6 ธ.ค. 2019 เวลา 12:19 • ความคิดเห็น
เรื่องสั้น : วันพ่อของผม
วันพ่อของผมเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดเสมอ นอกจากการที่ทุกคนต่างพากันลงรูปการฉลองหลากหลายรูปแบบ ลงในโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง บทความเรื่องความรักที่มีต่อพ่อ ภาพการสวมกอดกันของพ่อลูก
ผมพูดเลยว่าผมไม่อิน
เพราะผมเกลียดพ่อ เกลียดที่พ่อทิ้งผมกับแม่ไปนานแล้ว ทิ้งเราสองแม่ลูกไว้เผชิญกับโลกที่โหดร้ายเพียงลำพังสองชีวิต ปล่อยให้แม่นั่งร้องไห้กับรูปถ่ายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ปล่อยให้ผมต้องถูกล้อว่าลูกไม่มีพ่อไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี ทั้งหมดเพราะพ่อ ผมเกลียดพ่อที่พ่อรักคนอื่นมากกว่าเราสองคนเสียอีก
ผมเกลียดวันพ่อ
วันที่พ่อจากไป ผมจำได้ไม่เคยลืม แม่กรีดร้องน้ำตาไหลพรากที่ได้รับโทรศัพท์ พวกเราพากันไปที่นั่น เห็นพ่อนอนนิ่ง มีผ้าสีขาวคลุมตัวไว้ ตัวเย็นเฉียบ แต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้ม ราวกับว่าพ่อดีใจที่เห็นเราร้องไห้แทบบ้า
"เราแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ท่านทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และเสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างสมเกียรติครับ" นายตำรวจคนหนึ่งกล่าวกับแม่ด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
แม่ไม่ตอบอะไรเอาแต่ร้องไห้ ส่วนผมเดินไปจับมือที่แข็งและเย็นของพ่อไว้แน่น
"พ่อตื่น อย่าทิ้งโอ๊ตไว้ พ่อตื่นสิ" ผมกอดตุ๊กตาอุลตร้าแมนที่พ่อเพิ่งซื้อให้ไว้แน่นในแขนอีกข้าง แต่พ่อก็ไม่ตื่นอย่างที่ผมร้องขอ
และผมยิ่งเจ็บปวดที่รู้ภายหลังว่า พ่อถูกคนเมายาบ้าแทงตาย เพราะเข้าไปประชิดเพื่อช่วนเหลือตัวประกันเด็กหญิงที่ถูกจับเอามีดทำครัวยาวหกนิ้วจ่อคอหอยไว้
พ่อเข้าแย่งมีดจังหวะที่ชายคนนั้นเอามีดชี้หน้าชาวบ้านที่มามุงอยู่รอบ การต่อสู้เกิดขึ้นพลันวัน เด็กหญิงวิ่งหนีออกมาได้พร้อมรอยมีดบาดนิดหน่อยที่ต้นคอ ส่วนพ่อก็เป็นอย่างที่คุณรู้ จากไปอย่างไม่มีวันตื่น ทิ้งไว้เพียงหนี้สินกับบำเหน็จตกทอดที่แม่ได้รับอีกนิดหน่อย มีคำชื่นชมจากกรมตำรวจและพวงหรีดมากมาย แต่หลังจากนั้นไม่ถึงปี ทุกอย่างก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
แต่บาดแผลร้ายยังติดตัวผมกับแม่ตลอดมา
น่าแปลกที่แม่ดูไม่เจ็บแค้นที่พ่อเอาชีวิตเข้าแลกแบบนั้น ซ้ำยังบอกกับผมเสมอว่าพ่อคือวีรบุรุษขอให้ผมภูมิใจ จริงอยู่ที่ผมเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ แต่จำเป็นด้วยเหรอที่พ่อต้องเสี่ยงขนาดนั้น แล้วสุดท้ายคนที่เจ็บปวดกว่าคนที่จากไปราววีรบุรุษกลับเป็นเราสองแม่ลูกต่างหากที่อยู่ผู้ถูกลืม
พอถึงวันพ่อทีไร ผมจึงหงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษเสมอ
วันนี้ก็เช่นกัน ผมจึงออกจากบ้านไปเดินเล่นแถวตลาดต้นไม้ใกล้บ้านเพื่อหาต้นไม้เอาไว้ปลูกเพื่อคลายเครียด หรือบางทีอาจจะหาลูกสุนัขไปเลี้ยงเป็นเพื่อนแก้เหงาสักตัว ชดเชยที่ผมทำงานมาอย่างหนักมาทั้งปีเพื่อดูแลตัวเองและแม่ แถมผ่อนบ้านที่พ่อไปกู้เงินมาสร้างไว้อีกก่อนพ่อจากไป กว่าจะลืมตาอ้าปากได้ ก็ล่วงเลยมาสิบกว่าปีแล้ว
ผมเดินไปโซนต้นไม้ มีร้านรวงมากมาย สีเขียวสดใสตัดกับดอกไม้นานาพันธุ์ที่พากันออกดอก ล่อตาล่อใจคนเดินผ่านไปมายิ่ง คนเดินกันแน่นเพราะวันนี้เป็นวันหยุด บางคนก็มาซื้อต้นไม้เป็นของขวัญวันพ่อก็มี
"กรี๊ด ช่วยด้วยค่ะ ขโมย ขโมย ช่วยด้วย" เสียงกรี๊ดของหญิงคนหนึ่งดังมาจากร้านข้างหน้า
ผมตกใจวิ่งไปพร้อมกับไทยมุงจำนวนหนึ่ง เสียงคนกรีดร้อง สลับเสียงอื้ออึง บางคนที่ยืนดูได้แต่กลืนน้ำลาย
ผมขยับไปอีกหน่อย เห็นชายแต่งชุดเสื้อยืดดูเปื้อนดำ ในวงแขนคล้องกระเป๋าสะพายที่น่าจะขโมยมาไว้และในวงแขนเดียวกัน มีเด็กหญิงอายุราวหกขวบถูกวงแขนรัดคอไว้แน่น เด็กร้องไห้จ้า มีดยาวสะท้อนแสงแดดเที่ยงวันส่องเข้าตาราวกับแสงฟ้าแลบ มีดหันเข้าหาเด็กทีนึง เสียงร้องว้ายของไทยมุงก็ดังขึ้นทีสลับกับเสียงตะโกนบอกให้ใจเย็นของประชาชนผู้หวังดีคนอื่น ๆ
"แม่จ๋า หนูเจ็บ" เด็กน้อยร้องไห้จ้า ผู้เป็นแม่ได้แต่พร่ำกล่าวอ้อนวอนใ้ห้ปล่อยเด็กน้อย เธอยินดีแลกกับทุกสิ่งที่เธอมี
ไม่เห็นวี่แววของตำรวจสักนายแถวนั้น ก็นี่มันวันหยุด
"แม่ แค๊ก ๆ ๆ แม่จ๋า" เด็กหญิงหน้าเริ่มแดงคล้ำ คงหายใจลำบาก ผู้เป็นแม่ล้มลงแทบเป็นลม ผู้คนยิ่งสับสนและกรูกันเข้าไปดูผู้เป็นแม่
"อย่าเข้ามา กูแทงมันแน่ อย่าเข้ามา!" มีดยาวแกว่งไกวราวร่ายรำ ผมเห็นมันยื่นชี้หน้าชายอีกคนที่เหงื่อตกที่กำลังประจันหน้าอยู่ เขาพยายามพูดอะไรสักอย่างผมไม่ได้ยิน ตอนนี้เสียงอึงมี่ดังกลบกันไปหมด ภาพตรงหน้าราวกับเคลื่อนไหวช้าลงเกือบเหมือนกำลังดูหนังที่เล่นด้วยความเร็วต่ำกว่าปกติ
รู้ตัวอีกที ผมก็คว้าแขนชายนิรนามนั้นไว้แล้ว
"ออกแรงบิดที่ข้อมือ พลิกตัวม้วนลง มือจับให้มั่น" เสียงของชายคนนึงดังก้องในหัวผม
มีดหล่นลงพื้น เสียงชายคนนั้นร้องลั่น เด็กน้อยวิ่งร้องไห้จ้าออกไป ภาพยังเคลื่อนไหวเชื่องช้า ได้ยินเพียงเสียงหัวใจผมเต้นรัว
พักเดียวไทยมุงก็มาช่วยรุมชายนิรนามจนหมอบราบคาบกระแต ส่วนผมนั่งหอบหายใจอยู่ข้างทางหน้าร้านขายแคคตัส เลือดไหลออกมาเป็นทางยาว คนแถวนั้นรีบโทรเรียกรถพยาบาลกันจ้าละหวั่น
"ขอบคุณน้องมาก ขอบคุณมากค่ะ" หญิงสาวที่หน้าซีดเผือกช่วงก่อนหน้า เดินเข้ามานั่งคุกเข่าแล้วเอามือข้างหนึ่งแตะไหล่ผม อีกข้างเอามือปิดปากแล้วร้องไห้
เด็กน้อยยืนข้างตัวสั่น กอดตุ๊กหมีไว้แน่น น้ำตายังไหลรินไม่หยุด
"ขอบคุณคุณน้าสิลูก น้าเขากล้าหาญมากเลยเห็นไหม" เธอหันไปลูบหัวเด็กน้อยเบา ๆ เด็กหญิงตัวเล็กเอามือสองข้างประกบกันแบบลวก ๆ ก้มหัวลงเล็กน้อย
"คุณน้า ขอบคุงค่ะ" เธอเอ่ย ตุ๊กตาหมีในอ้อมแขนเหมือนจะส่งยิ้มให้ผม
แล้วทั้งสองคนก็ถูกพยาบาลที่กำลังมาถึง พาไปปฐมพยาบาลที่รถ ส่วนตัวผมมีพยาบาลถือกล่องปฐมพยาบาลมาช่วยทำแผลมีดบาดเล็กน้อยที่แขนขวา ผมปฏิเสธที่จะไปตรวจละเอียดที่โรงพยาบาล รถพยาบาลจึงแล่นออกไปช้า ๆ ผมคุยกับตำรวจอีกครู่หนึ่งก่อนทางตำรวจจะแจ้งให้ผมกลับบ้านได้หลังจากสอบปากคำเล็กน้อยเพื่อบันทึกไว้
"ขอบคุณมากนะครับ ที่เข้าช่วยเหลือเด็กไว้ ผู้ต้องหามีหลายคดีเลย ช้าไปอีกนิดเด็กอาจมีโอกาสบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตทีเดียว น้องกล้าหาญมากครับ" คุณตำรวจยื่นมือมาจับมือขอบคุณผมอีกครั้งก่อนเดินจากไป
ชาวบ้านและไทยมุงแยกย้ายกันไปทำมาหากินอย่างที่เป็นก่อนหน้า ยังมีจับกลุ่มคุยกันบ้างก็เพียงสองสามคน
ผมพลิกแขนดูจุดที่ติดผ้าปิดแผลไว้ เสียงชายคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
"เก่งมากลูก แบบนั้นล่ะถึงสมเป็นลูกตำรวจ" เสียงพ่อบอกผมตอนเราซ้อมศิลปะปัองกันตัวในตอนผมเด็ก ๆ จากนั้นพ่อจะอุ้มผมขึ้นขี่คอแล้วเดินเที่ยวไปรอบ ๆ หมู่บ้าน
"พ่อเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของผมเลย" ผมบอกพ่อขณะที่มือเล็ก ๆ เกาะไว้ที่หน้าผากของพ่อแน่น สายลมพัดเอื่อย วิวสูงจากบนบ่าของพ่อ ผมมีความสุขที่สุดในตอนนั้น
ภาพเด็กหญิงตัวเล็กและแม่ของเธอร้องไห้แทบขาดใจ ภาพพ่อผมนอนมีผ้าขาวปกคลุมทั้งตัว ภาพแม่กับผมร้องไห้กอดกันตอนประตูของเมรุถูกปิดลง ภาพอีกมากมายวิ่งสลับหมุนอยู่ในสมองผม
แล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้น
"พ่อครับ ผมคิดถึงพ่อ" ผมพึมพำในหัวกับตัวเองเบา ๆ
"ขอโทษครับ ผมไม่ได้โกรธพ่อหรอก ผมแค่โกรธโชคชะตา ที่ให้ผมกับแม่ได้อยู่กับพ่อน้อยเกินไป ผมอยากได้มีโอกาสดูแลพ่อบ้างก็แค่นั้น" ผมยกแขนเสื้อปาดน้ำตา
"ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลแม่แทนพ่อเอง ผมรู้ว่าพ่ออยู่กับพวกเราเสมอ ผมรู้สึกได้ตลอด ขอบคุณพ่อที่สอนผมมาดี สอนทุกอย่างที่ลูกผู้ชายควรจะเป็น ผมขอโทษที่พยายามหลอกตัวเองว่าผมโกรธเกลียดพ่อขนาดไหน ซึ่งมันโกหกทั้งเพ"
"พ่อครับ ผมรักพ่อนะครับ ผมรู้แล้วว่าทำไมวันนั้นพ่อถึงพุ่งเข้าไปช่วยเด็กคนนั้น ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณพ่อที่เป็นวีระบุรุษสำหรับผมเสมอและตลอดมา" ผมค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
"สุขสันต์วันพ่อครับ ถ้าพ่อว่าง มาหาผมในฝันบ้างนะครับ รักพ่อครับ"
แล้วความเงียบก็มาปกคลุมความคิดของผมในทันที เงียบจนผมได้ยินเสียงของหัวใจ
"พ่อรักโอ๊ตนะครับ" เสียงเบา ๆ ลอยมาตามลมเย็นที่พัดมา เหมือนเสียงที่พ่อบอกผมหลังเล่านิทานเรื่องโปรดให้ฟังก่อนนอนทุกคืนถ้าวันไหนไม่ได้เข้าเวร เสียงที่ผมจะไม่ใีวันลืมมันได้เลยตลอดชีวิต
"ผมก็รักพ่อครับ" หัวใจผมตอบกลับและกอดพ่อไว้แน่น แน่นจนผมรู้สึกได้ในตอนนี้
สุขสันต์วันพ่อย้อนหลังทุกท่าน กอดพ่อตอนที่ท่านยังอยู่ ดีกว่าบอกรักตอนที่ท่านจากไปแล้ว
ขอให้ท่านแข็งแรงและมีความสุขครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา