23 ธ.ค. 2019 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #จากฮีโร่สู่ตัวตลก ]
ลูกชายคนโตของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชามีชื่อว่า โนอาห์
โนอาห์ ได้สายเลือดลูกหนังของพ่อมาแบบเต็มๆ มุ่งเข็มชีวิตสู่การเป็นนักเตะอาชีพ
เขาเริ่มต้นกับคริสเตียนซุนด์ บีเคสโมสรในบ้านเกิด มาเข้าอะคาเดมี่ตั้งแต่ไม่ถึง 10 ขวบ กระทั่งมีชื่อในทีมชุดใหญ่
ช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา แมนฯยูไนเต็ดมีคิวยกพลไปหวดกับคริสเตียนซุนด์ เกิดโมเมนต์สำคัญขึ้น เมื่อ โนอาห์ ได้ลงประเดิมสนามลงเผชิญหน้ากับทีมซึ่งมีพ่อเป็นกุนซือ
ผลของเกมอุ่นเครื่องธรรมดา ย่อมไม่สำคัญเท่าความประทับใจที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้รับโอกาสอันล้ำค่าที่อาจเป็นพลังผลักดันและเป็นแรงบันดาลใจนำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
โนอาห์ ถูกพ่อปลุกปั้นมาก่อน ดังนั้นตำแหน่งแรกๆคือกองหน้า ซึ่งรูปร่างที่สูงยาวช่วยเอื้อประโยชน์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามด้วยเซนส์การจ่ายบอลที่แม่นยำ อีกทั้งครองบอลได้เหนียวแน่น โค้ชจึงลองปรับให้มายืนมิดฟิลด์ดู แล้วปรากฏว่าทำได้น่าพอใจ
ไอ้หนูโนอาห์ก็เลยถอยลงมาประจำการในแดนกลาง โดนเคี่ยวกรำจากทีมเยาวชน แล้วขยับขึ้นสู่ชุดใหญ่ในปีนี้เอง รอปีกกล้าขาแข็งกว่านี้คงจะได้ลงสัมผัสเกมมากกว่าเดิม
เพราะเกิดที่อังกฤษ เติบโตมาได้เห็นพ่อเล่นกับแมนฯยูไนเต็ดในช่วงที่กำลังพีคสุดขีด จึงประกาศตัวเป็นสาวกตั้งแต่จำความได้
อย่างไรก็ตามหากถามว่ามีผู้เล่นกองหน้าคนไหนเป็นไอดอล คำตอบที่เราได้คือ เวย์น รูนี่ย์
โนอาห์ หลงใหลความดุดันเด็ดขาดของคุณอารูนี่ย์มากๆ ถึงกับเคยเอ่ยปากกับพ่อว่าอยากจะเล่นให้ได้อย่างนี้
ส่วนมิดฟิลด์นั้นประทับใจ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสต๊าฟฟ์ของพ่อมากๆ ด้วยสไตล์ที่เล่นง่าย เยือกเย็น เป็นพลังขับเคลื่อนในแดนกลางอย่างแท้จริง
ถ้ามองพ่อในฐานะนักเตะอาชีพ โนอาห์ ไม่ได้ประทับใจที่สุด แม้ความจริงนี่คือฮีโร่คนสำคัญที่นำแมนฯยูไนเต็ดสร้างประวัติศาสตร์ครองแชมป์ยุโรปปี 1999 และเป็นสามแชมป์อันยิ่งใหญ่
ต่างจากเร้ด อาร์มี่อีกหลายคนที่มีชื่อของ โซลชา อยู่ในดวงใจ ไม่ใช่แค่มาจากประตูสำคัญดับฝันบาเยิร์น มิวนิคเท่านั้น
คุณสมบัติชั้นยอด ไม่ว่าความอดทน มุ่งมั่น เพื่อรอโอกาสหรือกระทั่งในบทบาทซูเปอร์ซับผู้ซื่อสัตย์
เพราะเป็นนักเตะคนอื่นหากยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แล้วยังเป็นแค่ตัวเลือกอันดับ 4 ในกองหน้าเป็นรองทั้ง ดไวท์ ยอร์ค , แอนดี้ โคล และ เท็ดดี้ เชอริงแฮม คงย้ายหนีไปเล่นกับทีมอื่นแล้ว
แต่ โซลชา ถล่มไป 126 ประตูจาก 235 นัดในทุกรายการที่รับใช้ ก่อนแขวนสตั๊ดที่นี่ในปี 2007
ไม่แปลกที่เขาจะกลายเป็นคนโปรดของแฟนๆ ต่อให้ไม่ใช่แกนหลักที่มักจะได้ลงตัวจริงอยู่เสมอก็ตาม
อย่างที่รู้กันช่วงฮันนีมูนของ โซลชา ระหว่างนั่งเก้าอี้รักษาการณ์ผู้จัดการแมนฯยูไนเต็ดมันช่างดูดดื่มยิ่งนัก
เขามาแทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ พร้อมกับเค้นทีมสปิริตขึ้นมาอีกครั้ง คว้าชัยถึง 14 จาก 19 เกมในทุกรายการ จนมีเสียงเรียกร้องให้สโมสรมอบสัญญาถาวรให้และก็ได้รับการตอบสนองอย่างดี
เวลานั้นบรรยากาศชื่นมื่นมาก เต็มไปด้วยความหวัง แฟนบอลหลายคนมองว่าฮีโร่ตัวจริงจะกลับมากู้ความยิ่งใหญ่ เหมือนเมื่อครั้งเป็นนักเตะ
แต่โลกแห่งความจริงไม่มีการเขียนสคริปต์ไว้ตามจินตนาการ ตรงกันข้ามอาจโหดร้ายกว่าที่คาดคิดไว้
ท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา โซลชา เริ่มได้ลิ้มรส 5 นัดในลีกก่อนซีซั่นจะรูดม่านปิดฉาก แมนฯยูไนเต็ดไม่ชนะเลยไม่พอ ยังแพ้ไปถึง 3 ด้วยกัน
น่าอับอายคือการโดนเอฟเวอร์ตันถล่ม 4-0 รวมถึงเสมอกับฮัดเดอร์สฟิลด์ที่ตกชั้นไปตั้งนานนับเดือนแล้ว พร้อมทั้งหมดโอกาสติดท็อปโฟร์เพื่อไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้า
ฝันที่เคยหวานชื่นของกองเชียร์ทั้งหลาย เริ่มเจือจางลงปล่อยให้ความขมมาทดแทน
ฤดูกาลนี้แมนฯยูไนเต็ดต้องเผชิญกับความปราชัยถึง 6 นัดและเสมออีกถึง 9 ในทุกรายการ ทั้งที่เพิ่งผ่านมาครึ่งทางเท่านั้นเอง
ชัยชนะเหนือเชลซี , เลสเตอร์ , แมนฯซิตี้หรือแม้กระทั่งสเปอร์ส ไม่อาจช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย เมื่อคุณไปแพ้ทีมอย่างบอร์นมัธหรือวัตฟอร์ด พร้อมทำแต้มหล่นจากการเสมอทีมเล็กๆอีกเพียบไปหมด
ในเกมที่หวังผลต้องเก็บ 3 คะแนน กลับแทบไม่เคยทำสำเร็จเลย ประตูสู่ยูซีแอลในซีซั่นหน้าแง้มบานแคบลงเรื่อยๆตามลำดับ
เสียงขับไล่เขาเริ่มดังมากขึ้น ความเป็นฮีโร่เมื่อครั้งเป็นนักเตะหรือผลงานการคุมทีมอันเฉียบขาดตอนขัดตาทัพแทบถูกลืม เพราะไม่ว่าอย่างไรปัจจุบันก็ต้องสำคัญที่สุด
โซลชา โดนวิจารณ์มากมายจากผลงานที่โยโย่แกว่งไปมาเป็นรถไฟเหาะตีลังกาไม่พอ ยังมีดึงเอาบุคลิกที่นุ่มนิ่มเกินไปมาโยงกันด้วย
หลายครั้งที่เขามักให้สัมภาษณ์ในเชิงว่าพอใจกับขุมกำลังที่มีอยู่ รวมทั้งการสนับสนุนที่ดีจากบอร์ดบริหาร ซึ่งตรงกันข้ามกับความรู้สึกของกองเชียร์ ซึ่งเห็นกันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น
ขาย โรเมลู ลูกากู ออกไปได้เงินกว่า 75 ล้านยูโร ปล่อยยืม อเล็กซิส ซานเชซ ไปอีกราย แต่ดึง ดาเนี่ยล เจมส์ แข้งโนเนมไร้ประสบการณ์มาทดแทนในตำแหน่งรุกแค่คนเดียว ยังบอกว่าน่าพอใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไร
ขนาดทีมที่เล็กเกินไป ศักยภาพนักเตะหลายคนไม่ถึงขั้นลุ้นความสำเร็จตามที่ต้องการ
ความสามารถของ โซลชา ที่ชัดเจนแล้วว่าไม่เก่งในการแก้เกม หลายนัดที่เปลี่ยนตัวขัดแย้งกับสิ่งที่แฟนบอลเห็น
ไม่นับการให้สัมภาษณ์ที่ดูโลกสวยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "เราเดินมาในทิศทางที่ถูกต้อง" ยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้มากกว่าเดิม
สื่อวิเคราะห์ไปต่างๆนานาถึงสาเหตุตกต่ำของปีศาจแดง บ้างบอกว่า โซลชา มีสต๊าฟฟ์มากเกินไป มีแนวทางการฝึกซ้อมที่ไม่สอดคล้องกับทีมชุดใหญ่แบบนี้
หรือชี้ว่าเขานิ่มเกินกว่าจะคุมนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ ใจดีจนนักบอลบางคนขาดความยำเกรง อีกทั้งไร้แอ็กชั่นตอนคุมอยู่ข้างสนาม
ยิ่งผลงานแย่มากเท่าไร เรื่องเหล่านี้มักถูกจับตามองมากเท่านั้น
ก่อนเกมเจอกับวัตฟอร์ด เขาเพิ่งเปิดใจกับสกาย สปอร์ตส์ ว่าพวกผู้คนในโซเชี่ยลที่ดาหน้าออกมาวิจารณ์นั้น มองแค่ในมุมตัวเองอย่างเดียว ทั้งที่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดความสมบูรณ์แบบขึ้น
เหมือน โซลชา กำลังจะบอกว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็คต์ สิ่งที่พูดกันมานั้นล้วนแต่ขัดแย้งกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่าเขาเริ่มไม่พอใจกระแสต่อต้าน เลยมีปฏิกิริยาออกมาตอบโต้แบบนี้
โซลชา พูดไม่ผิดหรอก แต่ในสถานะของเขาบนเก้าอี้ผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอลขนาดใหญ่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ผลงานที่ออกมามันสะท้อนได้อย่างดีอยู่แล้ว
นอกจากนี้เขายังยืนกรานด้วยว่าพร้อมจะทำหน้าที่ต่อไปเช่นเดิม นี่คือบทบาทที่ต้องรับผิดชอบและไม่หวั่นต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆที่ตามมา
แน่นอนว่า โซลชา ไม่คิดยอมยกธงง่ายๆ การลุกจากเก้าอี้ตัวนี้ไม่ได้อยู่ในหัวสมองเลยสักนิดเดียว ต่อให้เสียงเรียกร้องมากและดังขึ้นเรื่อยๆก็ตาม
กองเชียร์ไม่น้อยพอจะแยกแยะออกว่า ตอนเป็นนักเตะกับผู้จัดการทีม มันคนละส่วนไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิดเดียว
แต่ในความอารมณ์เช่นนี้ มันช่วยไม่ได้ที่ความเป็นฮีโร่ในอดีตจะโดนมองข้าม ต่อให้แฟนบอลรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดเขาคนเดียว บอร์ดบริหารก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย
อย่างที่รู้กันไม่มีบอร์ดที่ไหนไล่ตัวเองออกหรอกและเหยื่อที่ถูกจับบูชายัญมีเพียงแค่ผู้จัดการทีมเท่านั้น
ถ้าไม่อยากเป็นเหยื่อและทำให้ตัวเองดูสง่างามกว่า โซลชา ควรลาออก ตามที่บางคนบอกเอาไว้
ทว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้จัดการทีมคนไหนจะยอมเปิดหมวกลาง่ายๆ ในยุคที่มีเงื่อนไขของเงินชดเชยมาเกี่ยวข้อง
ฉะนั้นบอร์ดบริหารต้องแลกกับการปลดเพื่อเปลี่ยนแปลงยกเครื่องกันใหม่ ซึ่งดูแล้วก็ยากอยู่ดีนั่นแหล่ะ
มันน่าเศร้าที่วันนั้นคุณยังเป็นฮีโร่ในสายตาแฟนบอล แต่มาวันนี้สถานะเปลี่ยนเป็นเหมือนตัวตลกคนหนึ่ง
ยิ่งแมนฯยูไนเต็ดไม่อาจสลัดหลุดจากวังวนนี้นานเท่าไร โซลชา ก็ยิ่งดูไร้ความหมายมากขึ้นเท่านั้นเอง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา