18 ธ.ค. 2019 เวลา 12:24 • กีฬา
“เอล กลาซิโก้” ศึกแห่งศักดิ์ศรี เกมที่พลาดไม่ได้
หลายคนอาจนิยามคำว่า “เอล กลาซิโก้” คือการเผชิญหน้ากันระหว่างเรอัล มาดริดกับบาร์เซโลน่า สองมหาอำนาจลูกหนังของประเทศสเปน ทว่าเบื้องหลังการขับเคี่ยวบนผืนหญ้า 90 นาที นี่คือการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง ทั้งด้านประวัติศาสตร์, เชื้อชาติ, ภาษา, วัฒนธรรม และการเมือง
1
ปมแห่งความขัดแย้ง ถูกขมวดตั้งแต่ที่ราชรัฐกาตาลุนญ่า ที่มีบาร์เซโลน่า เป็นเมืองหลวง ถูกแปรสภาพเป็นแคว้นหนึ่งที่ขึ้นตรงกับประเทศสเปน ทำให้เกิดความคิดอยากแบ่งแยกดินแดนตามมา กระทั่งช่วงปี 1899 สโมสรบาร์เซโลน่า ถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นตัวแทนของชาวกาตาลัน ก่อนที่ 3 ปีต่อมา เรอัล มาดริด จะก่อตั้งตามมา เพื่อเป็นตัวแทนของชาวเมืองหลวง ถือเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางเชื้อชาติ ผ่านรูปแบบของเกมกีฬา
เข็มนาฬิกาเดินทางมาถึงช่วงยุค’30 รอยร้าวถูกฝังลึกลงลงในหน้าประวัติศาสตร์ของทั้งสองสโมสร เมื่อประเทศสเปน เกิดสงครามกลางเมือง ผู้มีอำนาจอย่าง “นายพล ฟรานซิสโก้ ฟรังโก้” เชื่อมโยงเรื่องการเมืองมาเกี่ยวกับฟุตบอล นอกจากการควบรวมอำนาจแล้ว นายพลฟรังโก้ ยังสุมไฟให้การเจอกันของทั้งสองทีมทวีความร้อนแรงมากขึ้น
เริ่มต้นจากการออกคำสั่งให้บาร์เซโลน่า เปลี่ยนชื่อสโมสร จากภาษากาตาลัน มาเป็นภาษาสเปน ตามด้วยสังหาร “โจเซป ซุนโยล” ประธานสโมสรบาร์ซ่า ก่อนใช้อิทธิพลนอกสนาม จนเรอัล มาดริด เอาชนะบาร์เซโลน่า ไปด้วยสกอร์มโหฬาร 11-1 ในศึกโกปา เดล เรย์ ปี 1943 ปิดท้ายด้วยการแทรกแซงการซื้อขาย ปาดหน้าคว้าตัว “อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่” จนก้าวเป็นตำนานของเรอัล มาดริด
นั่นคือบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังสเปน แม้ว่าปัจจุบัน ความดุเดือดจากการแทรกแซงการเมืองเข้ากับเกมกีฬาจะเจือจางลงไป แต่สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่คือ “เอล กลาซิโก้” ยังคงเป็นการแข่งขันที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลัง
ในสนามเรามักพบเห็นนักเตะที่เล่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนใบเหลือง และใบแดงปลิวว่อน ส่วนนอกสนาม มาพร้อมกับการเชือดเฉือนของแฟนบอล และบรรดาสื่อมวลชนที่ต่างฝ่ายมีในครอบครอง
หลุยส์ ฟิโก้ อดีตนักเตะบาร์เซโลน่า ที่สร้างความตกตะลึง ด้วยการย้ายข้ามฟากไปยังเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติโลกในช่วงปี 2000 ออกมาบอกว่า การกลับมาเยือนถิ่น “คัมป์ นู” ในฐานะนักเตะของคู่อริตลอดกาล ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาเป็นอย่างมาก นอกจาก “หัวหมู” ที่ถูกโยนลงมาในสนามแล้ว เขายังยอมรับว่า กลัวจะถูกแฟนบอลลอบทำร้ายอีกด้วย ขณะที่สตีฟ แม็คมานามาน อีกหนึ่งอดีตแข้ง “ราชันชุดขาว” เปิดเผยว่าการมาเยือน “คัมป์ นู” เป็นประสบการณ์ที่แสนเลวร้าย เมื่อแฟนบอลเจ้าถิ่นจะมาก่อกวนตั้งแต่อยู่ที่โรงแรม พร้อมกับตะโกนด่า และขว้างปาสิ่งของใส่รถบัส จนยับไม่มีชิ้นดี ในช่วงระหว่างเดินทางเข้าสนาม
จนมาถึงคืนนี้ โหมโรง เอล กลาซิโก้ นัดแรกที่คัมป์นู ใครจะได้ชัยชนะต้องรอลุ้นกัน
คาดการณ์ 11 นักเตะตัวจริง
บาร์เซโลนา (4-3-3) : มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเกน (GK), เซอร์จี โรแบร์โต, เคราร์ด ปิเก, เกลมองต์ ลองเลต์, ฆอร์ดี อัลบา, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, แฟรงกี เดอ ยอง, อิวาน ราคิติช, อองตวน กรีซมันน์, หลุยส์ ซัวเรซ และ ลิโอเนล เมสซี
เรอัล มาดริด (4-3-1-2) : ติโบต์ กูร์ตัวส์ (GK), ดานี การ์บาฆาล, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาเอล วาราน, แฟร์ลองด์ เมนดี, โทนี โครส, คาเซมิโร, เฟเดริโก บัลเบร์เด, ลูกา โมดริช, แกเร็ธ เบล และ คาริม เบนเซมา.
ต้อรอชมกันครับ แต่ดึกเกินไปหรือเปล่า
ที่มา : Real Madrid Thailand Fanclub
โฆษณา