2 ม.ค. 2020 เวลา 10:24 • ท่องเที่ยว
EP2 มุ่งหน้าสู่ปีนัง โดยรถไฟสายบัตเทอเวิร์ท
ในส่วนนี้ คงต้องขอข้ามขั้นตอนการทำเรื่องข้ามแดนจากปาดังเบซาไปนะฮะ และเนื่องจากทริปนี้ พวกเรานั่งรถไฟกันก็เลยเอาภาพรถไฟของมาเลเซียมาอวด และหลังจากนี้ เราจะ เริ่มต้นทริปวันแรกด้วยการหาที่ถ่ายภาพ มาอวดกันและแนะนำร้านอาหาร ในย่านจอร์ชทาวที่พวกเราไปลิ้มลองมาแล้วมาฝากกันนะฮะ
บางครั้งการขึ้นรถไฟก็ไม่ใช่จะสวยหรูเสมอไปนะฮะ วันนั้นปรากฎว่า คนเดินทางเต็มทุกตู้เลยจร้าา สรุปคือ ยืนตั้งแต่สถานี ปาดังเบซายาวๆไปจนถึงบัตเทอเวิร์ท ตื่นเต้นดีมั้ยล่ะ! เนื่องจากพื้นที่เขตเป็นพรมแดนเชื่อมต่อกันระหว่างประเทศ ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆที่จะมีคนไทยและคนมาเลเซียที่เป็นคนพื้นที่เข้าๆออกๆ ไปมาหาสู่กันโดยใช้เส้นทางสายนี้มานานมากๆก็มีรถไฟนี่แหละเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเรากับมาเลเซียเข้าด้วยกัน และตรงจุดนี้เองที่ทำให้พวกเราได้ ยืน!!! ตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง 555!! เดี๋ยวผ่านตรงนี้ไปได้ก็ สบายละฮะ
นี่คือหน้าตารถไฟสาย บัตเทอเวิร์ท ตอนนี้ ถึงจุดหมายปลายแล้วฮะ รถไฟดูดีมีคลาสอยู่นะ บรรยากาศคืออยู่ต่างประเทศแล้วจร้าา ยังไม่จบเท่านี้ เพราะเราจะข้ามไปเกาะปีนังด้วยเรือเฟอรี่ข้ามฟากกันที่จุดเชื่อมต่อตรงสถานีนี้ ไปกันเลยจ้า
เดินๆไปตามกลุ่มฝูงชนไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวหลง เพราะมีป้ายบอกทางและคนกลุ่มใหญ่ๆที่เค้าเดินไปจุดมุ่งหมายคือท่าเรือข้ามฝากฮ่ะ
ตามๆกันไปเลย เส้นทางอาจดูยาวๆหน่อย เดินวนๆไปฮะเดี๋ยวก็ถึง แต่ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศบนเรือมาฝากกัน ไม่ว่ากันโน๊ะ เพราะตอนนั้น คือทุกคนรีบมากๆกลัวหลงจนลืมถ่าย ยังไงถ้าเพื่อนๆท่านไหนมีภาพก็เอาภาพมาเป็นลายแทงเผื่อเพื่อนท่านอื่นๆด้วยนะฮะ แล้วพบกันที่ จอร์ชทาวน์ บนเกาะปีนัง
เรือจอดเทียบท่าแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก็คือ เปิด GPS เพื่อหาโรงแรมที่จองไว้ จากจากท่าเรือ เดินไปยัง จอร์ชทาวน์ สำหรับคนชอบเดินก็ไม่หนักหนาเท่าไหร่ และพวกเราสามคนก็เน้นเดินกันอยู่แล้ว เราเลยเลือกที่จะเดิน ประเด็นคือไม่ได้ศึกษาเรื่องรถเมล์555!! เดินดีกว่า
ในส่วนที่พักนั้นพวกเราจองล่วงหน้าผ่านแอปอะโกด้า เป็นห้องพักสำหรับ3คน เราจะนอนที่นี่กันคืนเดียวเพราะเรายังต้องไปกัวลาลัมเปอร์กันต่อในวันถัดไป ราคาห้องพักที่จองมาได้ราคา 674.98 บาท สำหรับ 1คืน หาร 3 คน ตกคนละ 225บาท ฮ่ะ อ้อๆ มาเลเซียเค้าเก็บภาษีนักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมคืนละ10 ริงกิตด้วยนะ โดยเราต้องจ่ายเพิ่มที่หน้าเคาเตอร์เชคอินท์ คิดราคาต่อคืนนะฮะ เตรียมแลกเงินไว้ให้พอดีเน่อ! หลังจากนี้ ไปสำรวจกันต่อ คงมีแค่ร้านกิน แล้วก็ มุมถ่ายภาพ ในจอร์ชทาวน์ มาฝากกัน ฮะ
มื้อแรกที่ปีนังยามบ่ายแก่ๆ พวกมาฝากท้องไว้กับเจ๊โหด บะหมีสไตล์ฮกเกี้ยน พวกเราตั้งชื่อให้เจ๊แกว่าเจ๊โหด แต่จริงๆแล้วแกมีมนุษยสัมพันธ์ดีมากๆโดยเฉพาะกับคนไทยตัวเล็กๆอย่างพวกเราดด้วยความที่เจ๊แกเป็นคนจีนแกจะพูดเสียงดังมากๆไม่ต้องตกใจ55 และที่สำคัญ แม่ค้าพ่อค้าที่ปีนังส่วนใหญ่พูดภาษาไทยได้ฮ่ะถือเป็นเรื่องปกติ
เมนูที่เราเลือกฝากท้องก็คือ บะหมี่ต้มยำ รสชาติก็กลมกล่อมสไตล์แบบฉบับของฮกเกี้ยน
สีอาจจะดูแดงๆไปนิดแต่ไม่เผ็ดจัดจ้าน ทานได้ทุกคน รสชาติก็ ประมาณว่าเอากุ้งแห้งไปเคี่ยวปรุงทำเป็นน้ำซุปเพราะรสชาติจะรู้เลยว่ามีกุ้งแห้งเป็นส่วนผสมกลิ่นคือชัดเจนมากๆ แต่โดยรวมถือว่า รสชาติโอเค ทานได้ ฮะ
มาปีนังแหล่งถ่ายรูปยอดฮิตที่ไม่ควรพลาดคือแถวๆสตรีทอาร์ทนี่แหละ มาแล้วต้องขอเก็บภาพความประทับใจกันซักหน่อย ดูจะเป็นจุดที่ถูกอกถูกใจของเหล่าบรรดาสายอาร์ท ถ้ามาแล้วใครมีมุมเด็ดอื่นๆนอกเหนือจากนี้ เอามาอวดกันนะฮะ
ในส่วนของร้านที่เป็นของฝากก็ไปสะดุดตากับร้านนี้ ชื้อร้านจำไม่ได้เน้อ อยู่ในซอยย่านสตรีทอาร์ทเลย ร้านจะถูกใจเหล่าบรรดาทาสแมวทั้งหลายแหล่ ใครชอบอะไรแนวน้องแมวแล้วอยากซื้อติดไม้ติดมือกลับมาฝากคนที่บ้านซื้อได้ที่นี่เลยจร้า เจ้าของร้านก็แสนจะใจดีเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปบรรยากาศภายในร้านได้แบบไม่คิดเงินด้วยนะ แล้วก็อุตส่สห์แนะนำจุดถ่ายภาพต่างๆและช่วยปักหมุดแผนที่ให้เราด้วยแหละ คนปีนังใจดีมาก ประทับใจสุดๆ
น้องน่ารัก
อันนี้น้องแมวเบงกอลเน่อ ตอนแรกคิดว่าเสือ55 แอบตกใจ
ทุกๆซอกมีภาพให้ถ่ายกันไม่หวาดไม่ไหว
มุมนี้ทั้งสองภาพจะอยู่ที่บริเวณตึกกอมต้าฮะ แวะไปเก็บภาพมาอวดกันได้
เดินเที่ยวและถ่ายภาพกันจนจุใจ ท้องก็เริ่มหิวฮะ พวกเราเลยไปเดินสำรวจที่ถนน โรรองบาลู เป็นย่านสตรีทฟู้ด ชื่อดังของย่านนี้ ร้านของกินเยอะแยะเต็มไปหมดน่าทานมากๆ โต๊ะเต็มตลอด พวกเราเลยจบด้วยเมนูหมูสะเต๊ะรสเด็ดของร่านย่านนี้ อร่อยจริง มีหมู ไก่ เนื้อ และเนื้อแกะ และเราก็ไม่พลาดที่จะลองทานเนื้อแกะด้วย ก็ไม่เลวนะ ทานได้ๆ คิวยาวมากๆแสดงว่าของเค้าดีจริงๆ
มื้อค่ำที่ทุกคนควรไปลองอีกอย่างที่อยากให้ทุกท่านได้ลองก็คือนี่เลยฮ่ะ ชาบู เสียบไม้ยืนกิน สไตล์ท้องถิ่นของที่นี่ดูจะถูกอกถูกใจนักท่องเที่ยวผู้ที่ชื่นชอบการกินแบบแปลกๆอย่างเรา จะว่าไปก็ไม่ได้แปลกพิศดารอะไรมากมายนัก เพราะวิธีการทานของร้านก็คือ ร้านข้างทางธรรมดานี่แหละ วิธีการก็คือ เค้าจะมีหม้อสำหรับต้มให้ ทุกคนได้ต้มร่วมกัน ดูอบอุ่นไปอีก55!! เค้าก็จะมีจานให้หลังจากนั้นเราก็แค่เลือกหยิบไม่ที่เราจะทานแล้วต้มลงในหม้อรอสุก แล้วก็ราดน้ำจิ้มที่มีให้ แต่อย่าเผลอเอาไม้เสียบไปจุ่มหม้อน้ำจิ้มเค้าล่ะ เค้ามีช้อนให้ตักราดแบบผู้ดีๆนะฮะ ในส่วนของการคิดเงินไม้แต่ละสีจะมีกลุ่มเรทราคาที่ชัดเจน เราทานแล้วก็เอาไม้ไปให้เจ้าของร้านเค้าคิดเงินได้เลย จุ่มเพลินๆ โดนไป11.กว่าๆริงกิต เอา7.9ไปคูณเอานะนั่นแหละราคาคิดเป็นเงินไทย แต่อิ่มคุ้มอยู่น้าา
อิ่มแล้วกลับไปนอนได้
เกาะปีนังนั้นยังมีอีกหลากมุมที่ยังไปไม่หมด และด้วยเวลาที่จำกัดทำให้เราได้สำรวจสถานที่ยอดฮิตเพียงบางส่วนเท่านั้นที่อยากเอามาฝากกัน เรียกว่าวันเดียวเที่ยวไม่หมด ต้องมาลองเองถึงจะรู้สึกว่ามันไม่ได้ยุ่งยากแถมการเดินทางก็แสนจะสะดวกไม่ลำบากเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว และที่สำคัญ งบน้อยก็เที่ยวได้ และสำหรับค่ำคืนนี้ขอปิดท้ายด้วยบรรยากาศบนถนนในย่านจอร์ชทาวน์คร่าวๆ และวันรุ่งขึ้นเราจะไปสำรวจอีกสถานที่หนึ่งก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดหมายสุดท้ายนั่นก็คือกัวลาลัมเปอร์นั่นเอง แล้วพบกันฮ่ะ
โฆษณา