26 ธ.ค. 2019 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ที่นี่ไม่มีซูเปอร์สตาร์ ]
สิ่งหนึ่งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ชอบเลยก็คือเห็นลูกทีมทำตัวเด่นหรือคิดว่าใหญ่สุด
เขาเคยเล่าไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติ ถึงสาเหตุที่ปล่อย พอล อินซ์ ไปให้อินเตอร์ มิลานในปี 1995 เพราะนักเตะกระเหี้ยนกระหือรืออยากไปเอง
ตอนนั้น อินซี่ แอบติดต่อกับทีมงูใหญ่ไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งไม่ได้แคร์เลยว่าจะโดนขายทิ้ง มีความมั่นใจตัวเองสูงมาก
พฤติกรรมของ อินซ์ แย่ลงเรื่อยๆในสายตาเจ้านาย ความมั่นใจในตัวเองที่คิดว่าข้าเจ๋งสุด สร้างความหงุดหงิดให้ เฟอร์กี้ เหลือเกิน
แต่ เฟอร์กี้ ไม่เคยบอกกับสาธารณะหรือพูดผ่านสื่อเลยว่า อินซ์ พยายามทำตัวมาเสมอตัวเอง
ฤดูกาล 1994/95 แมนฯยูไนเต็ดต้องเผชิญกับความผิดหวังอย่างรุนแรง เริ่มจากพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกในเกมนัดสุดท้าย แถมยังพ่ายนัดชิงเอฟเอคัพด้วยน้ำมือของเอฟเวอร์ตัน
ความเครียดจู่โจม เฟอร์กี้ ซึ่งมีแผนไว้ในใจแล้วว่าต้องผ่าตัดใหญ่ทีม เพราะนักเตะบางคนเหิมเกริมขึ้นมา จนทำให้เสียการปกครอง
การย้ายไปเชลซีของ มาร์ค ฮิวจ์ส พอเข้าใจได้ว่าต้องการลงตัวจริงสม่ำเสมอและการแก่งแย่งแข่งขันในปีศาจแดงสูงลิบ ซึ่งเขาไม่แฮปปี้กับม้าสำรองข้างสนามแน่
ส่วน อันเดร แคนเชลสกี้ส์ ดิ้นรนจะย้ายให้ได้ ประท้วงด้วยการเล่นแบบไม่เต็มที่ ขาดความเป็นมืออาชีพอย่างสิ้นเชิง
ประเด็นคือหากเขาได้ย้ายสโมสร จะได้รับเงินส่วนแบ่งก้อนโตด้วย นั่นคือเงื่อนไขที่ทำไว้กับเอเยนต์ก่อนแล้ว
ดังนั้นเมื่อเห็นว่ากำลังอยู่ในช่วงพีค มีหลายสโมสรยื่นข้อเสนอเข้ามา จึงเนื้อเต้นมากๆ
1
เมื่อเห็นว่ารั้งไม่ได้แล้ว เฟอร์กี้ จึงปล่อยให้เอฟเวอร์ตันและทำนายไว้เลยว่า แข้งยูเครนต้องล้มเหลวบนเส้นทางนี้แน่ เพราะสนใจแต่เรื่องผลประโยชน์มากเกินไป
อย่างไรก็ตามคนที่น่าผิดหวังสุดคือ อินซ์ ซึ่งอยู่กับสโมสรมา 6 ปีและเป็นขวัญใจเบอร์ต้นๆของเร้ด อาร์มี่ในเวลานั้น
นักเตะที่เขาสนิทมากสุดคือ ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่ไม่ค่อยมีปากเสียงมากนักและมักทำตามใจพวกพี่ๆเสมอ
มีอยู่วันหนึ่ง อินซ์ เดินมาบอกกับ กิ๊กส์ ว่า - "แกต้องเรียกข้าว่า กัฟเนอร์ นะเว้ย"
"กัฟ" ในความหมายของคนอังกฤษคือลูกพี่หรือนายใหญ่อะไรประมาณนี้
พอได้ยินเข้า กิ๊กส์ คิดว่ารุ่นพี่อำเล่น ที่ไหนได้เขาย้ำตลอดว่า ต้องเรียกตามนี้ห้ามใช้ชื่อเล่นที่คุ้นเคยกันเด็ดขาด
ทุกครั้งที่โทรศัพท์มาหา กิ๊กส์ จะกรอกสายตามเสียงมาก่อนว่า "นี่ลูกพี่ใหญ่นะ"
นอกจาก กิ๊กส์ แล้วนักเตะอย่าง ลี ชาร์ป หรือพวกแข้งเยาวชนที่กำลังโตขึ้นมาอีกหลายคนก็เจอบังคับด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่แค่ชื่อเรียกอย่างเดียว อินซ์ ยังไปเปลี่ยนทะเบียนรถให้สอดคล้องกับความเป็นลูกพี่ด้วย ตัวอักษร GF8 มันตอกย้ำเลยว่าเขาคิดอย่างไร
แต่ อินซ์ คงลืมไปว่าในทีมมีลูกพี่หรือนายใหญ่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
คนระดับ เฟอร์กี้ ไม่ชอบให้ลูกน้องมาตีเสมอแน่นอน
นี่คือส่วนหนึ่งทำให้ อินซ์ ถูกขายไปอินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวสถิติสโมสรเวลานั้น 6 ล้านปอนด์
นอกจากไม่แคร์อะไรทั้งสิ้นแล้ว อินซี่ ยังประกาศเสียงดังให้คนใกล้ตัวรับรู้กันว่า
"คอยดูแล้วกัน ข้าจะพาอินเตอร์คว้าแชมป์ให้ดู"
แต่อย่างที่รู้กัน อินซ์ ล้มเหลวที่เซเรีย อา ก่อนจะโซซัดโซเซกลับมาพรีเมียร์ลีกอีกครั้งและคราวนี้เลือกลิเวอร์พูลคู่แค้นของแมนฯยูไนเต็ด เพื่อหวังจะชำระบัญชีเก่า
ก่อนเขาจะผิดหวังซ้ำหนักกว่าเดิม
เท็ดดี้ เชอริงแฮม ย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดในฤดูร้อนปี 1997
เหตุผลที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซื้อมาเพราะยังโหยหา เอริก คันโตน่า และเชื่อสไตล์การเล่นของ เชอรี่ พอจะทดแทนได้บ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดเลยก็ตาม
ค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ถือว่าไม่แพงนัก แต่ที่ทำให้แคมป์แมนฯยูไนเต็ดสั่นสะเทือนคือวันแรกที่ เชอริงแฮม เดินทางมาสนามซ้อมนั่นเอง
เขาควบเฟอร์รารี่รุ่นใหม่สีแดงเฉี่ยวสะใจมาอวดโฉมให้สมกับเป็นนักเตะระดับท๊อปของอังกฤษ รวมทั้งเป็นกองหน้าของสโมสรที่ยิ่งใหญ่
แต่หารู้ไม่ว่า เฟอร์กี้ ออกมีกฎเหล็กไว้ ห้ามนักเตะทุกคนขับรถสปอร์ตหรือซูเปอร์คาร์มายังสนามซ้อมเด็ดขาด ที่นี่ไม่ต้อนรับความโออ่าของซูเปอร์สตาร์ทั้งหลาย
เขาชอบให้นักเตะรู้จักสมถะ วางตัวติดดินเรียบง่าย มีสมาธิกับการฝึกซ้อมและเกมในสนามตลอดเวลา
นักเตะอย่าง สตีฟ บรูซ หรือ แกรี่ พัลลิสเตอร์ ซึ่งขับรถเบนซ์รุ่นเก่าทึนทึกดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของเจ้านายยิ่งนัก
ขนาด ลี ชาร์ป ซึ่งใช้รถจี๊ปวิตาร่าสีน้ำเงินที่ดูเหมือนธรรมดา ยังโดนเจ้านายตวาดมาแล้ว เพราะคิดว่าเกินตัวนักเตะวัยรุ่น รถอย่างนี้มันโดดเด่นมากเวลาขับไปไหนต่อไหน
เฟอร์กี้ ไม่ชอบให้ลูกทีมคิดว่าตัวเองเป็นนักเตะดัง ชื่อเสียงเงินทองมันอันตรายอย่างมากหากไม่สามารถรับมือได้
พอ เชอริงแฮม ขับมาได้ นักเตะคนอื่นก็คิดเหมือนกันว่าต้องทำได้เหมือนกัน
ในเมื่อแต่ละคนมีรายได้มหาศาล รถหรูแค่คันเดียวขนหน้าแข้งไม่ร่วงแน่
อีกไม่กี่วันถัดมา กิ๊กส์ ไปซื้อเฟอร์รารี่มาคันหนึ่ง ได้ขับโชว์สาวสมใจ โดยไม่ต้องกลัวเจ้านายอีกต่อไป
เดวิด เบ็คแฮม ที่เพิ่งพุ่งขึ้นมา ทั้งหน้าตาและฝีเท้าเรียกสายตาผู้หญิงทุกคน ก็ซิ่งปอร์เช่ด้วยเช่นเดียวกัน
ดูเหมือนว่าตอนนั้น เฟอร์กี้ เริ่มผ่อนปรนเรื่องนี้บ้างแล้ว แต่ก็เตือนพวกหนุ่มๆไว้ก่อน หากฟอร์มไม่ดีหรือไม่มีสมาธิเมื่อไร รับรองได้โดนสั่งขายรถทิ้งแน่
ในขณะเดียวกันเรื่องสาวๆก็ด้วยเหมือนกัน เฟอร์กี้ มักจะคอยถามไถ่เสมอว่าคบใครอยู่หรือเปล่า แล้วมีแพลนอนาคตอย่างไร
เขาอยากให้ลูกทีมบางคนมีครอบครัวเป็นเรื่องราว เพื่อจะได้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่ทำตัวเพลย์บอยจีบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆ
เพราะเคยพูดไว้ว่าตัวการทำลายนักเตะคือเรื่องความรักนี่แหล่ะ ฉะนั้นจึงต้องการให้เป็นฝั่งเป็นฝาหมดเรื่องกันไป
แม้ผลงานในสนามจะยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง แต่ เบ็คแฮม ก็มักจะโดนเจ้านายโทรไปหาที่ห้องทำงานตักเตือนอยู่
เรื่องรถหรูไม่เท่าไร แต่ทรงผมนี่เป็นอีกสิ่งที่ เฟอร์กี้ เครียดมากๆ
เขาเคยบ่น คาเรล โพบอร์สกี้ เรื่องไว้ผมยาว นอกจากดูไม่เท่อะไรแล้ว ยังรุ่มร่ามน่ารำคาญอีกต่างหาก แล้วมันทำลายวิสัยน์ทัศน์ยามอยู่ในสนามอีกด้วย
มีอยู่ครั้งหนึ่งก่อนที่แมนฯยูไนเต็ด จะต้องลงทำศึกพรีเมียร์ลีกกับเลสเตอร์ ปรากฏว่ามีกองทัพช่างภาพกว่า 20 คนมาปักหลักที่สนามซ้อม
เล่นเอา เฟอร์กี้ แปลกใจไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปกติศูนย์ฝึกแคร์ริงตัน ไม่มีตากล้องมากันมากขนาดนี้
"เดวิด กำลังจะโชว์ทรงผมใหม่พรุ่งนี้" ใครสักคนมาบอก ช่วยคลายความกังขา
เบ็คแฮม มาถึงสนามซ้อมตั้งแต่บ่ายสอง ทุกอย่างไม่มีอะไรผิดสังเกต นอกจากสวมหมวกไหมพรมมาด้วยและใส่อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนกินมื้อค่ำกับทีม
เฟอร์กี้ รู้สึกรำคาญอย่างมาก เดินไปบอกให้ถอดซะ ย้ำอยู่หลายรอบ แต่ เบ็คแฮม แสดงท่าทางหงุดหงิดหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่พอใจ
แล้วก็ยังไม่ยอมถอดอีกต่างหาก ถือว่าท้าทายเจ้านายมากๆ
วันรุ่งขึ้นตอนวอร์มอัพก่อนจะลงเซิ้งแข้งจริง หมวกไหมพรมยังคลุมหัว เหมือนเดิม สร้างความขุ่นเคืองให้กับ เฟอร์กี้ ยิ่งนัก
"แกจะถอดหรือเปล่า ถ้ายังไม่ทำตามที่บอก ฉันจะถอดแกออกจากทีมที่จะลงเล่นวันนี้เลย"
เบ็คส์ กระฟัดกระเฟียดหัวเสียยิ่งนัก แต่ต้องทำตามจะเป็นอื่นไม่ได้เด็ดขาด
แล้วตอน เบ็คแฮม ย้ายจากเรอัล มาดริดไปแอลเอ กาแล็คซี่ในปี 2007 เฟอร์กี้ บอกกับคนใกล้ตัวเลยว่ามันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่
"เขาเกิดมาเป็นนักฟุตบอล ไม่ใช่ดาราหน้าจอ ฮอลลีวู้ดไม่ใช่สถานที่เหมาะกับเขาเลย"
กว่า เบ็คแฮม จะเข้าใจว่าฟุตบอลสร้างเขาขึ้นมาและควรทุ่มเทกับมันตลอดการเป็นนักเตะอาชีพก็แทบจะสายเกินไปแล้ว
ไม่อยากเปรียบเทียบ แต่ลองดูนักเตะยุคนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นและผลลัพธ์เป็นอย่างไร
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา