17 ธ.ค. 2019 เวลา 13:04 • บันเทิง
Alphago(2017) หมากตาที่ 78 และหนึ่งเกมแห่งชัยชนะของลี เซดอล (ตอนที่ 2)
ตอนที่แล้วเราได้รู้ขั้นตอนการทำงานของ AlphaGoรวมถึงที่มาความเก่งของมันไปแล้ว
สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอน 1 ย้อนกลับไปอ่านก่อนนะครับเพื่ออรรถรสในการอ่านตอนที่ 2
3
สิ่งที่เราจะกล่าวถึงในตอนที่ 2 จะเป็นรายละเอียดของเกมทั้ง 5 เกม ที่ ลี เซดอน นักเล่นโกะมืออาชีพ 9 ดั้ง แชมป์โลก 18 สมัย แข่งกับเอไออัจฉริยะอย่าง AlphaGo โดยเพิ่มมิติทางอารมณ์ของผู้เล่นจากภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Alphagoเข้าไป
ก่อนที่จะได้อ่านบรรยากาศที่เกิดขึ้นในเกม ขออธิบายกติกาหมากล้อมเบื้องต้นเล็กน้อย
หมากล้อมคือการเล่นวางหมากบนตารางขนาด 19x19 ช่อง โดยมี 2 ฝ่าย คือ หมากขาว และ หมากดำ เป้าหมายของเกมคือ หมากแต่ละฝ่ายต้องสร้างพื้นที่ของตนเองให้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง โดยการแข่งขันจะผลัดกันลงหมากทีละตา
ฝ่ายดำจะได้ลงหมากก่อน โดยการวางหมากนั้นจะวางลงบนจุดตัดของกระดาน เมื่อจบเกมพื้นที่ของฝ่ายใดมากที่สุด ฝ่ายนั้นคือผู้ชนะ (วิธีนับพื้นที่คือนับจุดตัดที่อยู่ภายในหมากที่สามารถล้อมพื้นที่ไว้ได้) [รูป A]
เนื่องจากว่าหมากดำได้เดินหมากก่อน จึงถือว่าได้เปรียบหมากขาว ดังนั้นในการแข่งขันจึงกำหนดแต้มต่อให้หมากขาว ที่เรียกกันว่า " โคมิ" (Komi)โดยแต้มต่อของหมากขาวคือ 6.5 แต้ม ( สำหรับกระดานขนาด 19x19)
หมายเหตุ : แต้มต่อของหมากขาว 6.5 แต้ม คือ กติกาการนับแต้มแบบญี่ปุ่นและเกาหลี ถ้านับตามแบบจีนและอเมริกา คือ 7.5 แต้ม (การแข่งขันในเกมของลี เซดอล กับ อัลฟ่าโกะ ใช้แต้มต่อ 7.5 แต้มตามแบบจีน)
นอกจากการสร้างพื้นที่แล้ว ยังมีการจับกินหมากของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ซึ่งการจะจับหมากของอีกฝ่ายนั้นเราต้องปิดลมหายใจของหมากด้วยการล้อมปิดจุดตัดทุกด้านของหมากเชลยไว้ให้ได้ [รูป B]
เมื่อจะจับกินหมากของฝ่ายใด เราจะกล่าวว่า " อะตาริ"(Atari) เพื่อเตือนอีกฝ่ายหนึ่งว่าเราจะจับกินหมากของเขาในตาต่อไป
การอะตาริ คือหนึ่งในมารยาทของเกมโกะ ที่ไม่เน้นว่าจะจ้องแต่เอาชนะคู่ต่อสู้ เราจะไม่ใช้ความเผลอเรอของอีกฝ่ายเพื่อเอาชนะ จึงมีการเตือนก่อนการจับกิน
วิธีนับแต้ม : หลังจบเกมจะมีการนำหมากที่เป็นหมากตายออกจากกระดานแล้วนับจำนวนจุดตัดที่หมากล้อมพื้นที่ไว้ได้ลบออกด้วยหมากเชลยที่ถูกอีกฝ่ายจับกิน จากนั้นจึงบวกแต้มต่อให้หมากขาวตามที่กำหนดกันว่าจะนับแบบจีนหรือแบบญี่ปุ่น
เราได้เรียนรู้พื้นฐานสำหรับการดูหมากล้อมกันพอสมควรแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นเกมหยุดโลกของโกะ 5 กระดานระหว่าง ลี เซดอล กับ อัลฟ่าโกะ
การแข่งขันจัดขึ้น 5 วัน แข่งกันวันละ 1 เกม ผู้ชนะคือฝ่ายที่ชนะ 3 ใน 5 เกม
เกมที่ 1 : เกมเปิดตัวของAlphaGo
เกมนี้ลี เซดอล มั่นใจมากว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะ
เขาเลือกเล่นหมากดำเพื่อโอกาสในการสร้างพื้นที่และวางกลยุทธ์ก่อน
หลังจากลี เซดอล วางหมากแรกไปแล้ว เหมือนอัลฟ่าโกะจะเล่นเกมจิตวิทยากับเขา อัลฟ่าโกะใช้เวลาค่อนข้างนานในการวางหมากช่วงแรก (อันที่จริงการวางหมากตาแรกๆ พื้นที่วางหมากมีเยอะมาก จึงใช้เวลาในการคำนวณนาน)
เอจา ฮวง สมาชิกทีมDeepMind (ผู้วางหมากให้อัลฟ่าโกะ)
เอจา ฮวง สมาชิกทีมDeepMindและนักเล่นหมากล้อม 6 ดั้งสมัครเล่น ผู้ทำหน้าที่วางหมากลงบนกระดานให้อัลฟ่าโกะกล่าวถึง ลี เซดอล ในเกมแรกว่า
" นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งตรงข้ามผู้เล่นระดับโลก ผมสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณและความน่าเคารพของผู้เล่นที่เก่งกาจอย่างลี เซดอล ผมว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคู่แข่งที่แปลกไป มันไม่ใช่มนุษย์ ไม่มีอารมณ์ มันเย็นชา แต่เขากลับสงบนิ่งมาก ผมสัมผัสได้ถึงความเข้มแข็งในจิตใจของเขาได้เลย "
เกมดุเดือดตั้งแต่ต้นเกม อัลฟ่าโกะเล่นได้ยอดเยี่ยม ทั้งดุดันและกดดัน สำหรับอัลฟ่าโกะแล้ว ลี คือคู่ต่อสู้ที่เก่งที่สุดตั้งแต่มันเคยเจอมา
ระหว่างนั้นภาพตัดมาที่ลูกสาวของลี เซดอน ที่มาดูเกมนี้ด้วย เธอพนมมือขึ้นอฐิษฐานบางอย่าง คงเป็นการอวยพรให้พ่อของเธอชนะการแข่งขัน
เกมดำเนินต่อไป...ยิ่งวางหมากลงมากเท่าไหร่ อัลฟ่าโกะก็ยิ่งประมวลผลได้เร็วขึ้นเท่านั้น
มันใช้เวลาเพียงนาทีถึงนาทีครึ่งในการวางหมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากการวางหมากทั่วไปของมนุษย์ และไม่ว่าลี เซดอล จะวางหมากได้ซับซ้อนเพียงใด อัลฟ่าโกะก็เล่นเหมือนกับว่ามันล่วงรู้แผนการทั้งหมดนั้นแล้ว
บางจังหวะ ลี เซดอล เงยหน้าขึ้นมองเอจา ฮวง แต่นั่นไม่ใช่อัลฟ่าโกะและเขาก็ไม่มีทางรู้อารมณ์ของมันได้เลย
ผ่านไปได้ครึ่งกระดาน ดูเหมือนว่าลี เซดอลจะใช้ความคิดอย่างหนัก เขาเกือบวางหมากพลาดบางจังหวะ
ผู้บรรยายอธิบายว่า สิ่งที่น่ากลัวเมื่อเกิดขึ้นในเกม นั่นคือ " ความสงสัยในตัวเอง "
เมื่อคุณเล่นกับมนุษย์ คุณสังเกตความรู้สึกได้ผ่านภาษากาย คุณจะสัมผัสได้หลายอย่าง ความลังเล ความกลัว แต่กับอัลฟ่าโกะคุณสัมผัสอะไรไม่ได้เลย และเมื่อคุณสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ตลอดการเล่นคุณก็จะตั้งคำถามในหัวตัวเองซ้ำๆว่า ฉันเดินดีแล้วหรือยัง ? มีตรงไหนผิดพลาดไหม ? คุณจะสงสัยมากขึ้น
ความกดดันนั้นแผ่กระจายไปทั่วห้อง จนภรรยาของลี เซดอล ต้องพาลูกสาวออกจากห้องแข่งขัน
อัลฟ่าโกะคำนวณตาเดินล่วงหน้าได้มากถึง 50-60 ตา และในช่วงท้ายเกมมันคำนวณล่วงหน้าได้มากถึง 150 ตา
ถึงตอนนี้ ลี เซดอล รู้แล้วว่าเขากำลังเผชิญศึกหนัก...แต่ช่วงท้ายเกม หมากขาวของอัลฟ่าโกะเดินแปลกมาก
ทุกคนต่างลงความเห็นว่า "มันเดินพลาด"
และมันก็เดินพลาดแบบนั้นอีกหลายตา...ซึ่งท้ายที่สุดหมากที่เหมือนว่าจะเดินพลาดนั้น แท้จริงได้ถูกคำนวณไว้แล้วว่าจะทำให้มันได้แต้มเพิ่ม
ผู้บรรยายถึงกับบอกขึ้นมาในตอนท้ายเกมเลยว่า มันน่ากลัวมากที่เดินแบบนั้น เป็นการปั่นหัวคู่แข่งอย่างหนัก
และเกมก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของลี เซดอล
เขาแพ้โดยที่ไม่มีใครดาดคิดมาก่อน...ลี เซดอลเองก็เช่นกัน เขาดูเสียใจมาก
มนุษย์พ่ายแพ้ให้กับเอไอในเกมแรก...แต่ทีมพัฒนาบอกว่าสิ่งนี้เป็นความภูมิใจของมนุษย์ เพราะอัลฟ่าโกะเกิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์
มนุษย์สอนให้มันเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
ลี เซดอล ให้สัมภาษณ์ภายหลังจบเกมว่า
" ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมประหลาดใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะแพ้การแข่งขัน ผมคิดว่าเกิดความผิดพลาดในการเดินหมากช่วงแรกที่ส่งผลถึงเกมในช่วงหลัง นั่นทำให้ผมแพ้ ผมไม่นึกว่าอัลฟ่าโกะจะเล่นได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้
ผมเคยชนะในตำแหน่งแชมป์โลกและมีประสบการณ์ในเกมมาแล้วมากมาย การแพ้เพียงหนึ่งเกมจะไม่ส่งผลกับเกมอื่นๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผมคิดว่ายังมีโอกาสชนะอยู่ "
เกมที่ 2 : AlphaGoกับการเดินตาที่ 37
หลังความพ่ายแพ้ในเกมแรก...สร้างความแปลกใจให้กับผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก ไม่มีใครคิดว่าวันที่เอไอสามารถเอาชนะมนุษย์ได้ในเกมโกะจะมาถึงเร็วขนาดนี้
เกมที่สองจึงสำคัญมาก ลี เซดอล ต้องเอาชนะให้ได้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบไปมากกว่านี้
ในเกมที่สอง สีหน้าของ ลี เซดอลมีความกังวลมาก...เขาเลือกเดินหมากขาว วันนี้เขาเดินหมากแปลกไป คิดมากขึ้น...เดินช้าลง
อัลฟ่าโกะเองก็ประเมินได้ยาก หมากของมันไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป
ลี เซดอล เดินหมากด้วยความกดดัน ...ในระหว่างเกมเขาขอพักไปสูบบุหรี่ ระหว่างนั้นอัลฟ่าโกะไม่ได้พัก มันยังคำนวณความเป็นไปได้ของเกมอยู่ตลอดเวลา
และในตาที่ 37 อัลฟ่าโกะก็สร้างความประหลาดใจให้ทุกคน... หมากดำที่อัลฟ่าโกะลงไปเป็นการเดินที่แย่มากๆ (ในมุมมองของมนุษย์)
ทางDeepMindบอกว่าไม่เคยเห็นอัลฟ่าโกะเดินแบบนี้มาก่อน...มันน่าสนใจมาก
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนพูดตรงกันว่าหมากกดไหล่บนเส้นที่ห้าในตาที่ 37 นั้น ไม่มีมนุษย์คนไหนเลือกเดินตำแหน่งนั้นแน่ๆ
ตาเดินที่ 37 ของอัลฟ่าโกะ
เดมิส (หนึ่งในทีมดีฟไมด์) ได้สำรวจการวิเคราะห์ของอัลฟ่าโกะ มันเองก็คิดเช่นนั้น
อัลฟ่าโกะรายงานว่ามีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งในหมื่นที่มนุษย์วางหมากในตำแหน่งนั้น มันรู้ว่ามนุษย์ทั่วไปไม่เดินแบบนั้นแต่มันก็เลือกที่จะเดินแบบนั้น
อัลฟ่าโกะได้สร้างสรรค์เกมในแบบที่แปลกออกไป
ผู้บรรยายบอกว่า " เรา งง ทุกคน งง มีใครบ้างที่ไม่ งง กับการเดินหมากของมัน...นอกจากตัวมันเอง "
ลี เซดอล ที่ออกไปสูบบุหรี่ยังไม่เห็นหมากตาที่ 37 นี้
และเมื่อเขากลับมา เขาแปลกใจมากกับการเดินในตานี้ของมัน เห็นได้ชัดว่าเขาครุ่นคิดอย่างหนัก คงกำลังตั้งคำถามอยู่ว่าทำไม ? เพราะอะไร ? อัลฟ่าโกะจึงเดินแบบนั้น...
" ผมคิดว่าพื้นฐานของอัลฟ่าโกะ คือ มันจะคำนวณความเป็นไปได้ มันเป็นแค่เครื่องจักร แต่เมื่อเห็นการเดินตานี้ของมัน ผมถึงกับต้องเปลี่ยนความคิด
มันเดินได้สร้างสรรค์มาก เป็นการเดินที่สร้างสรรค์และหมดจดจริงๆ " นี่คือสิ่งที่ ลี เซดอลกล่าวถึงตาเดินที่ 37 และในการเดินหมากตาที่ 38 เขาใช้เวลาคิดถึง 12 นาที
" โกะเหมือนยุทธศาสตร์ทางการเมือง เหมือนสิ่งเล็กๆที่เกิดขึ้นตรงนี้แต่ส่งผลเป็นระลอกคลื่นนานต่อเนื่องหลายชั่วโมงบนส่วนต่างๆของกระดาน แล้วทันใดนั้นเกมก็จะพลิกทันที " ผู้เชี่ยวชาญหมากล้อมอธิบาย
ฟาน ฮุย แชมป์ยุโรป 3 สมัย ผู้สังเกตการณ์ในเกมกล่าวว่า " การเดินตาที่ 37 พิเศษมาก เพราะการเดินตานี้ทำให้หมากทุกตัวที่วางไปก่อนหน้า เชื่อมประสานกันจนเป็นเหมือนเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันไปทุกที่ มันพิเศษจริงๆ "
" การเดินหมากตานี้ทำให้ผมมองโกะในมุมใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ในเกมโกะคืออะไร ? เป็นการเดินที่มีความหมายมาก " จากบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของลี เซดอล กับหมากตาที่ 37 ของอัลฟ่าโกะ
เกมที่สองนี้อัลฟ่าโกะเล่นแบบไม่ปราณีใดๆและชนะไปในที่สุด
หลังจบเกมลี เซดอนถึงกับบอกว่าไม่มีอะไรจะพูด เขายอมรับในความพ่ายแพ้ ตลอดเกมไม่มีสักครั้งเดียวที่เขารู้สึกว่ากำลังได้เปรียบ
การพ่ายแพ้สองเกมติดต่อกัน...ทำให้เอไอดูน่าหวาดหวั่น
มันสร้างสรรค์รูปแบบเกมด้วยตัวเอง ฝืนธรรมชาติที่มนุษย์ทั่วไปคิด และตาเดินที่ 37 คือตำนานบทใหม่ที่อัลฟ่าโกะสร้างขึ้นมา
ผ่านไปแล้วสองเกม...
ยังเหลืออีกสามเกมที่มนุษย์จะพลิกกลับมาชนะได้
แม้เป็นสิ่งไม่คาดฝันแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว....
บทความนี้ต้องมีต่อตอนที่ 3 ( ฮ่า ฮ่า ฮ่า ) ผมเองก็ไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้...อีกสามเกมที่เหลือเข้มข้นกว่านี้มากมาย
ติดตามอ่านตอนต่อไปครับ
ช่วงขายของ : ตอนหน้าคือไฮไลท์ครับ เพราะเป็นหนึ่งเกมที่มนุษย์เอาชนะเอไอได้ ตาเดินนั้นของลี เซดอลถูกยกย่องให้เป็นตาเดินจากหัตถ์แห่งพระเจ้า ทำเอาอัลฟ่าโกะไปไม่เป็นเลยครับ
โฆษณา