29 ธ.ค. 2019 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
ปี 2019 สมองไหลได้อะไรจากการเขียน Blockdit
สำหรับคนที่เข้ามาสร้างเพจใน Blockdit เเล้วเขียนบทความได้โดนใจผู้อ่าน สิ่งที่จะได้กลับมาเเน่นอนนั่นก็คือ “รายได้”
1
ซึ่งข้อนี้ทุกคนที่มีเเอพ Blockdit ติดมือถือก็คงจะรู้ดีอยู่เเล้ว โดยตั้งเเต่เปิดเพจมา สมองไหลทำรายได้ทั้งหมดประมาณ 40,000 บาท
เเต่สำหรับสมองไหล การเขียน Blockdit ไม่ได้ให้เเค่ “เงิน” เเต่มันให้อะไรมากกว่านั้น…
เเละนี่คือ บทสรุป 5 ข้อ ที่สมองไหลได้รับจากการเขียน Blockdit ในรอบปี 2019
1) หนังสือ 36 เล่ม
ตั้งเเต่ผมเริ่มเขียนบทความใน Blockdit ผมก็ไม่เคยต้องใช้เงินตัวเองซื้อหนังสืออีกเลย เพราะในทุกๆ เดือน ผมจะนำเงินที่ได้จากงานเขียนส่วนหนึ่งไปซื้อหนังสือ
เเละทุกครั้งที่ได้เงินจาก Blockdit ผมจะนำ “รายได้” มาหักกับ “รายจ่าย” จากการซื้อหนังสือก่อน เเล้วค่อยนำเงินส่วนที่เหลือหรือที่ผมเรียกว่า “กำไรสุทธิ” ไปทำประโยชน์อย่างอื่นต่อไป
ซึ่งหนังสือที่เห็นอยู่นี้ มีทั้งหมด 36 เล่ม ราคารวมประมาณ 10,000 บาท เฉลี่ยเล่มละ 300 บาท ซึ่งผมใช้เงินจากการเขียน Blockdit ซื้อทั้งหมด
เเต่ผมขอบอกตรงนี้เลยครับว่า จริงๆหนังสือเหล่านี้ ผมซื้อมาก็เหมือนได้ฟรี ! เพราะเเต่ละเล่มที่ผมอ่านนั้นให้ไอเดียผมไปเขียนบทความต่อได้ไม่ต่ำกว่า 10 เรื่อง
คือ ปกติผมจะมีรายได้ประมาณ 200 บาทต่อบทความ นั่นเท่ากับว่าถ้าผมเขียนได้ 2 บทความ ผมก็จะมีรายได้เท่ากับหนังสือ 1 เล่มเเล้ว
เเต่หนังสือ 1 เล่ม ให้ไอเดียผมเขียนได้ถึง 10 เรื่อง
ดังนั้น ผมก็จะมีกำไรจากการอ่านหนังสือ 1 เล่มประมาณ 1,800 บาท
“หนังสือ” นี่เเหละครับ คือวัตถุดิบชั้นดีในการสร้างสรรค์งานเขียนเลยล่ะ
เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังบ่นว่าไม่รู้จะเขียนอะไร พอเขียนไปนานๆ ก็เริ่มจะตัน ไม่รู้จะหาไอเดียจากที่ไหนมาเขียน
ผมขอเเนะนำตรงนี้เลยครับว่า คุณต้องอ่านเยอะๆ เเล้วผมรับรองเลยว่า “การลงทุนกับหนังสือ ไม่มีทางขาดทุนเเน่นอน”
2) การศึกษา
ตั้งเเต่ผมเริ่มเขียนบทความใน Blockdit มา ผมก็ได้ไปเรียนเกี่ยวกับศาสตร์การเขียนเพิ่มเติมทั้งหมด 2 คอร์ส โดยใช้เงินที่ได้จากการเขียน Blockdit เช่นกัน
คอร์สเเรกเป็นคอร์ส Workshop ที่ชื่อว่า “Content Master เขียนคำให้คนติด” ราคาเต็มอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท เป็นคอร์สของเจ้าของเพจดังอันดับต้นๆ บน facebook ของเมืองไทย
เเต่เนื่องจากพี่ที่สอนคอร์สนี้ ชื่นชอบการเขียนของผม โดยเห็นผลงานของผมจาก Blockdit นี่เเหละ เขาจึงชักชวนให้ผมไปเป็นนักเขียนประจำเพจที่บริษัทของเขา
นั่นจึงทำให้ผมได้เรียนคอร์สนี้ในราคาที่พิเศษมากๆ ซึ่งตรงส่วนนี้ผมไม่ขอเปิดเผยนะครับ
คอร์สที่สอง เป็นคอร์สออนไลน์ ที่ชื่อว่า Writology กับ ขุนเขา ซึ่งเป็นนักเขียนในดวงใจของผม เจ้าของหนังสือ Bestseller 10 เล่ม
เรียกได้ว่า พี่ขุนเขาคือ นักเขียน อันดับต้นๆ ของประเทศไทยอย่างเเท้จริง
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากเป็นนักเขียนที่เก่ง ก็ต้องเรียนจากนักเขียนที่เก่ง ผมจึงไม่ลังเลที่จะลงทุนกับความรู้ครั้งนี้ในราคา 6,900 บาท เพราะผมรู้ดีว่า “สิ่งที่จะได้กลับมามันมากกว่าเงินที่เสียไปเเน่นอน”
ที่สำคัญ การจะสร้างงานเขียนให้ได้เเบบมืออาชีพนั้นไม่ใช่จะเขียนยังไงก็ได้ เเต่มันมีวิธีของมันอยู่
ดังนั้น จึงต้องหมั่นศึกษาในศาสตร์การเขียนเยอะๆ เพราะถ้ารู้วิธีของมัน ก็จะได้ไม่ต้องมานั่งคลำหาวิธีด้วยตัวเองทั้งหมดให้เสียเวลา
เเละสุดท้ายมันก็จะช่วยให้เราสามารถไปได้เร็วเเละไปได้ไกล…
3) สัมมนา
ในรอบปี 2019 ผมได้ไปเข้าร่วมสัมมนาทั้งหมด 3 ครั้ง โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ได้มาจากการเขียน Blockdit เช่นกัน
สัมมนาเเรก ที่ผมได้ไปเข้าร่วม ก็คือ สัมมนา “Cashflow Game กับ โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์” โค้ชการเงินชื่อดังของเมืองไทย
สำหรับสัมมนานี้ ผมได้เข้าร่วม 2 ครั้ง โดยในงานสัมมนาจะเเบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเล่นเกมส์ Cashflow กับ ช่วงบรรยายจากโค้ชหนุ่ม
ต้องบอกเลยว่าการได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเงินผ่านการเล่นเกมส์มันเป็นอะไรที่สนุกมากๆ
ซึ่งถ้าหากโค้ชหนุ่มจัดสัมมนาเเบบนี้อีกเมื่อไหร่ ผมก็จะไปอีกทุกครั้ง เพราะนอกจากจะสนุกเเล้ว มันยังทำให้ผมได้มีความรู้มาจัดการเรื่องการเงินให้กับชีวิตตัวเองอีกด้วย
ต่อมาคือสัมมนา “Future Maker”
อันนี้ก็ไม่เชิงสัมมนา เเต่เป็นเหมือนงาน Talk show มากกว่า
ซึ่งภายในงานจะมีเหล่า Speaker ชื่อดังของเมืองไทยมากมายขึ้นมาให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็น คุณรวิศ หาญอุตสาหะ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เเละอีกมากมายนับ 10 ท่าน
เเต่ไฮไลท์เด็ดของงานนี้ต้องบอกว่ามันไม่ใช่การได้มาฟัง เหล่า Speaker ทั้ง 10 ท่านที่เห็นอยู่ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ข้างบน
เเต่มันคือ Speaker ที่มีชื่อว่า… “ลงทุนแมน”
คุณ ”ลงทุนเเมน” ได้เข้ามาเป็น “Surprise Speaker” ในงานนี้ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าคุณลงทุนเเมนจะมา เเละไม่มีใครรู้ว่าคุณลงทุนเเมนขึ้นมาพูดด้วยซ้ำ !
เพราะคุณลงทุนเเมน เป็น Speaker คนเดียวที่ไม่มีการเเนะนำตัวเเละไม่มีการบอกกล่าวอะไรทั้งนั้น
คือ อยู่ๆ ก็เดินขึ้นมาพูดเเบบไม่มีพิธีการอะไร เเต่เรื่องที่พูดนั้นน่าสนใจมาก เเละเมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินลงจากเวทีไปโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร
จนกระทั่งพิธีกรประกาศว่า “เรื่องที่เขาพูดนั้นทุกคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเขาคือ “ลงทุนแมน”
ทันทีที่พิธีกรประกาศเเบบนั้น ก็ทำเอาผู้คนในงานรวมถึงตัวผมเอง ถึงกับอึ้งไปเลยพร้อมๆ กับเสียงปรบมือเเละเสียงที่เเสดงถึงความตกใจด้วยความเซอร์ไพรส์ของคนในงาน !
อย่างไรก็ตาม นอกจาก Blockdit จะทำให้ผมมีเงินไปซื้อบัตรสัมมนาเเละได้ไอเดียมาเขียนบทความต่อเเล้ว ยังทำให้ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้เจอ “ลงทุนแมน” ตัวจริงเสียงจริงอีกต่างหาก... ซึ่งมันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ
มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะบ่นกันเเล้วว่า... “อะไรกัน นี่ชีวิตของสมองไหลมีเเต่หนังสือ การเรียน เเละสัมมนา หรอ ? ไม่คิดจะทำอะไรที่มีสีสันกับเขาบ้างเลยหรือยังไง !”
จะบอกว่า ชีวิตของสมองไหลก็ไม่ได้จืดชืดขนาดนั้น เพราะสิ่งที่ผมได้ต่อมาคือ...
4) ทริปท่องเที่ยวเมืองมาเก๊า
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวที่เมืองมาเก๊า ประเทศจีน ครับ
ซึ่งจริงๆเเล้ว ปีนี้ผมได้ไปมา 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น เเละ มาเก๊า (จีน)
เเต่ที่พูดถึง “เมืองมาเก๊า” เพราะมันเป็นทริปที่ผม “ใช้เงินที่ได้จากการเขียน Blockdit” ซื้อทัวร์เเละใช้จ่ายทั่วไป
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การไปเที่ยวธรรมดาๆ เพราะถ้าไปเเล้วกลับมาตัวเปล่าคงไม่ใช่สมองไหล ยังไงๆ ก็ต้องมีความรู้ติดไม้ติดมือกลับมาเขียนเป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันเเน่นอน
ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมได้ไปเรียนรู้มา ทั้งวัฒนธรรม ภาษา สถานที่สำคัญ เศรษฐกิจ เเละการเมือง ก็ได้เเปรเปลี่ยนมาเป็นบทความในซีรีย์ “เรื่องเล่าจาก...แดนคาสิโน นั่นเอง
5) โอกาส : คือ สิ่งที่ยิ่งใหญ่เเละมีคุณค่าสำหรับผมมาก
ต้องบอกว่า Blockdit คือ จุดเริ่มต้น “อาชีพ (เสริม) นักเขียน” ของผมเลยก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยทำงานเขียนมาก่อนเลย จะมีบ้างก็เเต่เขียนลง facebook ส่วนตัว ซึ่งก็เขียนเเบบมือสมัครเล่น คิดอะไรก็เขียนไปอย่างนั้น ไม่ได้ใช้เทคนิค ไม่ได้มีรูปเเบบใดๆเลยทั้งสิ้น
เเต่พอได้เริ่มมาเขียนเพจใน Blockdit เเละเริ่มมีคนติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ มันจึงบังคับให้ผมต้องมีวินัยเเละความรับผิดชอบมากขึ้น เเละจะมาเขียนเเบบเดิมๆไม่ได้อีกเเล้ว
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องลากตัวเองขึ้นมาหน้าโน๊ตบุ๊คทุกวันไม่ว่าวันนั้นจะเหนื่อยเเละยุ่งมากเเค่ไหน
นอกจากนี้ยังต้องไปศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์การเขียนเเบบมืออาชีพให้มากขึ้นด้วย เพื่อที่จะได้สร้างงานเขียนที่มีคุณภาพออกมาให้ผู้อ่านทุกคน
จนสุดท้ายผลของความมีวินัยก็เริ่มพลิดอกออกผล เพราะงานเขียนเหล่านั้นเริ่มไปได้ไกลมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมันถูกบุคคลที่มีชื่อเสียงเเชร์ออกไป
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พี่ “ขุนเขา” ได้นำบทความเรื่อง ลิฟท์ติดกระจก กับเรื่องเป้าหมายที่ เเจ็ค หม่า จัดเทศกาล 11.11 ไปยกตัวอย่างประกอบการสอนในคอร์ส Writology เเละได้ส่งบทความนั้นไปให้คนที่พี่ขุนเขาเองรู้จักต่างๆ
หรือจะเป็นตอนที่ พี่หนุ่ม กรรชัย หยิบยกบทความเรื่อง ทิลลี สมิธ ไปพูดถึงในรายการข่าวใส่ใข่ทางช่องไทยรัฐทีวี เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นสะพานให้ผมได้มี “โอกาส” พบกับคนในวงการนักเขียน นักการตลาด เเละนักธุรกิจมากมาย จนได้รับ ”โอกาส” จากผู้ใหญ่เเละมีงานเข้ามาไม่ขาดสาย
คือ ถ้าพูดถึงรายได้ทางตรงจาก Blockdit อาจจะดูไม่มากเท่าไหร่นัก เเต่ถ้ารวมกับรายได้ทางอ้อมอื่นๆ ที่ไหลเข้ามา ต้องบอกเลยว่าถึง “หลักเเสน”
เเละต้องบอกตามตรงว่า ถ้าไม่มี Blockdit เป็นจุดเริ่มต้น เเละไม่มีผู้อ่านที่คอยสนับสนุน ผมเองก็ไม่มีวันนี้เช่นกัน…
ตลอดปี 2019 ผมได้อะไรจากการเขียน Blockdit เยอะมากๆ ถึงเเม้เพจจะมีอายุเพียง 9 เดือน เเต่สิ่งที่ได้กลับมามันมากมายมหาศาลจนพูดทั้งวันก็คงจะไม่หมด
จนทุกวันนี้ผมกลายเป็นเหมือน “พรีเซนเตอร์” ของ Blockdit ไปเเล้ว เพราะไม่ว่าผมจะเจอใคร ผมก็มักจะเเนะนำให้คนที่ผมรู้จักมาเขียนบทความลงใน Blockdit เสมอ
สุดท้ายนี้ ผมก็ไม่มีอะไร นอกจากคำว่า “ขอบคุณ” ลงทุนเเมน ที่ก่อตั้ง Blockdit ขึ้นมาเเละสร้างโอกาสให้ใครหลายคน
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่คอยสนับสนุนสมองไหลเสมอมา
เเละขอบคุณตัวเองที่ตั้งใจผลิตผลงานออกมาอย่างมีวินัย
เเละขอกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่ 🙏 ชาว Blockdit ทุกคน
1
โฆษณา