13 ธ.ค. 2019 เวลา 12:19 • ไลฟ์สไตล์
มีเรื่องเล่ากันว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ปกติพระองค์มักจะแอบเสด็จออกตรวจตราดูแลทุกข์สุขของไพร่ฟ้าราษฎรของพระองค์อยู่เนื่องๆ...
1
จะทรงฉลองพระองค์อย่างประชาชนคนธรรมดาทั่วไป เสด็จปะปนไปกับประชาชนมิได้ขาด และมักเสด็จไปโดยปราศจากผู้ติดตาม
มาวันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์กลับเสด็จขึ้นประทับรถรางของนายจอห์น ลอฟตัส ที่หลักเมืองอันเป็นต้นทาง
เผอิญวันนั้น.... ทรงลืมเอาเงินพกติดตัวไปด้วย
เมื่อรถเคลื่อนที่ออกกระเป๋ารถถามว่าจะไปลงที่ไหน?
พระองค์ทรงตรัสว่า “ถนนตก“
กระเป๋ารถจึงบอกไปว่า “ถนนตกต้องเสียเงินสลึงหนึ่ง“
พระองค์จึงตรัสว่า
“ไม่มี รีบออกมาจากบ้าน ลืมเอามา ฉันมีธุระจริงๆ พรุ่งนี้จะเอามาให้ ขอให้ฉันไปด้วยนะ“
กระเป๋ารถบอกว่า
“ไม่ได้หรอก ระเบียบเขามีอย่างนั้น ขึ้นรถแล้วก็ต้องเสียเงินซี“
พระองค์ทรงตรัสว่า
“เถอะน่า เว้นฉันไว้สักคนคงไม่เป็นไร ไม่มีใครรู้หรอก”
กระเป๋ารถตอบว่า
“ไม่ได้หรอก ฉันต้องทำตามหน้าที่ อย่าหาว่าใจร้ายใจดำเลยพ่อคุณ ให้พ่อไปด้วยไม่ได้หรอก มันผิดระเบียบ“
พระองค์ตรัสว่า...
“ก็ฉันจะไปนี่นา บอกว่าพรุ่งนี้จะเอามาให้ เมื่อไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ฉันต้องไปถนนตกให้ได้“
ฝ่ายกระเป๋ารถก็ไม่ยอมท่าเดียว เถียงกันไปมา เผอิญคุณยายคนหนึ่งที่นั่งมาในรถรางคันเดียวกัน เห็นเถียงกันไปมาไม่หยุด จึงยื่นเงินสลึงหนึ่งให้
“เอ้า! ฉันให้ค่ารถแทนก็แล้วกัน“
กระเป๋ารถก็รับเอาไป...
เรื่องราวควรจะจบลงแค่นี้..เเต่.....
เรื่องมาพี๊คเอาตอนนี้...
กล่าวคือ.... พอรถรางวิ่งไปจนเกือบถึงถนนตก
รถม้าพระที่นั่งก็วิ่งตามไปทัน
ทุกคนบนรถราง รวมทั้งกระเป๋ารถกลับหันไปดู
มีคนตะโกนว่า “ในหลวงเสด็จๆ“
ต่างคนต่างคอยจ้องดูในหลวงกัน
รถรางคันนั้นก็หยุด เพื่อให้รถพระที่นั่งผ่านไปก่อน
แต่รถพระที่นั่งกลับไม่เลยไป กลับมาหยุดเทียบรถรางพอดิบพอดี
ในหลวงซึ่งประทับมาในรถราง ก็เสด็จขึ้นประทับบนรถพระที่นั่ง แล้วก็บ่ายหน้ากลับทันที
ตอนนั้นเองกระเป๋ารถถึงกับ ตาลี ตาเหลือก ตกตะลึง เมื่อรู้ว่าผู้ที่ตน ทะเลาะเรื่องค่าโดยสารและ
ไล่ให้ลงไปเมื่อกี้ คือ “ในหลวง“
ถึงกับมือเท้าอ่อน เหงื่อโทรมกาย คิดไปคิดมาเลยร้องไห้โฮ เพราะเจ็บใจตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ เล่นกับใครไม่เล่นไปเล่นกับเจ้าชีวิต คราวนี้เห็นทีหัวขาดแน่นอน นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นที่น่าสงสาร
รุ่งเช้า... ตำรวจมาสืบหาตัวกระเป๋ารถรางแล้วเข้าจับกุมตัว กระเป๋ารถรางหน้าซีดเหมือนคนตาย รีบกล่าวลาลูกเมียและเพื่อนฝูงเป็นการใหญ่ นึกอยู่ในใจว่าโทษของตน ต้องถูกตัดหัวสถานเดียวแน่นอน
ตำรวจพาตัวกระเป๋ารถราง ไปเข้าเฝ้าถึงท้องพระโรง กระเป๋ารถถึงกับเป็นลมแล้วเป็นลมอีกเลยทีเดียว ตำรวจต้องช่วยพยุงเข้าไป
พอเข้าไปถึงพระที่นั่ง กระเป๋ารถหน้าซีดเผือก ก้มกราบ ถวายบังคมด้วยท่าทางเงอะงะ วิงวอนขอพระราชทานชีวิตเอาไว้ เป็นการใหญ่...
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดพระเนตรเห็นอาการของกระเป๋ารถแล้ว ก็ให้ทรงนึกขำ...
แต่ก็ทรงแสร้งทำพระพักตร์บึ้งตึง มีพระราชดำรัสตวาด และตรัสด่าว่ากระเป๋ารถ
”โทษถึงประหาร กูเป็นเจ้าเหนือหัวแท้ๆ ยังทำกับกูได้ถึงเพียงนี้ จะเก็บเงิน กูก็จะให้ แต่เผอิญกูลืมเอาไป ผัดก่อนก็ไม่ได้ คนแบบนี้อยู่ไปก็รกแผ่นดินของกู“
แล้วตรัสเรียกมหาดเล็กให้หยิบถุงๆหนึ่งมาถวาย
ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ตรัสเรียกกระเป๋ารถรางเข้าไปใกล้ๆ ทรงยื่นถุงให้ แล้วตรัสว่า
“เอ้า! เอาไป ถ้าเมืองไทย มีคนทำงานตามหน้าที่อย่างนี้มากๆ บ้านเมืองก็เจริญ”
เมื่อกระเป๋ารถรางรับถุงนั้นมาแล้ว ก็มีรับสั่งให้นำตัวออกไป พอพ้นวัง ตำรวจบอกว่า กลับบ้านได้
กระเป๋ารถรางถึงกับประหลาดใจ เอ๊ะ เรื่องมันยังไงกันนี่ พอตำรวจจากไปแล้ว จึงนึกถึงถุงที่ได้รับพระราชทานมาแต่พระหัตถ์ในหลวงขึ้นมาได้ เปิดปากถุงออกดูเห็นเป็นเงิน
จึงเทออกมานับ ปรากฏว่ามีทั้งหมดชั่งหนึ่งพอดี กระเป๋ารถยิ้มออกมาได้ ทรุดตัวลงนั่งกลางถนนนั่นเอง หันหน้าไปทางที่ประทับของในหลวง ถวายบังคมลา แล้วเดินตัวลอยยิ้มแป้นกลับบ้านทันที...
ทรงพระเจริญ
อ้างอิงจาก...
- หนังสือเมืองไทยในอดีต (พระนคร)
-“เพิ่มศักดิ์ วรรลยางกูล”: วัฒนาพานิช, 2503

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา