8 ธ.ค. 2019 เวลา 00:00
ใจดีพาเที่ยว ตึกแดง ตึกขาว ตึกสมัยรัชกาลที่5 ตึกประวัติศาสตร์ของชาวอ่างศิลา
เช้าวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดที่สุดแสนจะสบาย แถมอากาศช่วงนี้ก็เย็นสบายอีกต่างหาก เพจใจดีจะนำเพื่อนๆมาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แบบเบาๆกันนะครับ
วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวที่ตึกแดง และ ตึกขาว หรือ ตอนนี้มีชื่อเรียกว่าพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาครับ ถามว่าทำไมถึงเป็นที่นี้ ตอบเลยว่าใกล้บ้านผมนั้นเองฮ่าฮ่า
ด้วยที่ว่าตัวผมเองเป็นคนบางแสน ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับตึกแดงกับตึกขาวสักเท่าไร เพราะตึกทั้งสองตั้งอยู่ติดกับตลาดเก่าอ่างศิลา ตัวผมเองใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 30นาทีก็ถึง แต่ถ้าเป็นเพื่อนๆที่จะเดินทางมาที่นี้ ก็ตั้ง GPSมาที่ตลาดเก่าร้อยปีอ่างศิลาได้เลย
พอมาถึงตลาดเก่าร้อยปีอ่างศิลาก็สามารถจอดรถเลียบถนนในซอยด้านหน้าตึกได้เลยนะครับ ยิ่งมาวันธรรมดาก็มีที่จอดได้สบายๆเลยๆ ส่วนที่จอดรถภายในตึกไม่มีนะครับ
จากนั้นเมื่อเราเดินเข้ามาในพิ้นที่จะพบกับ ตึกแดง ก่อน พื้นที่จัดเป็นสวนร่มรื่น ตึกแดง หรือ ตึกราชินี มีลักษณะเด่น คือ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นสีแดง มีส่วนที่เป็นระเบียงติดกับพื้นดินรองรับส่วนหน้าของอาคาร หลังคาทรงปั้นหยายกจั่ว มีมุขยื่นออกมาทั้งชั้นล่างและชั้นบน บริเวณมุขชั้นล่างเป็นผนังทึบ มีประตูรูปซุ้มโค้ง
ลักษณะหน้าต่างเป็นบานคู่ส่วนบนเป็นกระจกช่องแสง ลูกกรงและระเบียงเป็นปูนปั้นลูกมะหวด ส่วนของเฉลียงระเบียงลูกกรงนั้นใช้เป็นทางสัญจรและที่รับลม
โชคดีที่วันนี้ใจดีเดินทางมาเที่ยว ได้เจอมัคคุเทศก์ สองคน ชื่อน้องอรวรรณ กับ น้องปวริศา เรียกสั้นๆว่าน้องวรรณ กับน้องริศา เป็นเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่4 ทั้งคู่ น้องบอกว่าจะมาเป็นมัคคุเทศก์เฉพาะวันหยุดเท่านั้นนะครับ ใครอยากเจอน้องต้องไปวันหยุดนะ
ซึ่งน้องทั้งสอง ได้บอกเล่าว่าภายในตึกแดงนั้นมีการจัดแสดงภาพและนิทรรศการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของชาวอ่างศิลา และตัวอาคารหลังนี้ครั้งอดีตเคยเป็นที่พักผ่อนชายทะเลทของเจ้าจอมมารดาเจ้าดารารัศมี ธิดาของเจ้านครเชียงใหม่ พระสนมเอกในรัชกาลที่ 5 ได้ทรงพักรักษาพระองค์ที่นี่เมื่อพุทธศักราช 2449 และสองสาวน้อยยังบอกอีกว่า ต้นมะขามใหญ่ด้านหน้าตัวอาคาร ได้ถูกปลูกพร้อมตัวอาคารก็คือตึกแดงแห่งนี้ตั้งแต่สมัยรัชการที่4 อีกด้วย
ส่วนบนชั้นที่2 ของตัวอาคารก็ได้มีการจัด ห้องไว้แสดงพระที่นั่งที่รัชกาลที่9 ทรงประทับครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินมาพักตากอากาศที่ ตึกแดงแห่งนี้
มองออกไปภายนอกตัวอาคารจะมองเห็นศาลาพักผ่อนที่ตั้งอยู่ด้านหน้าตึก และทางเดินเลียบเลาะชายฝั่งทะเล ที่สามารถยืนชมวิวสวยๆ ของทะเลอ่างศิลา ในยามเย็น ตรงจุดนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก
ถัดจากตึกแดง คือ ลานหินขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นพื้นที่ลาดสูงตั้ง เรียกว่า บ่อหินสูง ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของชื่อที่ใช้เรียกสถานที่แห่งนี้ว่าอ่างศิลานั้นเอง
เป็นบ่อน้ำจืดธรรมชาติซึ่งประชาชนช่วอ่างศิลาใช้ในการอุปโภคบริโภคมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่เรียกว่าบ่อหินสูงเพราะว่าเป็นบ่อที่ตั้งอยู่บนโขดหินสูงขึ้นมาจากพื้นดิน โดยใน พ.ศ. 2419 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสจังหวัดชลบุรี มีลายพระราชหัตถเลขาพรรณนาตอนหนึ่งว่า “เรียกชื่ออ่างศิลานั้น เพราะมีแผ่นดินสูงเป็นลูกเนิน มีศิลาก้อนใหญ่ๆเป็นศิลาดาดและเป็นสระยาวรีอยู่ 2 แห่ง”
เมื่อเห็นว่าสามารถเป็นที่ขังน้ำฝน น้ำฝนไม่รั่วซึมไปได้จึงก่อเสริมปากบ่อกั้นน้ำ ชาวบ้านก็สามารถน้ำฝนในอ่างศิลามาใช้ บางปีฝนแล้งน้ำในสองบ่อไม่พอใช้ ก็ยังมีบ่อน้ำที่ราษฎรขุดไปขังน้ำฝนไว้ใช้ได้ จึงได้เรียกว่า “บ้านอ่างศิลา” มาจนทุกวันนี้
เดินถัดมาอีกหน่อยจะถึงพระตำหนักมหาราช หรือ ตึกขาว ตั้งอยู่ติดกับตึกแดง เป็นตึกเก่าโบราณอีกตึกหนึ่ง ที่มุมถ่ายภาพสวยๆ
ตึกมหาราช หรือที่รู้จักกันทั่วไปในสมัยนั้นว่า “พระตำหนัก ร.5 เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นสีขาว หลังคาทรงปั้นหยา เอียงลาดมาทางด้านหน้าเป็นจั่วมุงกระเบื้อง ไม่มีชายคายื่นจากผนังโดยรอบ ไม่มีกันสาดบังแดดฝนให้แก่หน้าต่าง ใช้ซุ้มโค้งครึ่งวงกลมตรงชั้นล่างส่วนหน้ามุข มีบันไดทางขึ้นแยกเป็น 2 ทางขึ้นสู่มุขตรงกลางอาคาร
รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของทั้งสองตึกคล้ายกัน เนื่องจากช่วงนั้นอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมแบบจีนยังมีอยู่มาก ทั้งเมื่อรับรูปแบบในลักษณะอิทธิพลตะวันตกแบบเมืองขึ้นเข้ามา จึงมีการผสมผสานทางสถาปัตยกรรมระหว่างไทยกับจีน
สองสาวมัคคุเทศก์ ยังบอกอีกว่าตึกขาวนั้นสร้างหลังจากตึกแดง แต่มีการก่อสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่4 เช่นเดียวกัน แต่ดึกขาวมาสร้างเสร็จในสมัยรัชกาล5
ถัดจากตึกขาว คือ ศาลเจ้าแม่หินเขา ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสะพานปูสีแดงโดดเด่นไปยังศาลเจ้า เป็นศาลเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีนอันสวยงาม เป็นศาลเจ้าที่สร้างยื่นออกไปในทะเล ชาวบ้านเรียกติดปากว่า เจ้าแม่หินเขา
ศาลเจ้าแม่หินเขาตั้งขึ้นด้วยสาเหตุอันใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด มีเพียงคำบอกเล่าต่อๆ กันมาโดยสันนิษฐานว่า เจ้าแม่หินเขานี้น่าจะเป็นดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระปิยมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากศาลดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณตึกขาว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระนางเรือล่ม” มีความเชื่อกันว่า เจ้าแม่หินเขาทรงแผ่บารมีแก่ชาวเรือทั้งหลายให้คลาดแคล้วจากภัยทางน้ำให้ปลอดภัย
ตึกแดง ตึกขาว ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี (แยกตลาดเก่าอ่างศิลา) เปิดให้เข้าชมฟรี ทุกวัน วันจันทร์ – ศุกร์ : 8.30 – 16.30 น.
เสาร์ -อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ : 9.30 – 16.30 น.
ถ้าเพื่อนๆ ได้ฟังประวัติแล้วเกิดสนใจ เชิญเดินทางมาเที่ยวชมและศึกษาประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆกันได้เลยครับ แถมหลังจากเที่ยวชมตึกทั้ง2เสร็จ ก็ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวที่เขาสามมุกที่เป็นแลนด์มาร์ค แห่งใหม่ในชลบุรีได้นะครับ มีที่ให้ถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย
แล้วถ้ายังมีเวลาก็อย่าลืมแวะชายหาดบางแสนบ้านใจดีได้นะครับ บอกเลยช่วงหน้าหนาวนี้น้ำใสมาก เห็นว่าเมื่อเช้าคนไปเที่ยวเจอฝูงปลาดาวที่ชายหาดจำนวนมากนะครับ
ปล ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่แวะมาอ่านบนความนี้นะครับ หวังว่าช่วงวันหยุดปลายปีถ้ากลัวรถติด หรือไม่ชอบอากาศหนาวมากก็แวะมาเที่ยวที่ชลบุรีกันนะครับ ใจดีพร้อมต้อนรับเสมอ💕

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา