8 ธ.ค. 2019 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #ไม่ท้อและรออย่างอดทน ]
11 พฤศจิกายน 2011 ธีราทร บุญมาทัน โดนใบแดงไล่ออกจากสนามในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2014 ซึ่งไทยเจอกับซาอุดิอาระเบีย
ให้หลังอีกแค่ 2 วันลงช่วยทัพช้างศึกอีกครั้งในฟุตบอลชายซีเกมส์ 2011 เผชิญหน้ากับอินโดนีเซีย ผู้ตัดสินตะเพิดให้ไปอาบน้ำก่อนใครอีกครั้ง
2 เกม 2 ใบแดงในชั่วเวลาเพียงแค่ 48 ชั่วโมง "เจ้าอุ้ม" จึงโดนถล่มอย่างหนักในโลกออนไลน์ เพราะไม่ยอมควบคุมอารมณ์ เอาตัวเองเป็นที่ตั้งให้ความสนใจมากกว่าประเทศชาติบ้านเกิด
ตอนนั้นสภาพจิตใจเด็กหนุ่มวัย 21 ปีย่ำแย่มาก กระแสสังคมกดดันจนแทบจะรับมือไม่ไหว หัวใจแตกสลาย เพราะรู้อยู่ดีว่าไม่ได้มีเจตนาจะแสดงพฤติกรรมกร่างหรือก้าวร้าวเลย
มันเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจที่ดูจะเยอะเกินไป ธีราทร ต้องการเป็นผู้ชนะและอยากจะพิสูจน์ว่าฝีเท้าดีพอสำหรับประจำการแบ็กซ้ายของทีมชาติไทย
ตอนนั้นรู้สึกท้อแท้เหนื่อยหน่าย จนอยากจะหันหลังให้เกมฟุตบอล แต่คำปลอบและให้กำลังใจจากคนใกล้ตัว ช่วยเยียวยาให้ดีขึ้นและลุกมาสู้อีกครั้ง
จาก "เด็กเลว" ในสายตาของใครหลายคน เขาค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเอง พัฒนาฝีเท้าตลอดเวลา เพื่อลบข้อครหา โดยที่ใช้ผลงานในสนามเป็นการตอบโต้เท่านั้น
เพราะรู้ว่ายิ่งพูดมากเท่าไร ยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้เกลียดชังมากเท่านั้น
จากผลงานที่ยอดเยี่ยมกับสโมสร ไม่ว่าจะในยุคที่เล่นกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดหรือเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กวาดความสำเร็จมากมาย แชมป์ไทยลีก 5 สมัย , เอฟเอ คัพ 4 , ลีกคัพ 6 , โตโยต้า พรีเมียร์คัพ 3 , ถ้วยพระราชทาน ก. 5 และ แม่โขงคลับอีก 2
ธีราทร จึงสามารถยืนหยัดเป็นแบ็กซ้ายเบอร์ 1 ของไทยอย่างสง่างามและไร้ข้อกังขา การตอบคำถามด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมคือสิ่งที่ดีสุด
ไม่ใช่แค่นั้นเขายังเริ่มเผยให้เห็นบุคลิกความเป็นผู้นำ ปลุกกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม รวมทั้งจัดการกับอารมณ์ยามอยู่ในสนามได้ดีอีกด้วย
เขาไม่ใช่โตแค่ฝีเท้าอย่างเดียวเท่านั้น ความคิดก็เติบใหญ่ด้วยเช่นเดียวกัน
ความสำเร็จที่หลั่งไหลเข้ามา บวกกับเสียงชื่นชมและยอมรับจากแฟนบอล มันทำให้ "เจ้าอุ้ม" เริ่มอยากจะแสวงหาความท้ายทายใหม่ๆ
ทันทีที่รู้ว่ามีข้อเสนอจากวิสเซล โกเบสโมสรในเจลีกมายังเมืองทองฯ เพื่อขอยืมตัว เขาเนื้อเต้นอย่างมาก ความฝันเจิดจ้าอีกครั้ง
แล้วปี 2018 เขาก็ได้ลุยเจลีกอย่างเต็มตัว มันเป็นความท้าทายใหม่ ยืนอยู่บนเวทีใหญ่กว่าเดิม พร้อมทั้งเปิดรับประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ชีวิตช่วงแรกในโกเบมันไม่ง่ายเลย เขาต้องแสดงให้เห็นเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดในเรื่องเป็นนักเตะจากชาติเกรดบีในเอเชีย เพราะรู้ดีว่ายังไงก็ต้องโดนคนอื่นดูแคลนอยู่แล้ว
ไหนจะต้องพยายามปรับตัวให้ได้กับหลายอย่าง ไล่ตั้งแต่การใช้ชีวิตในประเทศที่อากาศหนาวเย็น อาหารไม่ค่อยคุ้นเคย ไลฟ์สไตล์ที่ต้องเปลี่ยน ระบบการฝึกซ้อมต้องเรียนรู้ใหม่หมด ทั้งเข้มเข้นและหนักกว่าเก่า
สภาพร่างกายและจิตใจต้องพร้อมอยู่ตลอดเวลาเพื่อห้ำหั่นต่อสู้อย่างเต็มที่
จากตัวสำรองในช่วงแรกๆ ธีราทร ต้องยอมอดทน ซ้อมหนักไม่ปริปากบ่น กระทั่งได้รับโอกาส ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยหลุดมือง่ายๆ
สายตาของเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลที่มองมายังเขาเริ่มเปลี่ยนไป ก้าวขึ้นมาเป็นแบ็กซ้ายตัวหลักจนแทบผูกขาดได้ลงต่อเนื่อง
แม้ผลงานของวิสเซล โกเบจะไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าที่วางเอาไว้ เพราะเดิมทีปักธงไว้ถึงแชมป์หรือท็อปโฟร์เป็นอย่างน้อย
แต่ฟอร์มของ ธีราทร อยู่ในขั้นน่าพอใจ ลงเล่นทุกรายการ 35 นัด เรียกว่าเยอะมากๆ ทำไป 4 แอสซิสต์ ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกอีก 2 ครั้ง
ที่สำคัญคือเขาเคยโพสต์ด้วยความตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับผู้เล่นระดับเวิล์ดคลาสในทีม ไม่ว่าจะเป็น อันเดรียส อีเนียสต้า , ลูคัส โพดอลสกี้ และ ดาบิด บีย่า
"นี่มันอะไรของผมในปีนี้ ได้ลงเล่นในเจลีค ตอนนี้ผมอยู่ในห้องแต่งตัวพร้อมนักเตะระดับโลกถึง 3 คน มันน่าจะเป็นบรรยากาศที่น่าจดจำของผมจริงๆ ไว้เจอกันใหม่เจลีกถ้ามีโอกาส ขอบคุณมากๆ"
พร้อมทั้งยังติดแฮชแท็คว่า "สุดแล้วชีวิต"
บางที "เจ้าอุ้ม" อาจไม่รู้ด้วยว่าชีวิตยังสุดกว่านั้นอีกในปีต่อมา
ก่อนฤดูกาลปี 2019 เปิดฉาก ธีราทร เชื่อว่าจะต้องกลับมารับใช้เมืองทองฯ ซึ่งเตรียมพร้อมร่างกายไว้ลุยแล้ว
อย่างไรก็ตามโยโกฮาม่า มารินอส ซึ่งกำลังต้องการแบ็กซ้ายคนใหม่ไปแทน เรียวซึเกะ ยามานากะ ซึ่งย้ายไปอุราวะ เร้ดไดมอนส์ ได้ต่อสายทาบทามเข้ามา
เขาจึงได้หวนสู่เจลีกอีกครั้ง แม้ครั้งนี้อาจตัดสินใจยากกว่าเดิมก็ตาม
เพราะมี "น้องลิสบอน" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นตัวแปรสำคัญ ถ้าไปญี่ปุ่นจริงคงต้องคิดถึงมากๆแน่
อย่างไรก็ตาม ธีราทร เลือกที่จะไปเจลีกอีก ด้วยเหตุผลที่ใครได้ฟังต่างก็ต้องประทับใจไปตามๆกัน
"ผมตัดสินใจไปญี่ปุ่นอีกครั้ง เพราะอยากให้ลูกชายของผมภาคภูมิใจ เมื่อเขาโตขึ้นมาจะได้รู้ว่าพ่อของเขาเคยเล่นให้สโมสรในญี่ปุ่นกับทีมอย่าง วิสเซล โกเบ และ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอสมาแล้ว"
จากโกเบไปสู่โยโกาฮาม่า แม้จะเปลี่ยนเมืองเปลี่ยนบ้าน แต่เขาไม่ต้องปรับตัวอะไรมากนัก เพราะคุ้นเคยมากพอ หลังจากเคยใช้ชีวิตอยู่มาเกือบปี
ภายใต้การคุมทีมของ อันเก้ ปอสเตโคกลู กุนซือมากประสบการณ์ที่เคยนำออสเตรเลียไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2014 ธีราทร รู้ดีว่าไม่ง่ายแน่
แรกทีเดียวต้องปักก้นบนม้าสำรองเป็นส่วนใหญ่ เหมือนว่ายังทำความเข้าใจกับแท็คติกของบอสไม่ได้
แต่เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมามากพอ อุปสรรคมากมายที่ฝ่ามาได้ เขาจึงรอเวลาด้วยความอดทน
ว่ากันว่าสภาพร่างกายของ "เจ้าอุ้ม" ดีเยี่ยมอย่างมาก รวมทั้งซ้อมหนัก เรียนรู้แท็คติกได้อย่างรวดเร็ว
กระทั่ง อันเก้ หยิบยื่นโอกาสมาให้และเช่นเคยคือเขาไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปแน่
ธีราทร ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นแบ็กซ้ายหมายเลขหนึ่งของ อันเก้ ได้ลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในลีกที่สโมสรมีความหวังถึงแชมป์ เก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง
กระทั่งเข้าสู่โค้งสุดท้าย มารินอสยังแรงดีไม่มีตกเช่นเดียวกับฟอร์มของเขาที่โดดเด่นทั้งรับและรุก อีกทั้งสลับมายืนตรงกลางได้ด้วย หากมีการปรับเปลี่ยนแท็คติกระหว่างเกม
นัดสุดท้ายของฤดูกาลมารินอสต้องดวลกับเอฟซี โตเกียวที่มีลุ้นลึกๆด้วยเช่นเดียวกัน โดยเงื่อนไขของทีมดังแห่งโยโกฮาม่าคือชนะ เสมอหรือแพ้น้อยกว่า 3 ประตูจะเข้าป้ายครองแชมป์สมัย 4 ทันที
"เจ้าอุ้ม" เป็นตัวจริงตามคาดไม่มีพลิกโผ แล้วนาทีที่ 26 ได้ซัดเต็มเหนี่ยวนอกกรอบด้วยซ้าย บอลแฉลบผู้เล่นทีมเยทอนเปลี่ยนทางเข้าไป
เพื่อนร่วมทีมทุกคนเฮโลกันมาฉลองกับเขา ภาพตัดไปข้างสนาม อันเก้ ก็กระโดดโลดเต้นดีใจไม่แพ้กัน
จากนั้นมารินอสคุมเกมได้ตลอด แม้จะเหลือ 10 คนใน 25 นาทีสุดท้ายก็ยิงประตูเพิ่มได้อีก ก่อนชนะเด็ดขาด 3-0 ครองแชมป์สมัย 4 ยิ่งใหญ่
จังหวะ ธีราทร ชูโล่เงินใบเขื่องคือโมเมนต์ประวัติศาสตร์ของฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นภาพที่แฟนบอลไทยทั้งประเทศปลาบปลื้มยิ่งนัก
นอกจากช่วยสร้างสุขและความประทับใจแล้ว ผลงานส่วนตัวยังเหลือร้ายด้วย 3 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ จาก 25 เกม การันตีถึงความยอดเยี่ยม ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก
"กว่าจะมีวันนี้ได้ ผมต้องฝ่าฝันอุปสรรคมามากทีเดียว มันไม่ง่ายเลย ช่วงมาที่นี่ใหม่ๆ ยอมรับว่า ท้อเหมือนกัน แต่เราก็ต้องอดทน พอใช้เวลาปรับตัวได้ ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง"
"ขอบคุณแฟนบอลทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ โยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ผม และขอให้เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะครับ"
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นประโยคที่กลั่นมาจากความสุข ความภาคภูมิใจของนักเตะที่ครั้งหนึ่งเคยโดนแฟนบอลด่าเกือบทั้งประเทศ
ปีก่อน "เจ้าอุ้ม" บอกว่าที่สุดแล้ว ปีนี้ที่สุดกว่า
ส่วนปีหน้าจะเป็นอย่างไร เรามาคอยดูกัน
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา