16 ธ.ค. 2019 เวลา 03:47
วันวาน...มันหวานจริงๆ
วงชาตรี ยุคก่อกำเนิด
40 ปีก่อน โลกที่ยังเต็มไปด้วยพรมแดน สังคมเกาะกลุ่มกันอย่างหลวมๆ ไม่ใกล้ชิดแน่นแฟ้นเหมือนทุกวันนี้
โลกที่ไร้อินเตอร์เน็ท ไร้โซเชียล ไม่มี Facebook Youtube จะสื่อสารพูดคุยกันแต่ละที แสนจะลำบาก
แต่น่าแปลก ที่วงการเพลงยุคนั้น เชื่อมโยงศิลปินกับคนฟังเพลงไว้ได้ เพลงรักหวาน สนุก เศร้า ซึ้ง ทยอยกันออกมา
ผลัดเปลี่ยนทำหน้าที่ของมันมิได้ขาด
อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่นี่คือ สิ่งที่เรียกได้ว่าทรงพลังมากในวงการเพลงเมื่อวันวาน......ดีเจ เสียงใสใส
จำได้ว่าตอนเป็นเด็กนักเรียนยุคขาสั้นคอซอง วัยแห่งการอยากรู้ ที่พร้อมจะรู้เรื่องทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องรักๆ ในวัยเรียนถือเป็นเรื่องยอดฮิต หลังเลิกเรียนตอนเย็น ประมาณว่ารีบมานั่งเฝ้าโทรศัพท์ที่บ้าน จ้องแล้วจ้องอีก เปล่า...ไม่ได้รอใครโทรมา แต่รอรวบรวมกำลังใจที่จะโทรหาใครซักคน (ซึ่งก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเป็นใครดี) มันต้องอาศัยการเรียบเรียงคำพูด การซ้อม และการสงบจิตใจขั้นสูง แล้วทุกอย่างก็จบโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยข้อสรุปที่ว่า ยังหาคำพูดดีๆที่จะคุยกับเธอคนนั้นไม่ได้ พรุ่งนี้...น่าจะเหมาะกว่า
ชีวิตวัยรุ่น ใครเลยจะเข้าใจ เราต้องการความเอาใจใส่ ต้องการใครซักคนที่จะดูแลความรู้สึก อยากมีคนเดินกลับบ้านด้วย กินลูกชิ้นปิ้งไม้เดียวกัน คนที่ชอบอะไรคล้ายๆกัน และแน่นอน คนๆนั้นต้องชอบฟังเพลงเดียวกัน
เพลงเป็นความบันเทิงเดียว ที่พวกเราจะเสพมันโดยชอบธรรม ไม่ต้องบอกเหตุผลหรืออธิบาย ไม่มีความผิดใดๆ ที่จะนั่งฟังเพลงทั้งวัน แล้วจินตนาการไปตามเนื้อหาในเพลง (ถึงเธอคนนั้นและอีกหลายๆคน) หลายคนคงเคยรู้สึกว่า “ฉัน” ในเนื้อเพลง มันก็คือตัวฉันเอง และ “เธอ”ก็คือเธอจริงๆด้วย
“ใครแต่งวะ แมร่งใช่ ใช่จริงๆด้วย ชีวิตกูเอง” ผมอุทานขึ้นในใจ ทันทีที่เพลง “แฟนฉัน” ของวงชาตรี ในรายการวิทยุ Sunday Gap จบลง แล้วยิ่ง “อาตุ่ม” พิศาล ประหัษฎางกูร ดีเจร่างท้วมเสียงทุ้ม พูดตามหลังเพลงว่า รักกันเป็นเรื่องดี ความรักคือความปรารถนาดี รักกันให้ดีๆ ให้เหมาะกับวัยนะครับน้องๆ มันทำให้หัวใจผมยิ่งพองโต นี่อาตุ่มก็รู้เหรอ ว่าเพลงนี้คือเรื่องราวของผมเอง
1
ที่รวมของพวกผมกับเพื่อนๆ ก็ไม่พ้นศูนย์การค้าอินทรา ประตูน้ำ ทุกวันอาทิตย์จะไปเตร่กันอยู่แถวนั้น เพราะร้าน Sunday Gap อยู่ที่นั่น ข้างบนเป็นสตูดิโออัดรายการวิทยุของอาพิศาล ส่วนข้างล่างไม่เพียงมีไอศกรีมอร้อยอร่อย แต่เป็นจุดนัดพบของแฟนรายการนับร้อยๆคน คงนึกออกแล้วใช่มั้ย ว่าพวกผมไปที่นั่นกันทำไมทุกวันหยุด
ยุคนั้น การนั่งฟังเพลงโปรดทางวิทยุ เป็นสิ่งดีที่สุดในชีวิต (ตอนนั้นคิดแค่นั้น) และรายการ Sunday Gap ก็เป็นรายการยอดฮิตที่วัยรุ่นยุคนั้นรู้จักกันดี
สไตล์การเปิดเพลงที่โดนใจ พร้อมอธิบายความหมายของเนื้อหา แฝงข้อคิดจากเพลงให้ด้วย สลับกับการตอบจดหมาย (อันนี้แหละทีเด็ด) ด้วยเสียงอบอุ่นใจดีสุดๆ ทำให้พวกผมติดรายการอาตุ่มกันงอมแงม
เอ่อ...อย่าเรียกว่าติดเลย เอาเป็นว่าคลั่งไคล้และเชื่อฟังการ(แอบ)สั่งสอนของแกมากๆ เพลงดังที่เปิดพร้อมแง่มุมท้ายเพลง มันทำให้พวกเรา ฟังแล้วคิด และรู้สึกว่าทุกเพลงเพราะไปหมด นี่คือยุทธวิธีการแทรก story ลงไปในเพลงที่อาตุ่มใช้ และมีประสิทธิภาพมาก แม้แต่ “รักสิบล้อ ต้องรอสิบโมง” อีกแนวเพลงที่ไม่น่าจะถูกใจวัยหวานแบบเรา ยังกลายเป็นหนึ่งในลิสต์ติดชาร์ทได้โดยไม่ทันรู้ตัว
ผมได้ดูคอนเสิร์ตแรกในชีวิต ก็เพราะคำเชิญชวนของอาตุ่มนี่แหละ สมัยนั้นนิยมจัดกันที่โรงหนังตอนเช้าตรู่
“ เอ้า น้องๆหลานๆ วันอาทิตย์นี้ “ชาตรี” จะไปเล่นกันสดๆที่เฉลิมไทยนะจ๊ะ ชวนแฟนมาซื้อบัตรกันได้เลย กินไอศกรีมหนึ่งถ้วยจะลดให้ 50 บาทครับ”
ว้าววว พี่แดง นราธิป จะไปร้อง “แฟนฉัน” ให้เราฟังสดๆหรือเนี่ยย
ผมรีบไปนั่งหน้าโทรศัพท์อีกเช่นเคย
เพราะอาตุ่มบอกให้ชวนแฟนไป คราวนี้จะโทรแน่ๆ....แต่เบอร์ไหนดีนะ
สไตล์การจัดของดีเจยุคนั้น ก็แตกต่างกันไปตามคาแรคเตอร์รายการ แน่นอนวัยรุ่นอารมณ์ร้อนแรงอย่างพวกเราไม่ได้ฟังรายการเดียว อะไรที่สร้างเทรนด์ที่จะคุยอวดกับเพื่อนได้เรารับหมด
รายการจิ๊กโก๋ยามบ่าย และจิ๊กโก๋ยามดึกของดีเจ นฤชา เพ่งผล ก็สะใจพวกเราไปอีกแบบ แต่อีกคนที่ไม่เคยลืมเลย (แม้ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงฝรั่ง) คือเสียงโทนอลังแห่งรายการ Top Teen Talent ของวิฑูร วทัญญู นักจัดรายการวิทยุที่มีบทบาทมหาศาลกับเพลง”เฮฟวี่”
วัยแรงอย่างเรา ใครจะไม่ชอบแก ด้วยลีลาการกระแทกเสียงเวลาดำเนินรายการ และเพลงที่ไม่เหมือนรายการอื่นเลย พร้อมลูกเล่นที่สร้างการจดจำด้วยการตั้งฉายาให้ทุกวงดนตรี
UFO – จานผีสะท้านโลกา
Black Sabbath – ผู้หนักแน่นดุจภูผาถล่มทลาย
Scorpions - แมงป่องผยองเดช
Rainbow – สายรุ้งสกาวสดใส
Kansas – ผู้คึกคะนอง
Led Zeppelin – เรือเหาะว่องเวหา
 
KISS – จุมพิตอสูรกาย
Queen – ราชา ในนามของราชินี
Deep Purple - ผู้ว่องไวดุจสายฟ้าแลบ
Uriah Heep - ผู้ฮึกเหิม
โอยยย.....โคตรเท่ครับ
วัฒนธรรมการจัดคอนเสิร์ทตามโรงหนัง ก่อนที่จะฉายหนังรอบเช้าก็เป็นที่คุ้นเคยกันดีในสมัยนั้น โรงหนังที่ว่าก็เช่น เฉลิมไทย เฉลิมกรุง สกาล่า เอเธนส์ สยาม ลิโด้ โคลีเซี่ยม
สมัยนั้น คิดจะไปหาเด็ก ซึ่งก็มักจะหมายถึงนักเรียนหญิงโรงเรียนอื่นๆ ก็ต้องไปตามหน้าโรงหนังตอนเช้ามืดนั่นแหละครับ
เพื่อนๆตาเยิ้มกันทั้งกลุ่ม เพราะเป็นติ่งคอนเสิร์ตยุคนั้น ดนตรีตามโรงหนังรอบเช้านี้ ตี 5 ต้องมารอหน้าโรงละ พอ 9 โมงก็แยกย้าย
พอดนตรีจบก็เป็นโอกาสดีที่จะชวนหญิงหาอะไรกินสร้างความสัมพันธ์
อาเทวัญ วนภูติ หรือดีเจรายการโก๋หลังวัง เคยอธิบายแบบเนิบๆตามสไตล์ว่า “ไม่ต้องดูนาน จบแล้วก็ต้องจบ กติกามันว่าไว้ ไม่เลิกได้ไง ก็หนังรอบแรกมันจะฉาย ใครมากับแฟนก็ดูหนังต่อไปเลย รึไม่ก็ไปนั่งกินไอศกรีมกันที่ศาลาโฟร์โมสต์น่าจะเหมาะ มีความสุขดี”
พูดถึงความบันเทิงยุคนั้น อยู่ที่เสน่ห์ของดีเจก็ว่าได้ ดีเจยุคเก่าหลายคน มีเทคนิคการจัดรายการที่ไม่เหมือนใคร ทั้งน้ำเสียง ลีลา แล้วแต่ใครจะงัดทีเด็ดออกมาใช้ได้พอเหมาะ ผู้ฟังก็จะติดตามกันมากมาย ถึงขนาดสร้างสมาชิกระดับพันได้ในเวลาไม่ถึงเดือน
นอกจากการขอเพลงจากโทรศัพท์ ที่นิยมกันมากๆในสมัยก่อนก็คือ การตอบจดหมายของผู้ฟัง อันนี้ถึงเป็นจริตส่วนตัว ที่ดีเจแต่ละคนใช้
อย่างรายการดัง ซันเดย์แก๊ป ของพิศาล ประหัษฎางกูร ที่เน้นคุยกับวัยรุ่น ด้วยเสียงอบอุ่นเหมือนพี่ชายใจดี และใช้เวลากับจดหมายอย่างเต็มที่ ของใครที่ถูกคัดมาตอบ เหมือนได้จับเข่าคุยกับญาติผู้ใหญ่กันเลยทีเดียว
“เพลงไทยคุณขอมา” ที่ FM 93 ช่วงหัวค่ำ รายการนี้มีเอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ดีเจเสน่ห์แรงชื่อ ศิริชัย เลิศวิริยะชัย นั่งตอบจดหมายให้เด็กๆนักเรียน เสียงทุ้มนิ่งที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ กลับทำให้เราคอยลุ้นว่า เมื่อไหร่จดหมายของเราจะได้อ่านจากปากแก ทุกอย่างเป็นแพทเทิร์น ลีลาการฉีกจดหมายให้ดังๆ หน้าไมค์ ดึงดูดวัยรุ่นอย่างเราเหลือเกิน
อีกอย่างที่ใครๆ ก็ชื่นชอบพี่ศิริชัย คือสมัยนั้นแฟนเพลงส่วนใหญ่มักนิยมอัดเพลงที่ตัวเองชอบจากรายการวิทยุ แต่มีหลายรายการที่ ดีเจ ไม่ยอมบอกก่อนว่าจะเปิดเพลงอะไร ซ้ำร้ายกว่านั้น มีพูดแทรกช่วงไตเติ้ล ช่วงท้าย หรือพูดซ้อนมันกลางเพลงเลย เป็นที่ปวดหัวแก่เหล่านักอัดเป็นอย่างมาก แต่พี่ศิริชัยจะประกาศเลยว่า เดี๋ยวหลังจากโฆษณาแล้ว มาฟังเพลงนี้กัน (บอกชื่อเพลง) ให้เวลาแฟนเพลงเตรียมการอัดเพลงให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว และที่สำคัญดีเจไม่เคยพูดซ้อนหรือทับเข้าไปในเพลงเลย ทำให้เพลงนั้นสมบูรณ์ สะอาด ดุจก้อปมาจากเทปกันเลยทีเดียว รายการนี้เลยได้ส่วนแบ่งผู้ฟังในตลาดไปไม่น้อย.....
พอก่อนนะ แม้ภาพอดีตค่อยๆโผล่มาเป็นช่วงๆ แต่เก็บไว้บ้างจะดีกว่า ค่อยมาว่ากันต่อ วันหลังนะครับ
โฆษณา