14 ธ.ค. 2019 เวลา 06:55 • ประวัติศาสตร์
พุทธประวัติตอนที่ 35
เสวยวิมุตติสุข 7 แห่ง (สัตตมหาสถาน)
สัปดาห์ที่ 5 อชปาลนิโครธ (ตอนที่ 1)
เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 5
จะมีเหตุการณ์ใหญ่ๆ แบ่งเป็น 2 ตอนครับ คือ ทรงปราบธิดามารทั้ง 3 และ
ทรงแก้ปัญหาของหุหุกพราหมณ์
ในตอนนี้กระผมขอเล่าในตอนที่พระพุทธองค์ทรงปราบธิดามาร เรียบเรียงตาม Timeline ที่พระพุทธองค์ได้ทรงพบเจอครับ...
ก็ในสัปดาห์ที่ 5 นี้
พระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จ ข้ามแม่น้ำ เนรัญชราไปยังต้น อชปาลนิโครธ (หมายถึง ต้นไทรใหญ่ที่เป็นที่พักอาศัยของคนเลี้ยงแพะ) ซึ่งสันนิษฐานกันว่าเป็นสถานที่เดียวกันกับที่ นางสุชาดาได้มาถวายข้าว
มธุปายาสครับ
ซึ่งต้นอชปาลนิโครธนี้ อยู่ทางทิศบูรพาของต้นพระศรีมหาโพธิ์...
ในตอนนั้นเอง...
พญาวสวัตตีมาร เมื่อได้ทราบว่าบัดนี้
สิตธัตถราชกุมาร ได้ล่วงลุพ้นวิสัยอำนาจของตนโดยบริบูรณ์แล้ว ก็จึงได้เกิดจิตโทมนัส หดหู่ผิดหวัง กักเก็บอารมณ์ความทุกข์เหล่านั้นไว้ไม่ไหว จึงได้เหาะลงมาจากเทวโลก แล้วมานั่งเศร้าโศกเสียใจอยู่ที่หนทางใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากต้นพระศรีมหาโพธิ์มากนัก
ซึ่งตอนนั้นเอง...
พญามาร คึดรำพึงขึ้นว่า :
***เรามิได้บำเพ็ญบารมี 10 เหมือนเช่น
สิทธัตถราชกุมาร***
ดังนี้แล้ว
จึงได้เอานิ้วมือขีดลงบนพื้นดินตามบารมีที่ตนคิด บารมีละหนึ่งรอย รวมได้ 10 รอย ซึ่งในตอนนี้พญามารได้ร้องไห้ไปด้วยความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
แล้วได้รำพึงต่ออีกไปว่า :
***เรามิได้บำเพ็ญทศบารมี อันเป็น อุปนิสัยให้ตรัสรู้ อสาธารณญาณ 6 คือ
1. อินทริยปโรปริยญาณ
2. อาสยานุสยญาณ
3. ยมกปาฏิหาริยญาณ
4. มหากรุณาสมาปัตติญาณ
5. อนาวรณญาณ
6. สัพพัญญุตญาณ
จึงมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดังพระสิทธัตถะนี้...
แล้วจึงใช้นิ้วขีดลงบนแผ่นดินอีก 6 รอย
ตามจำนวนญาณละรอย
(รวมทั้งหมดเป็น 16 รอย)
ตัดเหตุการณ์มาที่เทวสถานของพญามาร ในขณะนั้น...
เหล่าธิดาของพญามารทั้ง 3 คน คือ
- นางตัณหา
- นางราคา
- นางอรตี
ก็ได้พากันตามหาบิดาในเทวโลกแต่ก็มิพบ จึงได้พากันเที่ยวออกตามหาบิดา
จนในที่สุดก็ได้ไปพบว่า บิดาของตนนั้นกำลังเศร้าโศกร้องไห้ อยู่ที่หนทางใหญ่ในโลกมนุษย์
ก็จึงได้เข้าไปทูลถามเรื่องราว จึงทราบถึงความทุกข์ร้อนของบิดาแล้ว จึงได้พากันขันอาสาที่จะทำให้สิทธัตถะตกอยู่ในอำนาจของพวกตน แล้วจะพานำมาถวายแด่บิดาให้จงได้ แต่ตอนนั้นพญามารก็ได้ตรัสห้ามไว้...
พญาวสวัตตีมารกล่าว :
***ตัณหา ราคา อรตี อย่าทำเช่นนั้นเลยลูกเอ๋ย ต่อแต่นี้ไป จักมิมีผู้ใดที่จักสามารถทำให้สิทธัตถะต้องตกอยู่ในอำนาจกิเลสได้อีกแล้ว***
ตัณหา ราคา อรตี กล่าวตอบ :
***ท่านพ่อ อย่ากล่าวเช่นนั้นเลย เดี๋ยวหม่อมฉันทั้งสามนี้ จักพันธนาการสิทธัตถราชกุมาร ด้วยอำนาจบ่วงสวาทแห่งกามราคะให้ได้พระเจ้าข้า***
ด้วยความดื้อดึงของพวกนาง เมื่อกล่าวเสร็จคำแล้ว ก็ได้พากันทูลลาพระบิดา แล้วเหาะมาสู่สถานที่ประทับของ พระบรมศาสดา ณ ใต้ร่มอชปาลนิโครธทันที...
เมื่อพวกนางได้มาถึงแล้วก็มิรอช้า จึงรีบเข้าทำการประเล้าประโลมด้วยวิธีการต่างๆ อันมีการแสดงมายาหญิงต่างๆ
**ซึ่งในตอนนี้ท่านได้กล่าวเล่าไว้ว่า**
ความงามของ นางตัณหา นางราคา นางอรตี นั้นงดงามมาก... ถ้าพวกนางได้แปลงกายยั่วยวนชายอื่น หรือบุคคลอื่น ซึ่งไม่มีความแข็งแรงทางด้านจิตใจ ถ้าได้เห็นนางนั้น ด้วยความงดงามขนาดนี้หัวใจจะแตกสลายใจขาดตายลงทันที...
แต่ทว่าตอนนี้
กิเลสภายในใจของพระพุทธองค์ได้ถูกขจัดไปหมดสิ้นแล้ว นางตัณหา นางราคา นางอรตี จึงมิสามารถจะทำอะไรพระองค์ได้เลย
พระพุทธเจ้าทรงขับไล่ธิดามารทั้งสาม
พระพุทธองค์ตรัสพระดำรัสว่า :
***ดูก่อนธิดามาร
พวกเธอจงออกไปเสียจากที่นี้ พวกเธอจักได้อะไร ในการพยายามประเล้าประโลมตถาคต เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเธอมุ่งหมายนั้น ตถาคตได้ทำลายหมดสิ้นแล้ว สิ่งที่พวกเธอกระทำอยู่นี้พวกเธอควรไปกระทำกับบุรุษอื่น ผู้ที่ยังมีกามราคะสมบูรณ์อยู่ เมื่อตถาคตมิมีร่องรอยอะไรแล้ว เหตุใดพวกเธอจักพยายามนำตถาคตไปด้วยร่องรอยอะไรอีก อันการกระทำอย่างนี้หามีประโยชน์อะไรแก่พวกเธอเลย จงออกไปให้พ้นจากที่นี้เถิด***
นางตัณหา ราคา อรตี กล่าวตอบ :
***ฮ่าๆ แหม.. (พวกนางตอบด้วยอารมณ์ยั่วยวน)
พระสิทธัตถราชกุมาร เพคะ ท่านอย่าได้ตรัสขับไล่พวกข้าพระองค์เช่นนี้เลย พวกเราทั้งสามต่างพร้อมใจจักมาเพื่อปรนนิบัติ บำเรอแก่ท่านผู้เดียวเท่านั้น...
เมื่อพวกนางกล่าวจบ จึงได้เนรมิตรูปกายให้เป็นหญิงงามในวัยต่างๆ อีกทั้งปลดเปลื้องอาภรณ์เครื่องแต่งกาย จนเห็นสรีระร่างกายทั้งหมด ทั้งสัดส่วนที่งดงามตามคติของเทพยดา และยอดพระถัน(หน้าอกผู้หญิง) ที่มีความสมบรูณ์ทั้งสีและรูป อีกทั้งชโลมไปด้วยกลิ่มหอมของดอกไม้ต่างๆ ที่พยายามจักทำให้ พระพุทธองค์ได้ตกต้องอยู่ในห้วงอำนาจกามราคะของพวกตนทั้งสาม***
แต่จนแล้วจนเล่าพวกนางก็มิอาจที่จะทำให้พระสิทธัตถะเกิดความกำหนัดยินดีได้เลย พวกนางจึงหวนคิดถึงคำพูดของบิดาที่ว่า บัดนี้จักมิมีใครทำให้สิทธัตถะตกอยู่ในอำนาจกิเลสได้อีกแล้ว...
พระพุทธองค์...
เมื่อทรงเห็นว่าธิดามารทั้งสามนี้มิเชื่อฟัง
และยังพยายามดื้อดึงอยู่อีก พระองค์จึงแสดงพระพุทธานุภาพบันดาลให้รูปกายอันงดงามของธิดามารทั้งสามนั้น...
กลับกลายเป็นหญิงแก่ชราน่าสังเวช น่าเกลียด น่าชัง กลิ่นที่เคยหอมกลับฟุ้งเหม็นไปด้วยกลิ่นคาวเลือด น้ำเหลือง
ทำให้พวกธิดามารพากันสะดุ้งตกใจเป็นอย่างมาก ต่างจึงพากันรีบเหาะหนีออกไปจากสถานที่นั้นจนหมดสิ้น และมิคิดที่จักกลับมาก่อกวนพระพุทธองค์อีกเลย...
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
***คัดลอกจาก หนังสือ พุทธประวัติตามแนวปฐมสมโพธิ เจตนาเป็นธรรมทาน***
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็กราบขออภัย ท่านผู้อ่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
หากท่านผู้ใดชอบ ก็ขอฝากติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะขอรับ ^-^
ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านผู้อ่านขอธรรมของพระพุทธองค์จงมีแด่ ท่าน สาธุครับ (ต้นธรรม)
***เอกสารอ้างอิง***
#หนังสือ.ปฐมสมโพธิกถา
#หนังสือพุทธประวัติตามแนวปฐมสมโพธิ (พระครูกัลยาณสิทธิวัฒน์)
#เพิ่มเติมเนื้อหาใหม่/ภาพประกอบ.ต้นธรรม
#Facebook Page🔜 :
โฆษณา