18 ธ.ค. 2019 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #แก่นแท้ของชีวิต ]
ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว อิวาน ชาง นักข่าวชาวจีนได้พบกับ ซาดิโอ มาเน่ โดยบังเอิญ
เขาไปหาเพื่อนที่เม็ตซ์ แล้ว มาเน่ ซึ่งเพิ่งย้ายมาจากเซเนกัลบ้านเกิดแค่ไม่กี่เดือนเห็นเข้าคิดว่าเป็นคนญี่ปุ่น เลยก้มตัวเป็นการทักทายอย่างนอบน้อมและมีมารยาท
จากนั้นเหลือบมาเจอกล้องถ่ายรูปคล้องอยู่ที่คอ จึงไหว้วาน ชาง ถ่ายรูปเขาให้หน่อยจะส่งไปให้แม่ดูแก้คิดถึง
พอถ่ายเรียบร้อยนักข่าวจากแดนมังกรขออีเมล์ เพื่อจะส่งรูปให้ภายหลัง มาเน่ ปฏิเสธเพราะไม่เคยสมัครมาก่อน เลยต้องหาทางออกด้วยการให้อีเมล์สโมสรแทน
ก่อนจะแยกย้าย มาเน่ ถามด้วยความน่าเอ็นดู -- "นี่ถ่ายฟรีใช่ไหมครับ?"
ชาง ฉีกยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่มีปัญหา อีกไม่กี่วันรอรับรูปของคุณได้เลย
แม้จะเกิดในครอบครัวที่ยากจนขัดสนมากๆที่บัมบาลี่หมู่บ้านเล็กๆ แต่ มาเน่ ก็ได้รับความรักจากพ่อแม่อย่างดี
เขาสนิทกับแม่มาก ตอนย้ายมาเล่นในฝรั่งเศสแรกๆ แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาไกลถึงยุโรป จึงยิ่งห่วงลูกชายมากขึ้นกว่าเดิมอีก
เธอพยายามไม่เปิดทีวีชมเกมที่ เมเน่ ลงเล่น เพราะหวั่นจะเห็นได้รับบาดเจ็บแล้วทนทำใจไม่ได้
ความอบอุ่นที่ได้รับจากครอบครัวนี่เอง อาจทำให้เขาเติบโตขึ้นมามีหัวใจที่อ่อนโยนด้วยเช่นเดียวกัน
หลังจบเกมพรีเมียร์ลีกที่ลิเวอร์พูลเข่นวัตฟอร์ด 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มาเน่ ได้ทักทายกับนักเตะทีมเยือนหลายคน
หนึ่งในนั้นคือ ทรอย ดีนี่ย์ ขาใหญ่ของแตนอาละวาด โดยระหว่างจับมือตบไหล่กันนั้น ยังได้พูดออกไปด้วยว่า "ช่วยดูแลน้องของฉันหน่อยนะ เขาขี้อายมากๆ"
"น้อง" ที่ มาเน่ กล่าวถึงคือ อิสไมล่า ซาร์ ตัวรุกวัยรุ่นที่เพิ่งย้ายจากแรนส์มายังวัตฟอร์ดเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา
ซาร์ มาจากเซเนกัลเหมือน มาเน่ เคยร่วมงานกันช่วงเล่นทีมชาติและนับถือเพื่อนรุ่นพี่คนนี้มากๆ
ช่วงแรกที่ย้ายมามีปัญหาปรับตัวมาก เพราะอายุเพิ่งแค่ 21 ปี แถมยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย อีกทั้งค่าตัวแพงเป็นสถิติสโมสรน่าจะเหยียบ 30 ล้านปอนด์
เขาต้องโทรหา มาเน่ ปรึกษาเป็นประจำ ทุกครั้งจะได้รับคำแนะนำดีๆกลับมาเสมอ ไม่นับกำลังใจที่มีให้เต็มที่ สำทับอีกว่ามีปัญหาอะไรบอกมาได้ทุกเมื่อ พี่คนนี้พร้อมช่วยเหลือ
ความมีน้ำใจและพร้อมแบ่งปันให้กับทุกคน เป็นนิสัยของ มาเน่ ซึ่งคนใกล้ชิดต่างรับรู้กันเป็นอย่างดี
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน หลังจบเกมลีกที่แอนฟิลด์ ซึ่งลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือเลสเตอร์อย่างระทึก 2-1 เพื่อนร่วมทีมหลายคนนัดกันไปฉลอง ดื่มกินกันตามประสา
มาเน่ ได้รับคำเชิญเช่นกัน แต่เขาปฏิเสธ ก่อนจะตรงดิ่งไปยังมัสยิดประจำ ทำพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม ตามแบบฉบับมุสลิมที่เคร่งครัด
พอเสร็จแล้วเขายังไม่ได้กลับบ้านเลยทันที กลับช่วยเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดมัสยิดต่ออีก โดยที่ไม่สนใจเสียงทัดทาน แล้วพอเห็นมีคนอัดคลิปหรือถ่ายรูป ยังร้องขออีกว่าไม่ต้องเอาไปเผยแพร่ที่ไหน เพราะเขาตั้งใจทำไม่ได้อยากมีชื่อเสียง
"มุสลิมทุกคนก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น" -- มาเน่ ตอบกลับไปอย่างนี้
บ่อยครั้งเขายังบริจาคเงินให้กับมัสยิดด้วย เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงจ่ายค่าอาหารเลี้ยงกับชาวมุสลิมที่มาทำพิธีกรรม
ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา มาเน่ ควักเงินส่วนตัว 200,000 ปอนด์เพื่อเป็นทุนก้อนโตไว้สำหรับสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนที่บัมบาลี่บ้านเกิดอีกด้วย
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการตกเป็นข่าว จึงให้ลุงเป็นตัวแทนไปมอบเงินจำนวนนี้ พร้อมทั้งบอกถึงวัตถุประสงค์ความตั้งใจ
อย่างไรก็ตามความดีของเขาไม่ได้ถูกปิดเงียบ มันถูกกระจายออกไปปากต่อปาก ผู้คนในหมู่บ้านต่างยกย่องน้ำใจอันยิ่งใหญ่และไม่เคยหลงไปกับชื่อเสียงเงินทอง ไม่เคยลืมบ้านเกิดตัวเอง
นั่นทำให้ มาเน่ ยิ่งภูมิใจ เพราะเขาเคยพูดกับแม่อยู่เสมอว่า อยากให้คนชื่นชมนับถือที่น้ำใจ ไม่ใช่เงินทอง
เขายังเคยบริจาคเสื้อลิเวอร์พูลที่แปะชื่อตัวเองข้างหลังไปให้เด็กๆในมาลาวี สร้างความปลาบปลื้มยินดีกันทั่วหน้า
มาเน่ ยังเคยเปิดใจไว้ว่า ไม่เคยต้องการบ้านหลังใหญ่ รถยนต์ซูเปอร์คาร์หรูหราหรือต้องกินอาการชั้นดี เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แก่นของการมีชีวิต
ตรงกันข้ามสิ่งที่พระเจ้าสอนคือ ถ้าคุณมีต้องรู้จักแบ่งปัน การให้จะช่วยจรรโลงโลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น
ดังนั้น มาเน่ จึงหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ผู้อื่นที่ลำบากเสมอ สิ่งนี้แหล่ะที่สร้างความสุขให้และเป็นแรงบันดาลใจสำหรับเล่นฟุตบอลต่อไป
ลิโอเนล เมสซี่ ให้สัมภาษณ์หลังรับรางวัลบัลลง ดอร์หรือนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปสมัย 6 ว่าถ้าเป็นเขาจะเลือก มาเน่ อันดับแรก
อีกทั้งยังรู้สึกไม่ดี ถึงขั้นใช้คำว่า "น่าอับอาย" ที่แข้งทีมชาติเซเนกัล ได้เพียงแค่อันดับ 4 เท่านั้น จากการรวมคะแนนทั้งหมด
ดาวเตะอาร์เจนไตน์ยอมรับว่าปีนี้มีนักเตะหลายคนโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะทางฝั่งลิเวอร์พูล แต่ในสายตาของเขาแล้ว มาเน่ สร้างผลงานน่าประทับใจ เป็นกำลังสำคัญในเกมรุกมาตลอด
ทุกวินาทีที่อยู่ในสนาม จะทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง ทำทุกอย่างเพื่อให้ต้นสังกัดคว้าชัยชนะ
ความรู้สึกของ เมสซี่ คือคิดว่าอย่างน้อย มาเน่ ต้องมีชื่อติดหนึ่งในสาม ไม่ใช่หลุดไปถึงอันดับ 4
อย่างไรก็ตามทาง มาเน่ ไม่ได้เครียดกับคะแนนโหวตสักเท่าไร เขาเคยบอกว่ารางวัลส่วนตัวคือผลพลอยได้จากการทำงานหนักเท่านั้น ประเด็นสำคัญคือสโมสรต้องมาก่อน
ไม่ใช่ไม่อยากได้ แต่หากผลที่ออกมาเป็นอย่างนั้นก็ต้องยอมรับ
ในขณะเดียวกันมีการตั้งข้อสังเกตุกันว่า เหตุที่ มาเน่ ถูกมองหรือประเมินต่ำเกินความจริง เพราะเป็นแอฟริกัน
เรื่องนี้ ชีคู กูยาเต้ กองกลางเพื่อนร่วมทีมชาติเซเนกัล ออกมาพูดแทนในฐานะคนบ้านเดียวกัน
ทุกคนยอมรับว่า เมสซี่ คือนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ เก่งกาจไร้เทียมทานถึงขนาดใช้คำว่าตลอดกาลได้ด้วยซ้ำ
แต่ในเมื่อกฎขีดไว้แล้วว่า บัลลงดอร์เป็นการวัดผลงานในช่วงปีนั้น มาเน่ ซึ่งมีส่วนมากๆกับการนำลิเวอร์พูลครองแชมป์ยุโรป รวมไปถึงเก็บ 97 คะแนนในพรีเมียร์ลีกคว้ารองแชมป์ มันย่อมแฟร์พอหากเขาจะได้รับรางวัลนี้
กูยาเต้ ยังบอกอีกว่าหาก มาเน่ คือนักเตะยุโรปหรือมาจากอเมริกาใต้ คงไม่ถูกมองข้ามอย่างนี้หรอก
แน่นอนว่าสิ่งที่ กูยาเต้ สื่อออกมานั้นมันไม่ถูกต้องซะเลยทีเดียว เหมือนเป็นการชี้นำให้เห็นว่าโลกมองชาวแอฟริกันเป็นเหมือนคนชั้นสอง
แต่ที่พูดออกไปนั้น น่าจะอารมณ์เจือไปด้วยความน้อยใจ เพราะเขาก็เป็นแอฟริกันเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในเมื่อ มาเน่ ยังไม่ฟูมฟายหรือตีโพยตีพาย ฉะนั้นเมื่อคนอื่นออกมาเดือดร้อนแทน เสียงคงไม่ดังสักเท่าไร
ถ้ามองย้อนกลับไปยังเส้นทางชีวิต มาเน่ การเดินมาไกลขนาดนี้ ไม่มีอะไรต้องน่าเสียใจ
จากเด็กน้อยที่ใส่สตั๊ดเก่าๆ กางเกงขาดตูด จนเรียกเสียงหัวเราะให้กับคนที่ได้พบเห็น กลายเป็นซูเปอร์สตาร์โลกฟุตบอล มันยิ่งกว่าเทพนิยายแล้ว
กระนั้น มาเน่ บอกไว้แล้วว่า ปีหน้าเขาจะมาร่วมงานแน่ถ้าไม่ติดภารกิจเหมือนคราวนี้ และหวังจะยืนอยู่บนเวทีในฐานะผู้ได้รับรางวัลบ้าง
ไม่รู้เหมือนกันว่าบุญหรือกุศลจะส่งผลให้ มาเน่ สมหวังหรือไม่
แต่การให้อาจเป็นแรงผลักดันนำเขาขึ้นเวทีบัลลงดอร์ในปีหน้าก็ได้
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา