1 ธ.ค. 2019 เวลา 01:17 • ความคิดเห็น
ไม้คานหัก....
ยังจำอาแปะขายก๋วยเตี๋ยวแคะได้ไหมครับ อาแปะผู้มีอัธยาศัยดี เขย่าลวกเส้นไปยิ้มไป ใจดีแถมลูกชิ้นให้อาตี๋บ่อยๆ สั่งกินทีไร ได้ปริมาณมากกว่าคนอื่นทุกที
"อาเฮียครับ ไม่ต้องแถม กำไรไม่มาก หาบมาก็หนัก ให้อาตี๋เหมือนคนอื่นๆ ถ้าอีไม่อิ่ม ก็ซื้ออีกชาม "
เตี่ยเอ่ยกับอาแปะ อาตี๋กำลังคีบเส้นหมี่อยู่คาปากยังส่งยิ้มพยักหน้ากับคำว่า อีกชามของเตี่ยได้ คิดในใจว่า
แห้งชาม น้ำชาม กำลังดี
อาแปะยิ้ม บอกกับเตี่ยว่า
" อาตี๋ใจดี เอาน้ำชาเย็นๆมาให้อั๊วทุกครั้ง เปิดน้ำก๊อกให้ล้างหน้าคลายร้อน อีใจดีกับอั๊ว อั๊วก็ต้องใจดีกับอี "
เตี่ยยิ้ม หันมาบอกอาหมวยว่า
" อาคี๋น้อย ขอบคุณอาแปะซิ อาแปะชมเชยลื้อ "
อาตี๋วางชามลงบนตัก ยกมือไหว้ กล่าวขอบคุณอาแปะ
อาตี๋ คิดเอาเองว่า หาบของอาแปะนั้นต้องหนักมากๆ และเดินมาไกล
คงทั้งเหนื่อยและเมื่อย แถมเตาก็ส่ง
ไอร้อน และ มีควัน น้ำชาเย็นๆกับ
น้ำจากก๊อก คงช่วยทำให้คลายร้อน
หายเหนื่ิอยลงได้บ้าง
ที่สำคัญ อาแปะไม่เคยร้องขอ ไม่เคยเดินไปเปิดก๊อกเองในยามที่อาตี๋ไม่ว่างมาเปิดให้ อาตี๋มองว่า
อาแปะเป็นคนมีมารยาทที่ดี ไม่ถือวิสาสะ ให้ก็รับ ไม่ให้ก็ไม่เรียกร้อง
คนแบบนี้อาตี๋ชอบ ชอบมาจนถึงปัจจุบัน
หากใครเดินเข้ามาเพื่อเรียกร้อง
อาตี๋จะรู้สึกว่า น่ารังเกียจ แต่ถ้าคิดแล้วว่า สมควรให้ อาตี๋จะให้เอง
อาแปะ มาวางหาบทีไร ก็ขายหมดทุกที
อาตี๋ดีใจด้วยทุกครั้ง อาแปะจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินขายอีก
ครั้งหนึ่ง เมื่อฝนตกหนัก อาแปะถอดเสื้อยืดออกมาบิดน้ำ อาตี๋มองเห็นบ่าทั้งสองข้างของอาแปะเป็นรอยด้าน บ่งบอกถึงน้ำหนักของหาบที่แบกมานานวัน กว่าจะได้เงินแต่ละบาท ต้องใช้ความอดทนมากเพียงใด
แต่อาแปะก็ยังคงมีรอยยิ้มเปื้อนหน้า
ซ่อนความเหนื่อยไว้ภายใน
ด้วยอัธยาศัยที่ดี รสชาติก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อย ลูกค้าย่อมมากเป็นธรรมดา
แถมอาแปะยังใจดี บ้านไหนยากจน
มีลูกมาก หิ้วหม้อมาซื้อเกาเหลา อาแปะจะทำให้ในปริมาณมากเป็นพิเศษ
แต่คิดในราคาธรรมดา
ในยุคนั้น น้ำใจไมตรี เบ่งบาน
กว่าน้ำเงินเสมอ
แล้ววันหนึ่ง ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดกับอาแปะ
วันนั้น อาแปะมาวางหาบ ที่หน้าบ้านอาตี๋ ผู้คนในวันนั้นไม่ค่อยคึกคักเหมือนเช่นทุกวัน ขายได้ไม่กี่ชาม นั่งคุยกับเตี่ยอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยลา อาแปะบอกว่า
" วันนี้เตรียมของมามากกว่าทุกวัน
ต้องรีบไปเดินขาย ต้องไปให้ทันโรงงานซอยโน้น แล้วจะเลยไปขายที่ตลาด จะได้กลับบ้านเร็วหน่อย "
กล่าวจบ อาแปะส่งยิ้ม แบกหาบขึ้นบ่า
มือข้างหนึ่ง หิ้วถังน้ำ ออกก้าวเดินได้เพียงสามสี่ก้าว ไม้คานก็หัก ตู้ทองเหลืองทั้งสองฝั่งหล่นลงกระแทกพื้น
ถังน้ำหลุดจากมือ ร่างอาแปะทรุดลงกับพื้น
อาตี๋ กับ อาแหมะ ร้องออกมาด้วยความตกใจ เตี่ยสติดีกว่าใคร วิ่งเข้าไปประคองร่างอาแปะขึ้นนั่ง
" อาคิ้ม เปิดประตูให้กว้าง จะพาอาเฮียเข้าในบ้าน "
พูดจบเตี่ยอุ้มอาแปะ ก้าวเข้าบ้าน วางลงบนเสื่อน้ำมัน อาแหมะเอาหมอนวางรองใต้หัวอาแปะ
เตี่ยเอาเซียงเพียวอิ๊วทาที่จมูก ขมับ และนวดเบาๆตรงหลังหู ปากก็พร่ำเรียก
" อาเฮีย อาเฮีย ได้ยินผมไหม อาเฮีย "
แต่อาแปะยังคงเงียบ เตี่ยหันมาสั่งอาแหมะ และ อาตี๋
" อาคิ้ม อาตี๋ มานวดแขนขาให้อาแปะ เตี่ยจะไปแต่งตัว เตรียมรถ "
บ้านใกล้เรือนเคียง ต่างมามุงดู อยู่หน้าบ้าน อาแหมะส่งเสียงออกไป
" ใครมีแรง ยกหาบมาเก็บในบ้านอั๊ว
ให้ที "
หลายคนช่วยกัน ดีว่าตู้ทองเหลืองไม่ได้รับความเสียหายเท่าไหร่ ข้าวของยังอยู่ครบ อาจเพราะน้ำหนักมาก เวลาอาแปะหาบ อยู่สูงจากพื้นแค่คืบกว่า ความเสียหายจึงน้อยนิด
แต่ไม้คานคงนำกลับมาใช้ไม่ได้แล้ว
ใครคนหนึ่งส่งเสียงมาว่า
" เจ้ ไม้คานหักแล้ว ทิ้งเลยนะ "
อาแหมะรีบโบกมือส่งเสียงปราม
" ไม่ได้ ไม่ได้ เก็บเข้ามาก่อน เผื่ออาเฮียแกอยากจะเก็บไว้ "
เตี่ยเปลี่ยนชุดเรียบร้อย เดินไปที่รถ ปรับเบาะข้างคนขับให้เอนนอน แล้วเดินกลับมาอุ้มอาแปะไปนั่งในรถ
อาตี๋เห็นเตี่ยจับที่ข้อมืออาแปะ หันมา บอกอาแหมะ
" ชีพจรยังดี เฮียจะพาไปโรงพยาบาลใกล้ๆ ดูแลข้าวของอาแปะดีดี แล้วปิดประตูบ้านซะ "
พอเตี่ยก้าวขึ้นรถ อาแปะก็ส่งเสียง
" อาเฮีย อาเฮีย ไม่ต้องไปโรงหมอ อั๊วไม่เป็นไร "
เตี่ยเดินอ้อมมา นั่งลงข้างตัวรถ
" อาเฮีย ตอนนี้รู้สึกยังไง เจ็บที่หลังหูมากไหม ปวดหัวหรือเปล่า "
" อั๊วมึนๆหัว ลืมตาไม่ขึ้น "
" ไปให้หมอตรวจเสียหน่อย เรื่องของไม่ต้องห่วง ให้อาคิ้มอีจัดการนะ "
เตี่ยพูดจบ ปิดประตูรถ เดินอ้อมไปนั่งตำแหน่งคนขับ รถของเตี่ยเคลื่อนตัวออกไป อาแหมะหันมาสั่งอาตั่วเฮีย
" อาตั่ว ลื้อขี่จักรยานไปที่โรงงานซอยโน้น บอกคนงานว่า อาแปะก๋วยเตี๋ยวแคะ ไม้คานหัก วันนี้ขายหน้าบ้านเรา แม่ค้าคนสวยจะเขย่าก๋วยเตี๋ยวขายแทน ไปรีบๆไป "
อาตี๋กับอาตั่วเฮีย ยิ้มขำกับคำว่า
แม่ค้าคนสวย
" อาตี๋น้อย วันนี้ขายก๋วยเตี๋ยวกัน "
" อาแหมะทำเป็นเหรอ "
" ง่ายกว่าตัดเสื้อตั้งเยอะ แต่จำไม่ได้ว่าใส่ลูกชิ้นกี่ลูก "
" ถ้าใส่ทุกอย่าง ก็อย่างละลูกครับ
อาตี๋กินบ่อย จำได้ครับ "
" ตกลงวันนี้ลื้อช่วยอาแหมะขายของล้างถ้วยด้วยนะ "
"ครับผม"
พอเที่ยงๆ ชาวโรงงานก็เดินเรียงแถวกันมา อาแหมะขายไปก็เล่าเหตุการณ์ไป ดูอาแหมะจะสนุกกับการขายก๋วยเตี๋ยว อาตี๋ก็สนุกไปด้วย
เพียงชั่วโมงกว่าๆ ตู้ก๋วยเตี๋ยวก็ว่างเปล่า อาแหมะกับอาตี๋ช่วยกันเก็บล้าง
แล้วนั่งรอการกลับมาของเตี่ย
บ่ายแก่ๆ เตี่ยก็พาอาแปะกลับมา
เมื่อจอดรถสนิท อาแปะก้าวลงมาได้เองพร้อมรอยยิ้ม
สายตาอาแปะมองไปที่ตู้ทองเหลือง
แววตาสลดลงทันที พูดออกมาเบาๆเหมือนรำพึงกับตัวเอง
" ข้าวของ คงเสียหายหมด "
อาแหมะส่งยิ้มมาจากโต๊ะกินข้าว
บอกกับอาแปะว่า
" อาเฮีย มากินข้าวต้มก่อน ไปหาหมอหลายชั่วโมง คงหิวแล้ว "
เตี่ยประคองอาแปะ นั่งลงที่เก้าอี้
ปล่อยให้อาแปะนั่งกินข้าว ส่วนเตี่ย
เปิดท้ายรถ จัดเรียงข้าวของของอาแปะใส่ท้ายรถและเบาะด้านหลัง
ส่วนไม้คานที่หักทั้งสองท่อน
เตี่ยนำมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว
อาแปะกินข้าวกินน้ำเสร็จแล้ว
อาแหมะยกกระป๋องสตางค์มาวางตรงหน้าอาแปะ
" อาเฮีย เงินค่าก๋วยเตี๋ยว "
อาแปะทำตาโต คงจะทั้งดีใจ ทั้งสงสัย
อาแหมะจึงบอกว่า
" ตู้ก๋วยเตี๋ยวแค่หล่นลงพื้น บุบนิดๆหน่อยๆ น่าจะซ่อมแซมได้ ส่วนก๋วยเตี๋ยวอั๊วขายให้หมดแล้ว "
อาแปะกลืนน้ำลายลงคอ ยิ้มของอาแปะมาพร้อมน้ำใสๆที่ไหลเอ่อที่ดวงตา
" อาซ้อ อาซ้อ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ อั๊วขอบคุณ ขอบคุณ "
" ไม่ต้องขอบคุณอั๊ว ขอบคุณคนโรงงานซอยโน้นเถอะ พวกเค้ารู้ว่าอาเฮียเจ็บ ก็เดินมาอุดหนุน ทุกๆคนเป็นห่วงอาเฮียนะ "
อาแปะยิ้ม ก้มหน้าลงดึงคอเสื้อขึ้นมาซับน้ำตา
เสียงสะอื้น รอยยิ้ม พยักหน้าซ้ำ
อากัปกิริยาที่อาแปะทำนั้น อาตี๋แปลออกว่า แกตื้นตันใจ
เตี่ยลงมานั่งข้างๆอาแปะ
" อาเฮียเป็นคนมีอัธยาศัยไมตรีที่ดี
ใครๆก็อยากอยู่ใกล้ ยามเดือดร้อนก็มีแต่คนอยากช่วยเหลือ ถึงได้มีคนเปรียบเอาไว้ว่า คนดีนั้น
ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ "
อาแปะพยักหน้าช้าๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เตี่ยเอาไม้คานมาวางบนตัก พลิกดูไปมา เตี่ยชี้ที่อักษรจีน ที่แกะสลักในเนื้อไม้ อ่านออกเสียงเบาๆว่า " อดทน "
" คงใช้ไม่ได้แล้วครับ หักแบบนี้ ดามแล้วคงได้แค่เก็บเป็นที่ระลึก คงรับน้ำหนักอะไรไม่ได้ "
อาแปะยื่นมือรับไม้คานจากเตี่ย
" เก่ามากแล้วอันนี้ อยู่ด้วยกันมานาน "
เตี่ยมองอาแปะแล้วถอนหายใจ
อาแปะเล่าว่า ระยะหลังสุขภาพไม่ค่อยดี ลูกๆโตแล้ว แต่ยังไม่เป็นโล้เป็นพายแกกลัวลูกๆจะลำบาก แกจึงเพิ่มจำนวนของในแต่ละวัน เพื่อรายได้ที่มากขึ้น จะเก็บหอมรอมริบเอาไว้ให้ลูก เพราะเกรงว่า วันข้างหน้าลูกๆจะลำบาก
เตี่ยฟังจบ ถอนหายใจเป็นครั้งที่สองก่อนจะเอ่ยว่า
" อาเฮีย ไม้คานอันนี้ เป็นไม้เนื้อแข็ง ยังหักลงได้ หากน้ำหนักที่ต้องแบกนั้นมากเกินไป ร่างกายคนเราเป็นเพียงก้อนเนื้อ มีเส้นเอ็นบางๆอยู่ภายใน
วันหนึ่งต้องทรุดโทรมตามกาลเวลา
การเป็นพ่อคน ก็เปรียบเสมือนหาบคอนลูกไว้บ่นบ่า แต่เมื่อพิจารณาว่าลูกโตพอที่จะเดินเองได้ เราก็ได้แต่เฝ้ามอง ชี้ทางที่ถูกที่ีควรให้เค้า ส่วนเค้าจะแข็งแรง ก้าวเดินได้อย่างมั่นคง เค้าจะต้องมีประสบการณ์จากการเรียนรู้
ผมว่า อาเฮียควรเอาไม้คานอันนี้
เก็บไว้แบบนี้ เอาไว้สอนลูกว่า
วันหนึ่งข้างหน้า พ่อแม่ที่เคยแข็งแรง
จะต้องป่วยไข้ หมดประโยชน์ และหักโค่นลง จะได้เป็นเครื่องเตือนใจพวกเค้า ให้เก็บเกี่ยวในสิ่งดีดีที่พ่อแม่สอน
ไปดำเนินชีวิต ด้วยความอดทน ก่อความเข้มแข็ง รู้หน้าที่ตน วันที่หมดพ่อแม่จะได้ไม่ลำบาก "
อาแปะนิ่งฟัง แล้วพยักหน้า เห็นด้วย
เย็นวันนั้น เตี่ยขับรถไปส่งอาแปะที่บ้าน เมื่อกลับมาถึง เตี่ยเล่าว่า
ลูกๆอาแปะโตมากแล้ว ย่างเข้าวัยรุ่น
แต่ดูท่าทีไม่ค่อยสนใจห่วงใยผู้เป็นพ่อ
อาแหมะฟังแล้วส่ายหน้า ส่วนอาตี๋เองก็รู้สึกเห็นใจอาแปะ
" คนเป็นพ่อที่ดี ก็เหมือนแบกลูกไว้บนบ่า เป็นพ่อนั้นไม่ยาก แต่เป็นพ่อที่ดีนั้นลำบากเหลือทน ต้องใส่ใจทั้งเรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ อบรมสั่งสอนวางอนาคตที่ดีของลูก และต้องถามตัวเองเสมอว่าเหนื่อยคือแค่ไหน
แค่ไหนเรียกว่า... เหนื่อย "
อาตี๋น้อย รู้เต็มอกตั้งแต่เล็กจนปัจจุบันว่า เตี่ยนั้น เหนื่อยหนักหนา เหนื่อยจนกลายเป็นความเคยชิน
สองบ่าของเตี่ย แบกชีวิตลูกๆเอาไว้
เฉกเช่นเดียวกับพ่อที่ดีทุกคน ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อลูก
เขียนมาถึงตรงนี้ คิดถึง
" พ่อ "
ท่านหนึ่ง ที่เหนื่อยเพื่อลูกตลอดทั้งชีวิต
" พ่อ "
ที่แบกลูกหลายสิบล้านชีวิต
ไว้บนบ่า
" พ่อ "
ที่ดีที่สุดในโลก
" พ่อ "
ที่เป็น King of King
ขอขอบคุณ: เพจ รอยทางของเตี่ย
เดือนของพ่อ ด้วยความปรารถนาดี
แด่พ่อที่ดีทุกท่านบนแผ่นดินนี้ 🤗🙏
โฆษณา