8 ธ.ค. 2019 เวลา 23:00 • การศึกษา
10 สัตว์โลก ความสามารถระดับโนเบล
มนุษย์เยินยอตัวเอง ว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ดีเลิศที่สุดในปฐพี กล่าวอ้างถึงตนเองว่า มีวิวัฒนาการเหนือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บนโลก แต่รู้หรือไม่ว่า มีสัตว์หลาย ๆ ชนิด ที่มีความสามารถพิเศษ ชนิดที่เรียกว่า โอ้ววว .. อยากมีบ้างจัง มีสัตว์จำพวกไหนบ้าง มาครับ เพจท้อปจะแร้งค์ ให้ฟัง
10. ละมั่ง
ละมั่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Panolia eldii เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในอันดับสัตว์กีบคู่ หรือเป็นกวางขนาดกลางนั่นเอง ตัวผู้เรียกว่า ละอง ส่วนตัวเมียไม่มีเขา เรียกว่า ละมั่ง ความสามารถพิเศษคือ สามารถเปลี่ยนสีขนไปตามฤดูกาล ในฤดูร้อน ขนจะเป็นสีขาว ส่วนฤดูหนาว จะเป็นสีน้ำตาลอมเทา ตอนนี้หลาย ๆ คนคงเริ่มคิดแล้วล่ะ เอ้... อยากจะเปลี่ยนสีผิวคล้ำ ๆ ให้เป็นสีขาว ๆ บ้าง คงจะดี
9. นกหางพิณออสเตรเลีย
นกหางพิณออสเตรเลีย หรือไลเออร์เบิร์ด มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Menura เป็นนกในกลุ่มนกร้องเพลง เพศผู้จะมีหางที่สวยงาม สะดุดตามาก ในยามที่กางออก ความสามารถพิเศษของเจ้านก ชนิดนี้คือ มันสามารถเลียนเสียงนก เสียงคน เสียงสัตว์ หรือเสียงของสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวได้อย่าง เนียนสุด ๆ จนอยากจะพา มาออกรายการ เดอะก็อปปี้โชว์ซะเลย อยากให้มันลองเลียนเสียงกุ้งดูบ้าง ว่าจะเก่งจริงมั๊ย
8. เมียร์แคท
เมียร์แคต หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Suricata suricatta เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตระกูลพังพอน มีถิ่นอาศัยอยู่ในทะเลทรายคาลาฮารี ทวีปแอฟริกา ความสามารถพิเศษคือ มันมีแว่นตาเรแบน ติดตัวมาตั้งแต่เกิด (มั่วแล้ว..) ขนสีดำรอบ ๆ ดวงตาของมัน สามารถดูดซับแสงแดดได้ นั่นจะทำให้มันสามารถมองได้ไกล จนสุดขอบฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่มีนักล่าหน้าไหน ตามมาราวีได้นั่นเอง
7. อีกา
เฮ้ยยย .. อย่าพึ่งตกใจ ว่าแม้แต่อีกา ก็มีแอคเซสเซอรี พิเศษกับเค้าด้วย กลับมา ๆ ก่อน .. อีกา หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Corvus macrorhynchos เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พรบ.คุ้มครองสัตว์ป่า 2535 ความสามารถพิเศษ ก็คือ ตัวมันดำ (มะช่ายย.. แล้ว) มันสามารถจดจำใบหน้าของมนุษย์ได้ และจำได้ด้วยว่า มนุษย์คนไหนดี หรือไม่ดีกับมัน เอาสิ .. จะฉลาดไปไหน แบบนี้ต้องเรียก คุณกาแล้ว
6. มด
มด มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Ant Man ไม่ใช่ละ นั่นมันชื่อในภาพยนต์มาเวล มั่วไปเรื่อย .. อยู่ในตระกูล Formicidae สามารถผลิตกรดฟอร์มิกได้ โดยมีการสร้างรัง เป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ สำหรับความสามารถพิเศษของมด คือ พวกมันไม่หลับ ไม่นอน ทำงานหามรุ่ง หามค่ำกันเลยทีเดียว ซึ่งจากการศึกษาพบว่า แท้จริงแล้วมันนอนนะ แต่เป็นการงีบหลับ ที่ใช้เวลาสั้น ๆและบ่อย ๆ แค่นั้นเอง
5. หมีกริซลี่
หมีกริซลี่ หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Ursus arctos horribilis เป็นสัตว์ล่าเหยื่อ ที่เลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ซึ่งตัวโตเต็มวัยของมัน มีขนาดถึง 1 ตัน หากว่ายืนด้วยสองขา จะมีความสูงประมาณ 3 เมตร ความสามารถพิเศษ ของหมีกริซลี่ ก็คือ มันมีเครื่องตรวจจับแอลกอฮอร์ ในมือ (ล้อเล่ง) มันมีเครื่องตรวจจับตามธรรมชาติ ที่สามารถรับรู้กลิ่นของเหยื่อ แม้จะอยู่ไกลถึง 18 ไมล์ก็ตาม
4. ปลาวาฬ
อันที่จริง ปลาวาฬ ไม่ใช่ปลา มันเป็นนก (หึยยย.. ว่าไปเรื่อย) มันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่อาศัยอยู่ในน้ำ แต่เราพากันเรียกจนติดปากว่า ปลาวาฬ ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Balaenoptera musculus กลั้นหายใจได้ครั้งละประมาณ 20 นาที และรู้หรือไม่ว่า ความสามารถพิเศษของมันคือ พวกมันนอนหลับ โดยใช้เพียงครึ่งเดียวของสมอง ส่วนอีกครึ่งที่เหลือ จะยังใช้งาน เพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว
3. แมงกะพรุนไฟ
แมงกะพรุนไฟ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Chrysaora มาจากเทพปกรณัมกรีก คือ ไครเซออร์ บุตรของโพไซดอน กับเมดูซ่า อนุชาของเพกาซัส (ตำนานเทพปกรณัม.. ก็มา) มาที่ความสามารถพิเศษของเจ้า แมงกะพรุนไฟ กันดีกว่า ซึ่งมันเป็นสัตว์ชนิดเดียว ที่มีชีวิตเป็นอมตะ พวกมันสามารถกลับไป เป็นตัวอ่อน วัยรุ่น และโตเต็มวัยได้อีกครั้ง นี่ล่ะมั๊ง ที่เค้าเรียก หลุดจากวัฏจักรสังขาร อย่างแท้จริง
2. ฮิปโป
ฮิปโป, ฮิปโปโปเตมัส หรือม้าน้ำ แต่บ้านเรา ส่วนหนึ่งเรียก ช้างน้ำ (ทั้งที่ไม่มีงวง) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Hippopotamus amphibius มีส่วนหัวที่ใหญ่ และปากที่อ้าได้กว้างมากเป็นพิเศษ แต่ความสามารถพิเศษ ไม่ได้อยู่ที่ปากอย่างที่คิด สิ่งที่น่าทึ่งคือ พวกมันจะหลั่งของเหลวเป็นน้ำเย็น ๆ ออกมา เสมือนเป็นครีมกันแดด ชะโลมผิวหนัง นั่นเป็นเหงื่อที่ทรงพลังที่สุด เท่าที่เคยมีนักวิทยาศาสตร์ค้นพบ
1. โอพอสซั่ม
ปิดท้ายกันที่พระเอกของเรา โอพอสซั่ม หรือมักเรียกกันว่า พอสซั่ม ชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Didelphimorphia นอกจากมันจะแกล้งตาย ได้เนียนสุด ๆ ชนิดที่ว่า ต้องมอบตุ๊กตาทองให้สองใบแล้ว เจ้าพอสซั่ม มีเปปไทด์ที่เป็นกลาง นั่นหมายถึง มันจะไม่ตายด้วยพิษ นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมมันถึงกินได้สารพัด แม้กระทั่งงู ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ สามารถถอดรหัสดีเอ็นเอ ของโอพอสซัมได้ทั้งหมด ถือเป็นความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ อีกขั้นครับ
ทุกสายพันธุ์ ทุกสปีชี่ย์บนดาวเคราะห์ สีน้ำเงินดวงนี้นั้น ล้วนมีวิวัฒนาการที่เหมาะสม และสร้างสมดุลให้แก่โลก จะเป็นอย่างไรหากวันหนึ่ง มนุษย์ที่อยู่บนห่วงโซ่อาหาร กลายเป็นตัวทำลาย ทุก ๆ สมดุลบนดาวดวงนี้ เราได้แต่ฝากให้นำไปคิด เพื่อวันพรุ่งนี้ ของลูกหลานเราครับ
ให้กำลังใจผู้เขียนได้ง่าย ๆ
กดไลค์ = ชอบ
กดแชร์ = เห็นว่ามีประโยชน์
คอมเม้นต์ = เพื่อติชม และเป็นกำลังใจ
อ้างอิง
โฆษณา