12 ธ.ค. 2019 เวลา 10:34 • ธุรกิจ
สินค้าอะไรที่ทำการผลิตและนำมาจำหน่ายแล้วสามารถสร้างรายได้อย่างมากมาย
Credit: Unicomcorp.com
โดยทั่วไปการที่จะทำให้สินค้าและบริการของเราสามารถเข้าสู่ตลาดและเป็นที่นิยมได้ โดยหลักแล้วต้องประกอบไปด้วย 4 เหตุผลหลัก (ที่เคยนำเสนอไว้ในตอน “เมื่อยอดขายตกคนส่วนมากคิดว่าเกิดจากอะไร?”) ดังนี้
1.ผู้ซื้อมีปัญหาหรือมีโอกาสที่ใหญ่พอหรือไม่ “ปัญหาที่มีขนาดใหญ่ นั่นคือโอกาสใหญ่ด้วย”
2.ผู้ซื้อเป็นเจ้าของปัญหาหรือปล่าว ที่ต้องลงมือรับผิดชอบบางสิ่งบางอย่าง หรือรู้สึกว่าเขาต้องจัดการกับปัญหานั้นๆ แน่นอนถ้าผู้ซื้อไม่เป็นเจ้าของปัญหาเราก็ขายไม่ได้นะสิ
3.ผู้ซื้อรู้สึกไม่พอใจกับสินค้าที่อยู่ในปัจจุปัน หรือว่าไม่พอใจกับการพัฒนาที่อืดอาดเชื่องช้าหรือปล่าว แล้วถ้ายังพอใจอยู่สินค้านั้นอยู่ ตำตอบก็คือเราก็ขายไม่ได้นะสิ
4.ผู้ซื้อเชื่อมั่นในตัวเราหรือปล่าวว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมสำหรับสินค้าและบริการที่เรามี แม้ว่าผู้ซื้อจะมีปัญหาไปแล้ว 3 ข้อ แต่ข้อสุดท้ายเราไม่ได้ทำให้ผู้ซื้อสัมผัสได้ แน่นอนว่าผลลัพธ์ก็คือขายไม่ได้นั่นเอง
Credit: Olap.com
คำถามทั้ง 4 ข้อ เป็นคำถามที่เราต้องตอบได้ว่า “พวกเขาพร้อมจะซื้อแล้วหรือยัง” ข้างต้นเป็นที่มาของการขายและการตลาดนั่นเอง ซึ่งก็น่าจะเพียงพอแล้วต่อการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมาย
แต่ทว่าจะมีอะไรที่ทำให้ลูกค้ายินดีจ่ายอย่างเต็มใจและจ่ายเพิ่มขึ้น แน่นอน 4 ข้อข้างต้นทำให้เกิดการยินดีจ่าย
เพราะเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด แต่การที่ลูกค้าเต็มใจจ่ายเพิ่มขึ้นมีโอกาสทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้
อะไรที่จะทำให้ลูกค้าเต็มใจจ่ายมากขึ้น สิ่งนั้นคือความต้องการแฝงที่ลูกค้าหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองมีความต้องการนั้นอยู่หรือคิดไม่ถึง และที่สำคัญหากต้องการให้สินค้าขายได้มากขึ้นมากลูกค้าก็เต็มใจจ่ายมากสินค้านั้นจะต้องแก้ปัญหาที่เกิดจากสินค้าเดิมที่มีอยู่ในท้องตลาดแล้วก็ให้เกิดปัญหา
“ยุคใหม่การตลาดของไทย” ขอแยกเป็นข้อๆเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้
1.สินค้านั้นผลิตมาเพื่อเป็นการทำให้ชีวิตคนเรายืนยาวยิ่งขึ้น
2.สินค้านั้นผลิตเพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดอันตรายและความเสียหาย
3.สินค้านั้นผลิตมาเพื่อแก้ไขในสิ่งที่โลกแสวงหาอยู่
คราวนี้เรามาดูกันว่าสินค้าอะไรที่จะสร้างมูลค่าได้มากกว่าสินค้าที่มีในปัจจุบันและลูกค้าเต็มใจจ่าย “ยุคใหม่การตลาดของไทย” จะทำการยกตัวอย่างรายการหลักๆที่คนส่วนมากมองเห็นและเข้าใจได้ง่ายๆคือ
ในอดีตเรามีการรบโดยใช้ดาบใช้หอกหรืออาวุธที่มาทำร้ายฝ่ายตรงกันข้าม สินค้าที่ผลิตขึ้นมาในช่วงนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันชีวิตและความปลอดภัยของนักรบแล้วคนที่ใช้อาวุธเต็มใจซื้อ “นั่นก็คือโล่”
โล่ป้องกัน Credit: Ame-shop.com
ขยับมาในยุคปัจจุบันเรามีวิทยาการที่ก้าวหน้าสามารถผลิตอาวุธทำลายล้างได้ นั่นคืออาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงขีปนาวุธต่างๆ สิ่งเหล่านี้ดูว่าจะมีมูลค่าสูงทำรายได้ให้กับผู้ค้าอาวุธได้มหาศาล แต่ก็ไม่ใช่จะสามารถจำหน่ายให้กับทุกคนที่ใช้อาวุธนี้ได้
สิ่งที่สามารถสร้างมูลค่าการค้าขายได้มากกว่า นั่นคือ “ระบบป้องกันอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ” ไม่ว่าจะเป็นระบบดาวเทียมตรวจสอบการยิงขีปนาวุธ ระบบการต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์ เป็นต้น
รัสเซีย กับระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐ ที่มา: OK Nation
มาถึงตอนนี้เชื่อว่าหลายท่านคงได้แนวคิดที่จะไปผลิตสินค้าและบริการกันบ้างแล้ว แต่ตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นดูจะไกลตัวคนทั่วไปพอสมควร คราวนี้เรามาดูสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้นมีอะไรกันบ้าง
สถิติในยุคปัจจุบันที่สงครามฆ่าฟันกันลดน้อยลง แต่เป็นการทำสงครามทางเศรษฐกิจกันมากกว่า เราจึงพบว่าผู้คนส่วนมากเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุมากกว่า ซึ่งส่วนมากก็เกิดจากรถจักรยานยนต์และรถยนต์เป็นหลัก
สิ่งที่ทำมาเพื่อให้ลดอุบัติเหตุจึงมีมูลค่าและความต้องการมากกว่า นั่นคือระบบการเดินรถที่ไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ อาทิเช่น ระบบนำร่องในรถยนต์ สัญญาณกันการปะทะเฉี่ยวชน หรือแม้แต่กล้องมองหลังและกล้องบันทึกภาพในรถ เป็นต้น
ระบบป้องกันการชน Credit: Cartelligent.com
อีกตัวอย่างหนึ่งที่ดูจะใกล้ตัวมาอีกนิดนั่นคือ มีคนกลุ่มหนึ่งที่สร้างไวรัสที่ไปทำอันตรายต่อระบบอุปกรณ์อิเลตทรอนิค โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ ทำให้สร้างรายได้มหาศาลกับคนสร้าง(จากทางไหนสามารถไปหาข้อมูลได้จากสื่อต่างๆ) แต่สร้างรายได้แบบเปิดเผยและแพร่หลายไม่ได้
คนที่คิดเรื่องโปรมแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสนั่นเองที่ทำรายได้มากกว่าและยังเป็นรายได้ที่เติบโตยั่งยืนด้วย
ความปลอดภัยทางไซเบอร์ Credit: Forbes.com
และมีอีกสถิติหนึ่งที่สามารถค้นหาได้ตามสื่อต่างๆ ที่ให้ข้อมูลตรงกันนั่นคือการเสียชีวิตด้วยโรคที่ไม่ติดต่อรื้อรังหรือ NCDs ที่มีอัตราสูงถึง 70-80% ของสาเหตุการตายของมนุษย์ในปัจจุบัน
และยังก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายมหาศาลจากการรักษาที่ต้องทำตลอดช่วงชีวิตที่พบโรคนี้ ตัวอย่างของโรคนี้ก็เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดัน โรคมะเร็ง โรคอ้วน โรคซึมเศร้า และยังมีอีกหลายสิบโรค
โรคกลุ่ม NCDs คืออะไร ที่มา: Thaibreastcancer.com/970/
สาเหตุที่เกิดขึ้นคือเป็นโรคพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เป็นโรคที่ต้องรักษาที่วิธีคิด เป็นโรคที่ต้องมีวินัยสูงที่ไม่ไปข้องแวะกับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค แต่คำถามคือใครทำได้บ้างในเมื่อสังคมมีวิถีชีวิตที่ไม่ได้เอื้ออำนายให้ห่างไกลจากโรคเหล่านี้เลย
เราเห็นร้านชานมไข่มุกมากมาย ร้านขนมหวานที่มีสีสันและรสชาติยั่วยวนยิ่งนัก เรามีผับบาร์เพื่อไว้สำหรับนัดพบกันและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้รับรอง เราต้องทำงานด้วยความเครียดและความกังวลสูง นอนน้อย (แต่นอนนะ)อยู่ในเมืองที่มีมลภาวะอากาศ ไม่ได้มีโอกาสในการออกกำลังกาย
ที่มา: Sanook.com
ลองนึกดูสิว่าถ้าเราสามารถทำสินค้าที่สามารถให้ป้องกันอาการหรือรักษาอาการโรคที่ไม่ติดต่อรื้อรังหรือ NCDs จะทำให้สร้างรายได้มากขนาดไหน เราจะเป็นคนทำให้โรคนี้เพิ่มขึ้นเราก็สร้างรายได้ได้ เราจะทำให้ป้องกันและรักษาโรคนี้ได้ยิ่งทำรายได้มากกว่า
NCDs-กลุ่มโรคที่คุณสร้างเอง ที่มา: Hottaginger.com/th/hotta-sharing/
แต่อย่าพึ่งตกใจไปว่าเราต้องทำการวิจัยและพัฒนาสินค้าที่มาแก้ไขปัญหาโรคกลุ่มนี้ ยังมีทางที่สามารถสร้างรายได้ที่ใช้ทุนไม่มาก แต่ต้องใช้วิธีคิดมากที่สามารถสร้างรายได้ เพราะการที่เกิดโรคนี้เกิดจากโรคพฤติกรรมกรรมที่ไม่ได้คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
การสร้างรายได้จากการทำให้ตระหนักและลดพฤติกรรมเสี่ยงนี้ลงก็สามารถสร้างรายได้ได้อีกทางด้วย
เพียงแต่ท่านสามารถลดสาเหตุการบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ (แนะนำให้ไปศึกษาดูว่าอาหารอะไรบ้าง) และยังมีงานวิจัยพบว่าไขมันจากสัตว์ไม่ก่อให้เกิดโรคอ้วน คลอเรสเตอรอลโดยตรงไม่ก่อให้เกิดโรค ทั้งยังทำให้โรคนี้ลดลงด้วย ข้อมูลนี้ก็สามารถสร้างรายได้เพิ่มอีกทาง
กลุ่มไขมันดี ที่มา: Goodlifeupdate.com
อะไรก็ตามที่สามารถทำขึ้นมาแล้วทำให้ปัญหาที่ผู้คนกลัวลดลง สิ่งนั้นนั่นจะสามารถทำรายได้อย่างมหาศาลให้ท่านที่มองเห็นโอกาส
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
YouTube Channel: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย) ตอนล่าสุด
หากชื่นชอบและถูกใจบทความนี้ ฝากกด Like กด Share และติดตามเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ
โฆษณา