2 ม.ค. 2020 เวลา 02:30 • บันเทิง
Don't F**k with Cats: Hunting an Internet Killer
ตามล่าฆาตกรออนไลน์ : ตอนที่ 3 คำใบ้ของลูก้า
1
ทันทีที่ชิ้นส่วนเท้าซ้ายถูกส่งไปถึงสำนักงานใหญ่ของพรรคอนุรักษ์นิยมแห่งแคนาดา สื่อทุกสำนักทั่วโลกก็ให้ความสนใจคดีนี้ขึ้นมาทันที
.
แผนเรียกร้องความสนใจของลูก้าประสบความสำเร็จ
เขาต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ...ถึงกล้าทำแบบนี้
ดีแอนนาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าขนาดนี้ เธอทั้งสับสน กังวล โกรธ หลายอารมณ์ปนเปกันไป
.
.
.
มีความคิดมากมายผุดขึ้นในหัวของเธอ
2
เรามีส่วนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ?
เราเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันได้รับความสนใจอย่างที่ต้องการใช่ไหม ?
เป็นเพราะเราใส่ใจกับคนแบบนี้ เลยทำให้มันได้ใจและต้องการความสนใจมากขึ้นใช่ไหม ?
ตลอดเวลาหลายเดือนที่ตามสืบเรื่องของลูก้า...ให้ประโยชน์อะไรกับชีวิตเราบ้าง ?
ชีวิตที่เคยสงบสุขของเราหายไปไหน ?
หลังนอนคิดมาทั้งคืน...ดีแอนนาตัดสินใจออกจากกลุ่มและกลับไปใช้ชีวิตกับหมาของเธอตามเดิม
แม้ดีแอนนาจะหยุดตามหาลูก้า แต่เรื่องยังไม่จบ...
ตำรวจยังคงหาหลักฐานเพื่อสืบหาเขาต่อไป
หมายเหตุ : เรื่องสั้นเรื่องนี้เรียบเรียงมาจากคดีฆาตกรรมของลูก้า แม็กนอตต้า ที่เกิดขึ้นจริงในปี 2010 ข้อมูลและหลักฐานในคดีส่วนใหญ่อ้างอิงมาจากภาพยนตร์สารคดีของNetflixเรื่อง Don't F**k with Cats: Hunting an Internet Killer(2019)
หากไม่ต้องการถูกสปอยด์เนื้อหาของสารคดี...โปรดหลีกเลี่ยงการอ่านเนื้อหาที่เกิดขึ้นต่อจากนี้
Montreal(มอลทรีออล)
เจ้าหน้าที่ตำรวจแกะรอยพัสดุจนทราบไปรษณีย์ต้นทางที่คนร้ายส่งเท้าซ้ายมา...
เมื่อเดินทางถึงไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด และไล่ย้อนไปดูช่วงเวลาที่คาดว่าคนร้ายจะมาส่งพัสดุ
เป็นไปตามที่ทีมสืบสวนคาดการณ์ ผู้มาส่งพัสดุคือคนเดียวกับชายหนุ่มที่เห็นในกล้องวงจรปิดของอาคารที่พบศพ
.
.
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าชายคนนี้คือผู้ต้องสงสัย ส่วนที่ต้องหาต่อมาคือ ชายคนนี้เป็นใคร ?
ทีมสืบสวนขอเอกสารจากหัวหน้าไปรษณีย์
ในเอกสารการส่งระบุชื่อผู้ส่งว่า " ร็อคโค่ "
และเมื่ออ่านรายละเอียดการส่ง ทีมสืบสวนก็ต้องตกใจอย่างหนัก เมื่อพบว่า...เขาส่งพัสดุสองชิ้น !!!
เราทราบแล้วว่าชิ้นที่หนึ่งถูกส่งไปที่สำนักงานใหญ่ของพรรคอนุรักษ์นิยม ไม่กี่วันต่อมา พัสดุชิ้นที่สองซึ่งบรรจุมือของเหยื่อก็ส่งไปถึงที่ทำการพรรคเสรีนิยม
สิ่งที่เขาทำในครั้งนี้...คล้ายกับที่เขาทำกับดีแอนนาและจอห์น กรีน เขากำลังท้าทาย !!!
แต่คนที่เขากำลังท้าทายด้วยตอนนี้ เป็นทีมสืบสวนของกรมตำรวจมอนทรีออล
ตอนนี้ตำรวจรู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว
ชายปริศนาที่เห็นในกล้องวงจรปิดคือ " ลูก้า ร็อคโค่ แม็กนอตต้า "
ถึงรู้ขนาดนี้...แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดเขาได้ ต้องสืบให้ได้ก่อนว่า เขาเจอเหยื่อยังไง ? ใช้วิธีการไหนเกลี้ยกล่อมจนเหยื่อตามมาที่บ้าน ?
หากรู้รายละเอียดทั้งหมด จะทำให้หลักฐานต่างๆมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น
ทีมสืบสวนทราบมาว่า มีคลิปวีดีโอบันทึกการฆาตกรรมของลูก้าอยู่ในเน็ต จึงค้นหาและเปิดดู
โดยปกติ...การสืบสวนจะเกิดขึ้นเมื่อการฆาตกรรมจบลงแล้ว
ไม่มีใครบันทึกช่วงเวลาเหล่านั้นเก็บไว้...
กว่าจะได้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนต้องรวบรวมหลักฐาน สืบสวน สอบสวน และปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง
.
.
.
ต่างจากครั้งนี้ที่เขาเปิดดูภาพเหตุการณ์ได้
มันคล้ายกับว่าพวกเขากำลังยืนดูการฆาตกรรมจากด้านหลังของฆาตกร
ภาพที่เห็น...สอดคล้องกับวัตถุพยานที่เจอในจุดพบศพ
สิ่งที่สะดุดตาเจ้าหน้าที่คือ ภาพโปสเตอร์ของหนังเรื่องคาซาบลังก้าที่ติดอยู่บนกำแพงห้องเกิดเหตุ
โปสเตอร์ที่อยู่ในคลิป (ซ้าย) : โปสเตอร์ที่เจอจากจุดพบศพ (ขวา)
เจ้าหน้าที่เห็นโปสเตอร์นี้ครั้งแรกตอนรื้อถุงขยะที่จุดพบศพ ตอนนั้นพวกเขาคิดว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับคดีนี้
ในท้ายคลิปมีช่วงหนึ่งลูก้าหมุนศรีษะผู้ตายไปมา เจ้าหน้าที่จึงได้เห็นหน้าผู้ตายเป็นครั้งแรก เขาเป็นชายชาวเอเชีย อายุไม่มาก น่าจะประมาณ 30 กลางๆ
เมื่อรู้หน้าตาของเหยื่อแล้ว ทีมสืบสวนจึงกลับไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตรงทางเข้าอาคารอีกครั้ง
เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรู้ให้ได้ว่าเหยื่อมาที่อาคารเวลาไหน ? มาอย่างไร ? และมากับใคร ?
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ตายเดินเข้าอาคารตอนสี่ทุ่ม สิบเจ็ดนาที เขาเดินมากับผู้ต้องสงสัย(ลูก้า) เท่าที่พอสันนิษฐานได้ในตอนนี้ คาดว่าผู้ตายน่าจะเป็นชาวเอเชียหรือไม่ก็อเมริกาใต้
การสืบหาในขั้นตอนต่อมา คือการตรวจหาชื่อผู้ตายจากรายงานคนหาย ... ชุดสืบสวนพบคนหายรายหนึ่งที่เข้าข่ายว่าจะเป็นเหยื่อในคดีนี้
ชายคนนั้นชื่อ " จุน หลิน "
ตอนที่เพื่อนของจุน หลินเข้ามาแจ้งความ ไม่มีใครติดต่อเขาได้เกินกว่าหกสิบชั่วโมงแล้ว
ปกติจุนหลินไม่ใช่คนแบบนั้น
เขามักจะโทรบอกเพื่อนๆเสมอเวลาไปไหน
จุน หลิน เป็นคนขี้อาย
เขาไม่ได้เป็นเกย์อย่างเปิดเผย
.
.
.
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกมาใช้ชีวิตที่แคนาดา เพราะที่นี่ให้เสรีและการยอมรับมากกว่าบ้านเกิดของเขา
เพื่อให้แน่ใจว่าจุน หลิน คือเหยื่อในคดีนี้...
ชุดสืบสวนได้เดินทางมายังห้องพักของจุน หลิน เพื่อนำข้าวของเครื่องใช้ในห้องไปทำการเปรียบเทียบดีเอ็นเอ
แล้วผลสรุปก็ยืนยันว่า ผู้ตายคือ จุน หลิน ตามที่ได้สันนิษฐานไว้
จุน หลิน เหยื่อสังหารของลูก้า
ตำรวจแถลงข่าวเรื่องการตายของ จุน หลิน
สื่อให้ความสนใจคดีนี้มาก
แม้ว่าดีแอนนาตั้งใจจะถอนตัวออกจากการเสพข่าวลูก้าแต่เธอก็หนีไม่พ้น ไม่ว่าจะเปิดทีวีไปช่องไหน ทุกช่องต่างทำข่าวคดีนี้
ในเมื่อหนีไม่พ้น สุดท้ายดีแอนนาจึงตัดสินใจที่จะกลับไปช่วยเพื่อนๆตามหาลูก้า เธอต้องจับมันส่งตำรวจให้ได้ !!!
ดีแอนนากลับเข้ากลุ่มอีกครั้ง
เป็นจังหวะเดียวกับที่กรมตำรวจโทรอนโตติดต่อมาที่จอห์น กรีน เพื่อขอข้อมูลของลูก้า พวกเขาแจ้งว่าตอนที่เมลล์ถูกส่งมานั้น ตำรวจที่รับเรื่องได้ลาพักร้อนจึงไม่มีการติดต่อกลับ
ดีแอนนากลับมาคราวนี้ด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม
เธออาสาเป็นแม่งานในการสืบหา
เธอเดินเกมครั้งใหม่ด้วยการย้อนรอยลูก้า
ในเมื่อมันชอบฆ่าสัตว์ เธอก็จะใช้สัตว์ในการตามหามัน การฆาตกรรมครั้งนี้ นอกจากฆ่าคน ลูก้ายังฆ่าหมาไปหนึ่งตัว
เธอเข้าเวบประกาศหาสุนัขเลี้ยง เพื่อหาโพสต์ที่ลูก้าขอสุนัขมาฆ่า ?
เธอค้นหากระทู้ที่มีคำว่า " ลูกหมาฟรี " และ " อยากได้ลูกหมาสักตัว "จนไปเจอโพสต์หนี่งที่ตั้งขึ้นก่อนเกิดการฆาตกรรมสี่วัน
" สวัสดีครับ ผมอยู่อพาร์ตเมนท์ที่ไม่ใหญ่มาก อยากได้สุนัขมาเลี้ยงสักตัว ผมมีประสบการณ์ในการเลี้ยงสุนัข ครอบครัวของผมทำร้านขายสัตว์เลี้ยง "
หากคนทั่วไปได้อ่านกระทู้นี้คงจะไม่คิดอะไรมาก
แต่กับดีแอนนาที่ใช้เวลาหลายเดือนตามสืบเรื่องของลูก้าไม่ได้คิดแบบนั้น
เธอจำได้ทันทีว่าหนึ่งในบัญชีปลอมของลูก้าที่ชื่อ
" วลาดิเมียรื โรมานอฟ " เคยโพสต์ว่าครอบครัวทำร้านขายสัตว์เลี้ยง เธอเชื่อมโยงเรื่องนี้ได้ทันที
.
.
.
สี่วันก่อนเกิดเหตุ มีการโพสต์ขอหมามาเลี้ยง...โดยใช้ประโยคเดียวกันกับที่ลูก้าเคยใช้
เขาตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาแน่ๆ
จากนั้น...เธอเข้าเวบหาคู่ของกลุ่มชายรักชายเพื่อสืบว่า ลูก้ารู้จักกับเหยื่อได้ยังไง ?
ในเวบยอดฮิตที่ใช้ในการหาคู่มีกระทู้เยอะมาก เธอจะหากระทู้ของลูก้าเจอได้อย่างไร ?
เอกลักษณ์ในการเขียนยังไงล่ะ...
เธออ่านโพสต์ของลูก้าแทบทุกโพสต์ ทั้งจากบัญชีจริงและบัญชีปลอมที่เขาสร้างขึ้น
ลูก้ามีเอกลักษณ์ในการเขียนอยู่อย่างหนึ่งคือ เขาชอบเขียนเว้นวรรค ลูกน้ำ แล้วก็เว้นวรรคอีกทีหนึ่ง
เขามักจะเขียนคำว่า " probably " ผิดเป็น " probaly "(คำนี้แปลว่า น่าจะ ) ประโยคที่เขาชอบใช้บ่อยๆคือ " ฮอตสุด " และ " หนุ่มเซ็กซี่ "
ถ้ายึดเอกลักษณ์การเขียนนี้ แล้วไล่อ่านไปเรื่อยๆทีละกระทู้ จะต้องเจอกระทู้ของลูก้าแน่นอน
แล้วเธอก็เจอสิ่งที่ตามหา...เว้นวรรค ลูกน้ำ เว้นวรรค
กระทู้นี้ตั้งขึ้นหนึ่งวันก่อนเกิดเหตุฆาตกรรม
หัวข้อกระทู้คือ " ตามหาหนุ่มเซ็กซี่ "
เขาไม่ลืมเอกลักษณ์ของตัวเองจริงๆ ....หนุ่มเซ็กซี่....คำโปรดของเขา
โพสต์นั้นเขียนว่า
" ตามหาหนุ่มเซ็กซี่....ส่งรูปมา ขอดูหน้าตาและหุ่นด้วย
ผมจะถ่ายหนัง แค่สนุกๆเท่านั้น "
ขณะที่ดีแอนนาหาเบาะแสจากกระทู้ต่างๆ
ทีมสืบสวนก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้...
เวลา 22:17 น. จุนหลินและลูก้าเดินทางมาอพาร์ตเม้นท์ด้วยกัน ทั้งคู่เดินเข้าตึกด้วยความสุข
เวลา 02:06 น. ลูก้าเดินลงมาด้านล่างตึก เขาใส่เสื้อสีเหลืองตัวเดียวกับที่จุนหลินใส่ตอนเดินเข้ามากับลูก้า
ผลรายงานทางพิษวิทยาระบุว่าจุนหลิน มีสารออกซาซิแพมในกระแสเลือด
ออกซาซิแพมเป็นยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับสารที่พบในขวดไวน์ที่เจอในจุดทิ้งศพ แสดงว่าจุน หลิน สลบไปก่อนที่จะถูกแทง
เวลา 02:13 น. ลูก้ากลับมาที่ตึกอีกครั้ง
เขาหยุดมองตัวเองในกระจกโดยไม่มีความกังวลใดๆเลย เขาถือถุงพลากติกมาด้วย คาดว่าในนั้นคงเป็นถุงมือและอุปกรณ์เพื่อทำความสะอาดที่เกิดเหตุ
ภาพจากกล้อง CCTV
หลังจากที่ตำรวจได้รับหมายค้น ทุกคนก็ลงพื้นที่เพื่อเข้าตรวจสอบห้องหมายเลข 208 ทันที
เมื่อเดินเข้าห้อง จะมีกลิ่นสองกลิ่นลอยเข้ามา คือ กลิ่นน้ำยาทำความสะอาดและกลิ่นเลือด มันยากที่จะอธิบายว่ากลิ่นเลือดเป็นยังไง ?
ให้นึกถึงกลิ่นของเนื้อสัตว์ที่ซื้อแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะสักหกถึงเจ็ดชั่วโมง ห้องนั้นจะมีกลิ่นเลือดแบบนี้อยู่แน่ๆ
.
.
.
ภายในห้องที่มืดสนิท ทีมนิติเวชได้เริ่มกระบวนการลูมินอล (กระบวนการตรวจร่องรอยเลือดด้วยสารเคมี)
จากการตรวจรอยเลือดในทุกส่วนของห้อง ทั้งบนเตียง ที่นอน และกำแพง ทุกส่วนที่กล่าวมานั้นล้วนเต็มไปด้วยรอยเลือด ชัดเจนแล้วว่าการฆาตกรรมเกิดขึ้นบนเตียง จากนั้นก็ลากศพไปที่ห้องน้ำ โดยวางชิ้นส่วนท่อนบนพิงไว้ที่ประตู ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดถูกไขได้แล้ว
ลูก้าเป็นฆาตกรที่ไม่ทำอะไรล่องลอย
ทุกการกระทำของเขามีเหตุผลเสมอ...
กระทั่งเพลงประกอบคลิปฆาตกรรม เขายังเลือกเพลงที่มีนัยยะบางอย่างซ่อนอยู่ เพลง True Faith ที่เขาใช้ในคลิปนี้นั้น เป็นเพลงในฉากเปิดของภาพยนตร์เรื่อง " American Phycho"
ในเรื่องนั้นคริสเตียน เบล รับบทเป็น" แพทริค เบทแมน" คนที่หลงตัวเองเป็นที่สุด เขามักจะใส่เสิ้อผ้าที่ดูเนี้ยบ เพื่อให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูดี ซึ่งตรงกับบุคลิกของลูก้า แม็กนอตต้า
ลูก้าคงคิดว่าเขาเป็นตัวละครที่คริสเตียน เบล เล่น เขาจึงเลือกเป็นฆาตกรโรคจิตเช่นเดียวกับตัวละครนั้น
ตัวละครแพทริค เบทแมน ในหนังเรื่อง" American Phycho"
ทีมสืบสวนตรวจห้อง 208 อย่างละเอียด ค้นทุกซอกทุกมุม พวกเขาพบข้อความหนึ่งเขียนอยู่บนข้างฝาในตู้เสื้อผ้า
ภาพโดย Robert J. Galbraith : สำนักข่าว reuters
- หากไม่ชอบภาพสะท้อนก็ไม่ต้องส่องกระจก ฉันไม่แคร์หรอก -
(If you don't like the reflection,don't look in the mirror.I don't care)
นี่มันฆาตกรในหนังสยองขวัญชัดๆ เขาเขียนข้อความนี้ทำไมไม่มีใครรู้ เรารู้เพียงแต่ว่าเขาสามารถก่อเหตุซ้ำได้อีกครั้งแน่นอน
อะไรที่ทำให้เชื่อแบบนี้...
เพราะประโยคสุดท้ายของข้อความยังไงล่ะ....
" I don't care "
ทีมสืบสวนได้วัตถุพยานหลักฐานครบแล้ว
พร้อมที่จะออกหมายจับ " ลูก้า ร็อคโค่ แม็กนอตต้า "
วันต่อมาผู้บัญาการตำรวจของมอนทรีออลได้จัดแถลงข่าวพร้อมประกาศจับลูก้าอย่างเป็นทางการ
เป็นข่าวที่ดีแอนนา และจอห์น กรีน เฝ้ารอมานาน
แม่ของลูก้าได้ดูการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย เธอรู้ในตอนนั้นว่าลูกชายของเธอเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมและถูกทางการตามล่า
กรมตำรวจมอนทรีออลได้ติดต่อดีแอนนา และจอห์น กรีน เพื่อขอเข้าร่วมกลุ่มเฟสบุ๊คของพวกเขา ข้อมูลที่กลุ่มรวบรวมได้...กำลังจะถูกส่งให้เจ้าหน้าที่เพื่อใช้จับกุมลูก้า
แม้เป็นแบบนั้นแต่เราจะประมาทลูก้าไม่ได้ เขาฉลาดและรู้วิธีการหลบหนีเป็นอย่างดี
ตอนนี้เขากำลังหลบหนีอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่มันคือที่ไหน ?
โปสเตอร์ Casablanca(ซ้าย) : American Psycho (ขวา)
จอห์น กรีน เปิดคลิปวีดีโอดูอีกครั้งเพื่อหาเบาะแสคำใบ้ของลูก้า เขาสังเกตเห็นเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง...
" โปสเตอร์หนัง "
มีเหตุผลอะไรที่ลูก้าเอาโปสเตอร์หนังเรื่องคาซาบลังก้าไปติดบนกำแพง
จอห์น กรีน คิดอยู่นานจนสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มบอกกับเขาว่า
" ลองไปดูฉากเปิดเรื่องของคาซาบลังก้าสิ... "
หนังเปิดเรื่องด้วยภาพของลูกโลกที่กำลังหมุนจากซีกหนี่งไปสู่ซีกหนึ่ง ก่อนจะหยุดที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อดูไปถึงตอนจบ...จอห์น กรีน ก็ได้คำตอบว่าลูก้าหนีไปไหน ?
ฉากเปิดหนังเรื่อง Casablanca (ซ้าย) : ฉากสนทนาตอนจบ (ขวา)
และนี่คือบทสนทนาตอนจบของหนังเรื่อง คาซาบลังก้า
" ลึกๆแล้วเราต่างรู้ว่าคุณต้องอยู่กับริกเตอร์
คุณเป็นส่วนหนึ่งของงานและเป็นกำลังใจให้เขา
ถ้าเครื่องบินละจากพื้นและคุณไม่ได้อยู่กับเขา
คุณจะเสียใจ อาจไม่ใช่ วันนี้ หรือ พรุ่งนี้ แต่มันจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ไปจนถึงชั่วชีวิตของคุณ "
สิ้นคำพูด หญิงคู่สนทนาถามกลับไปยังชายผู้กล่าวประโยคด้านบนว่า
" แล้วเรื่องระหว่างเราล่ะ ?"
ภาพตัดมาที่ผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง...ดวงตาของเขาแสดงถึงความมุ่งมั่น เป็นดวงตาที่สื่อให้เห็นว่าเขาได้ตัดสินใจบางอย่างเด็ดขาดแล้ว เขาตอบเธอว่า
.
.
." เรายังมีปารีสเสมอ "
แน่นอน...ลูก้า....หนีไปปารีส !!!!
จบตอนที่ 3
เครดิตข้อมูล :
ภาพยนตร์สารคดีDon't F**k with Cats: Hunting an Internet Killer
หาชมได้ทาง Netflix
เครดิตรูปภาพ :
ภาพข่าวจากRobert J. Galbraithโดยสำนักข่าวreuters
โฆษณา