3 ธ.ค. 2019 เวลา 12:19 • บันเทิง
เรื่องสั้น : Calligraphy รักประดิษฐ์อักษร
ผมเคยถามถึงความหมายของประโยคที่ว่า
"Our first love will last forever"
มันเป็นตัวอักษรที่ถูกสักไว้ด้วยหมึกสีดำ รอยสักที่ถูกจารึกไว้ที่ต้นขาขาวเรียวยาว สีดำเข้มตัดกับผิวละเอียดสีขาวละมุนจนยิ่งทำให้ตัวนังสือชัดเจนจนสะดุดตาทุกครั้งแม้เพียงมองผ่าน
ผมใช้มือค่อยไล้ไปตามส่วนโค้งของเอวคอดเว้า เลื่อนต่ำลงไปจนเกือบถึงรอยสักที่ว่า แล้วเธอก็จะพลิกตัวหนีหรือผุดลุกจากเตียงไปทุกครั้ง ราวกับมันคือดินแดนต้องห้าม มันลึกลับเสียจนผมอดสงสัยไม่ได้จึงต้องเอ่ยถามออกไปถึงที่มาของมัน
"ความรักครั้งแรกมันก็แบบนี้ล่ะ มันตื่นเต้น สดชื่น อิ่มเอม แต่ก็รู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่ถึงมานอนอยู่ตรงนี้"
เธอตอบขณะกำลังลุกขึ้นแล้วสวมเสื้อคลุมบางเบาให้เนื้อนวลกลับไปอยู่ใต้อาภรณ์อะไรสักชิ้น ซึ่งผมว่าตอนเธอเปลือยเปล่า นั่นคืออาภรณ์ที่งดงามที่สุดของเธอ
"แล้วเขาไปไหนแล้วล่ะพี่หนิง" ผมเอ่ยถามขณะหยิบชุดชั้นในที่กองที่พื้นขึ้นมาสวม
"จะถามถึงมันอีกทำไม ก็แค่อดีตเลว ๆ ไม่ต้องรื้อฟื้นจะดีกว่า" พี่สาวมัดรวบผมยาวจนเรียบตึง คว้าลิปสติกสีแดงเพลิงมาแต้มริมฝีปากอย่างชำนาญ
"งั้นผมไปเรียนก่อนนะ คืนนี้พี่หนิงจะกินอะไร ผมจะซื้อมาฝาก" ผมหยิบชุดนักศึกษามาสะบัด ๆ แล้วสวม
"ไม่ต้องรอนะ บางทีก็อาจจะดึก เสียเวลาเปล่า ๆ เอาเวลาไปอ่านหนังสือเข้าห้องสมุดบ้างเหอะ" พี่เม้มปากสีแดงแน่นแล้วบดมันเข้าจนสีเกลี่ยไล้ไปทั่วริมฝีปากอวบอิ่มนั่น
"ผมรอได้ นั่งทำงานรอก็ได้ เจอกันนะ" ผมหยิบเป้แล้วเปิดประตูห้องออกไปเรียน
"ก็ตามใจ หัดตั้งใจเรียนแบบนี้บ้างก็คงดีนะ" พี่พูดพลางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนผมจะปิดประตูลง
พี่จะรู้บ้างรึเปล่าว่าตัวหนังสือที่สักด้วยหมึกดำเข้มนั่นมันช่างย้อนแย้งเสียเหลือเกิน นอกจากมันจะตัดเนื้อขาวเนียนของพี่ มันยังบดขยี้ความทรงจำที่เป็นแผลเป็นของพี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมตบหน้าให้เจ้าของรอยสักอีกฉาดใหญ่ เพราะเจ้าตัวอักษรที่ว่ามันมีชื่อว่า "Dom love Mary" ตัวอักษรที่ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อแสดงถึงชีวิตคู่ที่แสนดีของผู้เป็นที่รักของผู้ออกแบบ ซึ่งนั่นมันตรงข้ามเรื่องราวต้นตอรอยสักของพี่สิ้นดี มันคือสัญลักษณ์ของการทรยศและความร้าวรานของพี่ต่างหาก
ผมเคยบอกพี่ไว้ว่าสักวันผมจะออกแบบตัวอักษรให้พี่ เผื่อว่าวันหนึ่งพี่จะใช้มันสักคำว่าอะไรก็ได้ เพื่อให้ผมได้อยู่กับพี่ตลอดไปแบบนั้นบ้าง ลึก ๆ ผมคงอิจฉาเจ้ารอยสักบ้า ๆ นั่น
"พี่หนิง ไปเลเซอร์ออกไหม มันก็ลบได้นะ" ผมเอามือลูบผมยาวดำขลับของพี่ที่ตอนนี้กำลังซบหน้าบนแผงอกของผม
"มันไม่หายหรอก มันก็แค่จางลง ความเจ็บปวดก็แบบนี้ มันไม่เคยหายไปไหน มันแค่เจือจางก็แค่นั้น" พี่ผละออกจากอกผมไปทันที แล้วลุกขึ้นนั่งเงียบอยู่พักใหญ่
"แต่งตัวเถอะ แล้วเก็บของแกไปด้วยนะเอ็ม เก็บไปให้หมดเลย" พี่นั่งหันแผ่นหลังขาวนวลที่มีผมดำยาวคลุมจนแทบมิดเหมือนหัวใจของพี่
"ทำไม ทำไมพี่ไม่เคยอยากจะลืมมันหรอกเหรอ" ผมเริ่มขึ้นเสียง
"อย่าโง่ เก็บของแล้วออกไป ไปมีชีวิตของเธอ พี่มันแค่เด็กนั่งดริ้ง แกจะมาทิ้งชีวิตกับพี่ทำไม ไป! ออกไปสิ" พี่เอาหมอนมาฟาดเข้าที่หน้าผมไม่ยั้ง
"ออกไป ขอร้อง ฉันไม่ไหวแล้ว พี่เกลียดแกได้ยินไหม แกมันเด็กไร้อนาคต จะมีปัญญาเลี้ยงฉันได้ไง กระจอก ได้ยินไหมกระจอก" พี่เอาเสื้อผมในตู้ออกมาขว้างลงพื้นแล้วเหยียบด้วยเท้าจนไม้แขวนเสื้อหักและเสียบเข้าที่เท้าน้อย ๆ ของพี่
"พี่หนิง" ผมร้องลั่นปรี่เข้าไป
"อย่ามายุ่ง พี่จะเป็นอะไรก็อย่ามายุ่ง เพราะแกเห็นไหมพี่ถึงเป็นแบบนี้ ไปสิ ไป๊" พี่นั่งกุมเท้าที่เลือดไหลนองแล้วร้องไห้แทบบ้า
"ถ้าผม.."
"ถ้าไม่ไป พี่จะไปเอง แกจะอยู่ก็ช่างแก ฮืออ" พี่เอามือปิดหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น
"ได้ ผมไปก็ได้ เชิญพี่อยู่กับความทรงจำห่วย ๆ ของพี่ไปเลย" น้ำตาผมไหลริน ผมคว้าเสื้อผ้าสามสี่ตัววิ่งออกมาแล้วไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกหลายเดือน ซึ่งพอผมกลับมาอีกครั้งพี่ก็ไม่อยู่แล้ว เขาบอกว่าพี่ย้ายออกไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าไปที่ไหน
ผมจึงทำได้เพียงหวังและหวัง แต่ผมไม่เคยละความพยายามตามหาพี่ แต่มันก็เปล่าประโยชน์ บางคนบอกว่าพี่ตายแล้ว บางคนบอกว่าพี่แต่งงานกับฝรั่งแล้วย้ายไปต่างประเทศ ต่างคนก็ต่างพูดไปคนละทิศละทาง แต่ผมแทบสิ้นหนทาง
ผ่ามมาแปดปีแล้วจากวันนั้น ตอนนี้ผมเป็นนักออกแบบกราฟิกมืออาชีพ และงานที่ผมรักที่สุดคือ typographic หรือการออกแบบอักษร ผมออกแบบอักษรให้งานโฆษณามากมาย มีรายได้พอใช้จนเกินพอด้วยซ้ำ คงน้อยนักที่ใครจะนึกถึงอาชีพนี้ว่ามันมีอยู่จริง และจะหาเลี้ยงปากท้องได้จริง
ลายเซ็นดิจิตัลที่ผมใช้ในงานกราฟิกทั้งหมด เป็นแบบอักษรที่ผมออกแบบจากความทรงจำของผมที่มีต่อพี่หนิง รูปร่างที่พริ้วไหว ความอ้อนช้อยของส่วนโค้งมน น้ำหนักลายเส้นสร้างส่วนโค้งเว้าราวมีชีวิต มันถ่ายทอดมาจากพี่ทั้งหมดจริง ๆ
วันนี้มีงานนิทรรศการแสดงผลงานกราฟิกที่หอศิลป์กรุงเทพฯ ผมได้รับเชิญไปเป็นกรรมการประกวดการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย
ระหว่างทางไป บนแถวรถติดยาวเป็นธรรมชาติของกรุงเทพ ผู้คนคนสองข้างทางต่างพาร่างไหลไปตามกระแสของมหานคร ทั้งรถเข็นอาหารริมทาง ร้านรวงที่เปิดขายสินค้านานาที่โลกนี้พอจะหามาขายได้ แต่ไม่มีเลยกับสิ่งที่ผมตามหามานานแสนนาน
ผมดึงเบรคมือขึ้นเพราะคิดว่ารถติดอีกนานโข ผมเอนหลังลงเพื่อผ่อนคลายเล็กน้อย หันไปมองอีกฝั่งถนน ท่ามกลางผู้คนมากมาย พี่ยืนอยู่ตรงนั้น ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อที่หมาน้อยนอนตากแอร์เย็นท่ามกลางอากาศข้างนอกที่ร้อนระอุ พี่กำลังหยิบไส้กรอกในถุงออกมาให้เจ้าหมานอนที่นอนแผ่หราอยู่
นั่นเป็นพี่แน่ ผมไม่เคยลืมรอยยิ้มที่พี่มี พี่ยังใจดีเหมือนเคย ผมไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่ตอนนี้ผมเปิดประตูออกไป วิ่งฝ่าแถวรถติดยาวเหยียดไปฝั่งตรงข้าม เสียงแตรรถดังไล่หลังมาดังลั่น แต่ช่างหัวแตรรถพวกนั้นเถอะ เพราะตอนนี้ผมกำลังจะตามคว้ารักแรกของผมกลับมา รักแรกที่ผมไม่เคยลืมแม้จะนานกี่ปีก็ตาม
"Our first love will last forever"
คราวนี้ผมจะไม่เชื่อคำผลักไสของพี่อีกแล้ว พี่ไม่ต้องลบรอยสักนั่นหรอก แต่ผมจะโชว์รอยสักตัวอักษรแบบเดียวกันที่ต้นขาผม แต่มันเป็นแบบอักษรที่ผมคิดขึ้นเพื่อพี่ เพื่อพี่คนเดียวเท่านั้น รักแรกของผมและตลอดไป
แด่รักแรกของทุกคน ที่ผมเชื่อว่ามันไม่ได้หายไปไหน บางคนมันก็แค่จางไป และบางคนมันยังหนักแน่นเหมือนดั่งวันแรกที่เป็น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา