที่กล้าจูบแม่สาวน้อย แต่หล่อนคงตบฉันเพราะเข้าใจผิดเป็นแน่"
ซึ่งบนรถไฟ มีเพียงร้อยโทหนุ่มคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงแล้วเป็นเช่นไร "ในชั่วขณะ ที่มีแต่ความมืดมิดนั้น ผมมีโอกาสจูบสาวน้อยแสนสวย และตบหน้านายพล เพราะเขาเอาแต่สั่งงานผมอย่างเดียวเลย"
ผลที่ได้รับ
เรื่องนี้ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนเลยว่า อุปสรรคและปัญหาก็เหมือนกับเสียงที่เกิดขึ้นในความมืด มันมักทำให้เราตีความ และนึกคิดไปตามทัศนคติของเรา ณ ขณะนั้นเสมอ ด้วยเหตุนี้การมองเรื่องราวต่าง ๆ เพียงด้านเดียว บางครั้งก็สามารถสร้างปัญหาให้กับเราในภายหลังได้เช่นกัน
ดังที่ อาร์ต มอร์เทลล์ ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า "ผมรักการเล่นหมากรุก ทุกครั้งที่แพ้ ผมจะลุกไปยืนข้างหลังคู่แข่งเสมอ แล้วลองมองกระดานหมากรุกจากฝั่งนั้น จะทำให้เราเห็นวิธีเดินหมากที่โง่เขลาของตัวเอง จากมุมมองของคู่แข่ง"
"เพราะ 10% ของชีวิตคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา และอีก 90% คือการที่เรารับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอย่างไร"
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา