6 ม.ค. 2020 เวลา 13:29 • ความคิดเห็น
วิถีแห่ง "อำนาจ" มีให้เลือกอยู่ 2 ทาง
1.ทำให้ทุกคนรัก 2.ทำให้ทุกคนหวาดกลัว
Bloomberg
แต่สิ่งที่ทรัมป์กำลังทำอยู่ คือทำให้ชาวอเมริกันรักเขา แต่ในขณะเดียวกันชาวโลกก็ต้องหวาดกลัวเขาเช่นกัน
1. ทำให้ชาวอเมริกันรัก
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาการทำสงครามระหว่างกันนอกจากจะมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ยังเป็นการรวมใจคนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ช่วยเพิ่มคะแนนความนิยมให้กับผู้นำได้เป็นอย่างดี
ซึ่งก็ประจวบเหมาะพอดีกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือน พ.ย. ปีนี้ หลังจากที่ทรัมป์ทำคะแนนนำไปแล้วหนึ่งยก สามารถทำให้จีนยอมตกลงดีลการค้าเฟสที่ 1 ได้สำเร็จ
และการจัดการอิหร่านในครั้งนี้อาจเป็นอีกหนึ่งหมัดน็อคที่จะทำให้เขา เข้าวินชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 สมใจอยาก
รวมถึงได้กลบกระแสประเด็นการที่เขาถูกพิจารณาถอดถอน (Impeachment) จากสภาคองเกรสอีกด้วย
ทรัมป์โพสรูปธงชาติสหรัฐฯเรียกคะแนนความนิยมคนในชาติหลังสังหารนายพลอิหร่าน / Facebook
โดยข้ออ้างที่ทรัมป์ใช้ในการสังหาร นายพลสุไลมานี ของอิหร่าน ก็คือการป้องกันหรือสกัดก่อนที่นายพลสุไลมานี จะทำการสังหารทหารอเมริกันจำนวนมากในตะวันออกกลาง
แต่อิหร่านมองว่าเหตุการณ์นี้คือการก่อการร้ายสากล ...และแค้นนี้ต้องชำระ !!
2. ทำให้ชาวโลกหวาดกลัว
อย่างที่เราทราบกันดีว่าอีก 10 ปีข้างหน้า สหรัฐอเมริกา อาจจะไม่ใช่เบอร์หนึ่งของโลกอีกต่อไป เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศจีน กำลังจะแซงหน้าสหรัฐฯในอีกไม่ช้า
เพราะฉะนั้นการที่จะรักษาเบอร์หนึ่งของโลกเอาไว้ได้ก็คงเหลือเพียงวิธีเดียว คือการโชว์แสนยานุภาพทางการทหารให้ชาวโลกได้เห็น
Reuters , Xinhua Thai
แต่อย่าลืม..!! ว่าอิหร่านไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว หลังจากที่สหรัฐฯพยายามจะบอยคอตคว่ำบาตรอิหร่านมาโดยตลอด อิหร่านยังมีรัสเซียและจีนที่เป็นพันธมิตรกันอยู่ รวมถึงการค้าขายอาวุธระหว่างกันอีกด้วย
ประเด็นนี้เองการมีเรื่องกับอิหร่านย่อมเป็นการกระตุกหนวดเสือประเทศอย่างรัสเซียกับจีนด้วย และยังเป็นการโชว์เพาวเวอร์ในเรื่องของกองทัพ เพื่อให้ชาวโลกยอมรับว่าเทคโนโลยีทางการทหารของสหรัฐฯปัจจุบันก็ยังเป็นเบอร์ 1 ของโลกอยู่วันยังค่ำ
ทรัมป์เคลมว่าเขาพัฒนาอาวุธชุดใหม่ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก / Facebook
และนี่ก็คือวิถีแห่งอำนาจที่ทรัมป์และสหรัฐฯเลือกเดินหมากไปพร้อมกันทั้งสองทาง เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว
แต่ถึงอย่างไรประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็แสดงให้เราเห็นถึงอนิจจังข้อหนึ่งที่ว่า อำนาจไม่ว่าจะมาจากทางเลือกไหนก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วอำนาจนั้นก็ไม่เที่ยงแท้ ต้องสิ้นสุดเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาอยู่ดี
ถ้าชอบ กด like & share  และอย่าลืม กดติดตาม เป็นกำลังใจให้ผมเขียนบทความต่อๆไปด้วยนะครับ : )
โฆษณา