6 ม.ค. 2020 เวลา 01:30 • ปรัชญา
Don't F**k with Cats: Hunting an Internet Killer
ตามล่าฆาตกรออนไลน์ : ตอนที่ 4 บทสรุป : แท้จริงแล้วเราอาจจะเคยเป็นฆาตกรออนไลน์
ในที่สุดลูก้าก็ถูกออกหมายจับ
ด้วยพฤติกรรมที่ผ่านมา เขามักจะย้ายที่อยู่หลังก่อเหตุ เขาต้องหนีไปที่ไหนสักแห่ง...
ทีมสืบสวนจึงเดินทางไปสนามบินมอลทรีออลเพื่อตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดของสนามบิน และก็พบลูก้าจริงๆ เขาอำพรางตัวโดยการใส่วิกผมสีดำ เขาสวมเสื้อยืดสีดำลายมิกกี้เมาท์
.
.
.
จากภาพเขากำลังเช็คอิน ตอนนี้ลูก้าคงเดินทางออกนอกประเทศไปเรียบร้อยแล้ว
ตำรวจเช็คสถานที่ปลายทางของเที่ยวบินโดยสารนั้น
สายการบินแอร์ทรานแซต เลขที่610 ปลายทางคือ ปารีส ประเทศฝรั่งเศส มีการประสานงานไปยังประเทศฝรั่งเศสทันที เขาอาจก่อเหตุซ้ำอีก...ที่นั่น
หมายเหตุ : เรื่องสั้นเรื่องนี้เรียบเรียงมาจากคดีฆาตกรรมของลูก้า แม็กนอตต้า ที่เกิดขึ้นจริงในปี 2010-2013 ข้อมูลและหลักฐานในคดีส่วนใหญ่อ้างอิงมาจากภาพยนตร์สารคดีของNetflixเรื่อง Don't F**k with Cats: Hunting an Internet Killer(2019)
หากไม่ต้องการถูกสปอยด์เนื้อหาของสารคดี...โปรดหลีกเลี่ยงการอ่านเนื้อหาที่เกิดขึ้นต่อจากนี้
Paris (ปารีส)
เมื่อได้รับการติดต่อจากกรมตำรวจมอนทรีออลว่ามีฆาตกรหลบหนีมายังปารีส ตำรวจของฝรั่งเศสก็จัดกำลังลงพื้นที่ทันที
เมื่อไล่เช็คภาพจากกล้องวงจรปิดของสนามบิน ทางตำรวจพบว่า ลูก้าเรียกแท็กซี่คันหนึ่งออกจากสนามบิน เมื่อตามต่อไปยังบริษัทแท็กซี่แห่งนั้น....และได้คุยกับคนขับรถคันนั้นจึงทราบว่าสถานที่ปลายทางคือโรงแรมโนโวเทล
ตำรวจเดินทางไปที่โรงแรมโนโวเทลทันที
ลูก้าจองห้องพักไว้จริง...แต่เขาไม่ได้เข้าพัก
เป็นไปได้ว่าเขายังอยู่ในปารีส หรือไม่ก็ออกจากปารีสไปแล้ว
ลูก้าชอบหนังเรื่อง Catch Me If You Can มาก และตอนนี้เขากำลังทำตามหนังเรื่องนี้อยู่ เขากำลังหนีการจับกุมของตำรวจ
ลึกๆแล้วเขาชอบการถูกไล่ล่า...เขาชอบบอกใบ้ด้วยเบาะแสต่างๆที่มักจะทิ้งไว้บนอินเตอร์เน็ต
.
.
.
ดีแอนนารู้เรื่องนี้ดี เธอจึงค้นหาทุกสิ่งเกี่ยวกับลูก้าและเธอก็พบเบาะแสสำคัญ
หลายปีก่อนลูก้าเคยโพสต์ใน Blogของเขาถึงวิธีหลบหนีการตามล่า
หัวข้อเรื่องของ Blog คือ " ทำอย่างไรจึงจะหายไปได้ตลอดกาล "
ในโพสต์นั้นพูดถึงวิธีการหลบหนีการจับกุม แบ่งออกเป็นสามขั้นตอน
ขั้นที่หนึ่ง : ตัดความสัมพันธ์กับทุกคนที่รู้จัก อย่าคุยกับผู้คน กระทั่งพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ตัดเพื่อนทุกคนออกจากชีวิต
ขั้นที่สอง : แปลงทรัพย์สินทุกอย่างเป็นเงินสดเพื่อไม่ทิ้งร่องรอยดิจิทัลเอาไว้ให้ติดตามได้ ห้ามมีบัญชีธนาคาร
ขั้นที่สาม : ทำเอกสารประจำตัวปลอม พาสปอร์ตปลอม ใบขับขี่ปลอม
เมื่อทำตามลำดับสามขั้นนี้แล้ว คุณก็พร้อมที่จะหายไปตลอดกาล
จากกฎสามข้อด้านบนนี้...ลูก้าได้ทำผิดพลาดไปหนึ่งข้อ
เขาได้ใช้บัตรเครดิตกดเงินจากตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่งในปลาซเดอคลีซี ซึ่งตำรวจได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่เอทีเอ็มแล้วพบว่าเป็นเขาจริงๆ เป็นการยืนยันได้ว่าเขายังอยู่ในปารีส
" ปลาซเดอคลีซี " เป็นหนึ่งในย่านโลกีย์ของฝรั่งเศส
เป็นไปได้ว่าลูก้ากำลังพยายามหาหญิงขายบริการสักคนเพื่อก่อเหตุอีกครั้ง
ตำรวจระดมกำลังพลเพื่อตรวจดูทุกโรงแรมในย่านนั้น แต่ก็ไม่พบร่องรอยอะไร
การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจยากขึ้นไปอีกเมื่อมีการนำเสนอข่าวลูก้า
สื่อทุกสำนักในฝรั่งเศสให้ความสนใจข่าวนี้มาก มีการรายงานและให้ข้อมูลของเขาตลอดเวลา มีรูปลูก้าอยู่ในหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับของปารีส
ตำรวจได้รับรายงานการพบเห็นเขาเต็มไปหมด...จนเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก
ตอนนี้เขามีฉายาเป็นของตนเองแล้ว " ลูก้า คนหั่นศพแห่งมอนทรีออล "
สื่อหลายสำนักไปสัมภาษณ์แม่ของลูก้า
เธอเรียกร้องว่าทุกคนไม่ควรตามล่าลูกของเธอ เพราะเรื่องนี้มีคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง ต้องไปตามจับคนบงการถึงจะถูก...
เธอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าลูก้าเป็นลูกที่น่ารัก ในวันเกิดปีหนึ่งของเธอ ลูก้าทำรองเท้าสำหรับใส่เดินในบ้านให้กับเธอ
เธอชอบมากเพราะมันช่วยคลายหนาว ใส่สบายและนุ่มเท้า
เธอยังโชว์ของใช้ส่วนตัวของลูก้า เป็นพวกกุญแจเก่าๆที่มีโปสเตอร์แผ่นเล็กๆของหนังเรื่อง Basic Instinct(เจ็บธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา )อยู่ในนั้น
ลูก้าชอบหนังเรื่องนี้มาก...จะว่าไปเขาเป็นคนที่ชอบดูหนังทุกประเภทเลยก็ว่าได้
Basic Instinct : เจ็บธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา (1990)
" เขาเป็นเด็กขี้อายและมักจะถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ ถูกเรียกว่า ไอ้เกย์ ไอ้ตุ๊ด ไอ้แต๋ว ทุกคนลดทอนคุณค่าในตัวเขาไปเรื่อยๆ เขาเลยชอบเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร วันๆเอาแต่นั่งดูหนัง
.
.
.
พออายุได้ 16 เขาก็ย้ายไปโทรอนโต เพราะใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดงและนายแบบ เขาไปแคสงานหลายที่ แต่ก็ไม่ผ่าน นั่นทำให้เขาเข้าสู่วงการขายตัว เขาเป็นไบเซ็กชวล งานขายบริการทำให้เขาได้เงินมากมาย " ส่วนหนึ่งในคำสัมภาษณ์ของแม่ลูก้า
ข้อมูลน่าสนใจที่แม่ของลูก้าให้ไว้เพิ่มเติมก็คือ เรื่องของลูกค้าผู้เลวร้าย
ในบรรดาคนที่มาซื้อบริการทางเพศนั้น มีลูกค้าวิตถารคนหนึ่งที่ชอบทำร้ายร่างกายลูก้า
เขาชอบทรมาน ชอบความรู้สึกที่ได้กดขี่ผู้อื่น เธอรู้เรื่องนี้อยู่บ้างและคอยเตือนลูกชายให้ระวังตัว
เขาชอบทำตัวเป็นเจ้าของลูก้า
จากคำบอกเล่าของลูกชาย คนๆนี้ชื่อ แมนนี่
จากความสัมพันธ์แบบผู้ซื้อ-ขายบริการทั่วไป เขาเริ่มล้ำเส้นมากขึ้น
เขาแอบตามลูก้าตามติดตลอดเวลา แม้ลูก้าจะย้ายบ้านหนี เขาก็จะตามจนพบทุกครั้งไป เขาบอกกับลูก้าว่าการหนีไม่เกิดประโยชน์อะไรเพราะเขามีเส้นสายเยอะ หนีไปที่ไหนเขาก็ทราบ
เขาพยายามเข้ามาบงการชีวิตของลูก้า...
1
กระทั่งเรื่องคลิปทำร้ายสัตว์ ลูก้าได้บอกกับแม่ของเขาว่า " เขาถูกบังคับให้ทำ "แมนนี่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
แมนนี่คือพ่อค้าขายคลิป เขาถ่ายคลิปทรมานสัตว์เพื่อนำไปขายต่อในเว็บมืด
แม่ของลูก้าบอกให้ลูกชายไปแจ้งความ แต่เขาบอกกับแม่ว่า
" ถ้าแม่ไปแจ้งตำรวจ ผมจะตัดขาดแม่ แม่ไม่รู้หรอกว่าเขาทำอะไรกับผม กับแม่หรือกับทุกคนได้บ้าง "
ลูก้าไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้แม่เขาฟังคนเดียว
เขายังเล่าเรื่องของแมนนี่ให้อัยการคนหนึ่งในนิวยอร์คฟัง
New York(นิวยอร์ค)
วันหนึ่งในปี 2011 ก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมสองปี
เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เดินทางมาพบโรมิโอ ซัลต้า (Romeo Salta)อัยการที่ประจำอยู่ ณ สำนักงานในนิวยอร์ค
ประโยคหนึ่งที่เขาบอกท่านอัยการคือ " คุณหน้าเหมือนไมเคิล ดักลาส นะครับ " เป็นคำชวนสนทนาที่ค่อนข้างแปลกทีเดียว
เมื่ออัยการถามถึงสาเหตุที่เขาเดินทางมาพบ เขาตอบว่า " มีคนกล่าวหาว่าผมฆ่าแมว "จากนั้นเขาก็เล่าต่อว่าเขาโดนบังคับให้ทำ ชายชื่อแมนนี่เป็นคนบงการเรื่องทั้งหมด
อัยการแนะนำให้เขาแจ้งความ แต่เขาปฏิเสธและบอกว่าแมนนี่ก็อยู่ที่สถานีตำรวจนั่นแหล่ะ แมนนี่ชอบทรมานเขารวมถึงบังคับให้ทำเรื่องต่างๆมากมาย
หลังจากนั้นลูก้าก็ส่งอีเมลล์ถึงอัยการ แจ้งรายละเอียดการทารุณกรรมที่แมนนี่ทำกับเขา ไม่ว่าจะเป็น
.
.
.
- ใช้มือบีบคอ ใช้สายไฟรัดคอ
-บังคับให้กินซากสัตว์ กินหนอน ฯลฯ
เขามักส่งเมลล์แจ้งเรื่องการถูกคุกคามต่างๆมาเสมอ เช่น ถูกติดตาม ถูกทำร้าย ส่งรูปบาดแผลที่ถูกกระทำมาให้ดู
ต่อมาอัยการยังได้รับเอกสารจากตำรวจในไมอามี่อีกว่า ลูก้าถูกซ้อม ถูกรุมโทรม และนำร่างของเขามาทิ้งที่ชายหาด ในเอกสารระบุว่าลูก้ามีอาการหวาดกลัวและตื่นตระหนก จากหลักฐานที่ได้รับทำให้อัยการเชื่อว่าลูก้าถูกคุกคามโดยแมนนี่
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าลูก้าตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม ท่านอัยการจึงแปลกใจปนสังสัยเป็นอย่างมากว่าชายหนุ่มที่ดูอ่อนแอและปวกเปียกอย่างลูก้า จะลงมือทำร้ายใครได้ ?
และถึงเป็นจริง เขาคงไม่ได้ลงมือคนเดียวแน่ๆ
การตามจับลูก้ายังดำเนินต่อไป
ตำรวจได้เบาะแสจากชายคนหนึ่ง ซึ่งได้ให้ที่พำนักลูก้าสองคืน
เขาแจ้งว่ารู้จักลูก้าผ่านเวบไซด์หาเพื่อนโดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าชายคนนี้ถูกประกาศจับ ทั้งสองนัดเจอกันแต่ไม่ได้มีอะไรกัน
ลูก้าพักอยู่สองคืนแล้วก็ไป...จากคำให้การของพยาน ลูก้าไม่มีท่าทีวิตกใดๆเลย
พยานรายนี้ให้ข้อมูลที่พักกับเบอร์โทรศัพท์ของลูก้า
ตำรวจตามต่อจากเบอร์โทรศัพท์ที่ได้รับ จนทราบชื่อร้านที่ขายซิมโทรศัพท์ให้เขา จากนั้นก็ตามไปที่โรงแรมซูมาน ที่พยานอ้างว่าลูก้าพักอยู่ที่นั่น
เมื่อทางตำรวจได้พบกับผู้ดูแลโรงแรมและนำรูปลูก้าให้ดู
เธอก็จำได้ว่าลูก้าพักอยู่ที่นี่ แปดถึงเก้าคืนแล้ว
ตำรวจนำกำลังบุกเข้าไปในห้องพักของลูก้า แต่พบกับความว่างเปล่า
....เขาทิ้งเสื้อลายมิกกี้เมาท์ที่ใส่ในวันเดินทางมาฝรั่งเศสไว้
มีบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัยโทรอนโต ระบุชื่อ ลูก้า ร็อคโค่ แม็กนอกต้าตกอยู่ในห้องน้ำ เขาลบตัวตนเพื่อเตรียมการหลบหนี.... เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าลูก้าน่าจะเพิ่งหนีออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงเพียงเล็กน้อย
เมื่อตรวจดูเอกสารการจองห้องพัก พบว่าลูก้าใช้ชื่อปลอมในการจอง ...เขาเริ่มอำพรางตัวตนให้การสืบหาตัวเขายากขึ้นไปอีก
ลูก้ามักจะก้าวนำทีมสืบสวนอยู่หนึ่งก้าวเสมอ
แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ เมื่อถูกบีบอย่างหนัก โอกาสพลาดก็เกิดขึ้นได้
ในที่สุด...ลูก้าก็ทำพลาดครั้งใหญ่
ณ ร้านอินเตอร์เน็ตแห่งหนึ่งในนอยเคิล์น กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
ขณะที่คาเดียร์ อันลายีสลี(Kadir Anlayisli)ผู้ดูแลร้านกำลังนั่งอ่านข่าวจากเวบไซด์หนึ่งทางอินเตอร์เน็ต
คาเดียร์ อันลายีสลี รูปจาก : news.yahoo.com
เขาสนใจข่าวเกี่ยวกับฆาตกรฆ่าหั่นศพที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้มาก
ต้องโหดเหี้ยมแค่ไหนนะ จึงสามารถฆ่าหั่นศพและส่งชิ้นส่วนไปให้รัฐบาลของตัวเองได้
กำลังคิดอยู่เพลินๆ อยู่ดีๆฆาตกรคนนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้า
เขามาขอใช้บริการอินเตอร์เน็ตของร้าน
แม้คาเดียร์รู้สึกช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็พยายามปั้นหน้านิ่งและตอบกลับไปว่า "โอเค ตามมาเลย"
เขาพาลูก้าไปยังบูธคอมพิวเตอร์หมายเลข 25 ซึ่งอยู่ใกล้กับทางเดิน
ลูก้าตรงไปนั่งทันที...ตอนนี้เขานั่งหน้าคอมพิวเตอร์และกำลังหันหลังให้คาเดียร์ แม้จะคิดว่าใช่ แต่คาเดียร์ก็ไม่กล้าฟันธงว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือฆาตกรฆ่าหั่นศพที่กำลังถูกตามจับ
เขาเดินไปใกล้ๆบูธ 25 หยิบถังขยะบริเวณนั้นแล้วทำท่าทีคล้ายกับว่ามาทำความสะอาด
.
.
.
แม้มือจะหยิบถังขยะแต่ตาของเขาจ้องไปที่จอคอมในบูธหมายเลข 25
ชายคนนั้นกำลังดูเวบตำรวจสากล เขาเปิดดูประกาศผู้มีหมายจับของINTERPOL(ตำรวจสากล)
เขาเปิดดูภาพตัวเองในประกาศจับ
ชัดเจนแล้วว่าหนุ่มคนนี้คือลูก้า ร๊อคโค่ แม็กนอตต้า !!!
เช้าวันนั้นตำรวจเบอร์ลินแปดนายกำลังฝึกปฏิบัติการในพื้นที่ พวกเขานั่งรถตู้ลาดตระเวนตามจุดต่างๆรอบเบอร์ลิน
ผู้ทำหน้าที่ฝึกสอนในวันนั้นคือ สารวัตรมาร์ก ลิลเกอ (Marc Lilge)เขานั่งอยู่หน้ารถตู้เพื่อคอยบอกข้อมูลต่างๆกับผู้เรียน เป็นการฝึกภายใต้สถานการณ์จริงที่อาจมีการแจ้งเหตุเข้ามาได้ พวกเขาก็ต้องทำหน้าที่จริงซึ่งอาจจะเป็นการช่วยรถตำรวจคันอื่นๆหรือทำคดีอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ
ระหว่างที่รถตู้เคลื่อนไป อยู่ดีๆก็มีชายคนหนึ่งวิ่งออกมาจากร้านอินเตอร์เน็ตและโบกให้พวกเขาหยุด
ชายคนนั้นคือคาเดียร์ เขาแจ้งเรื่องแก่ตำรวจชุดปฎิบัติการจำนวนกว่าสิบนายที่อยู่บนรถตู้แห่งนั้น และพวกเขาก็ปฏิบติการทันที ทุกคนลงจากรถและจับกุมลูก้าได้สำเร็จ ในที่สุดลูก้าก็ถูกจับ...
ภาพเหตุการณ์ขณะจับกุมลูก้า : ภาพจาก CCTV ของร้านอินเตอร์เน็ต
เขาสร้างชื่อจากอินเตอร์เน็ต เขาก็ควรถูกจับเพราะอินเตอร์เน็ต
ตำรวจเยอรมันได้ประสานไปยังรัฐบาลแคนาดาเพื่อดำเนินการส่งลูก้ากลับประเทศ กองทัพแคนาดาได้ส่งเครื่องบินของกองทัพไปรับตัวเขากลับมาดำเนินคดี
ทันทีที่เครื่องบินลงสู่พื้น เราได้เห็นภาพของลูก้าซึ่งถูกใส่กุญแจมือกำลังก้าวลงมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง
แวบหนึ่ง เรารู้สึกเหมือนกับว่ามีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าเขา
หรือนี่คือสิ่งที่ลูก้าต้องการ เขาได้มันมาสมใจแล้ว ทั้งชื่อเสียงและความสนใจจากผู้คน
ในห้องสอบสวน ลูก้าปิดปากเงียบ...เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น ไม่สบตาใคร ตำรวจพยายามทำให้เขาผ่อนคลาย ชวนคุยไปเรื่อยๆ จนเขาเอ่ยออกมาว่า " ยังไม่อยากพูดอะไร ? "
เขาขอเสื้อกันหนาวจากเจ้าหน้าที่...(ตามหลักแล้วในห้องสืบสวนมักจะปรับแอร์ให้หนาวกว่าปกติ เพราะธรรมชาติของมนุษย์เมื่อหนาวจะรู้สึกอ่อนแอและถูกชักจูงได้ง่าย จึงง่ายในการซักถามข้อเท็จจริงกับผู้ต้องหา - หมายเหตุ : ข้อมูลจากซีรีส์สืบสวนเรื่องหนึ่งซึ่งผู้เขียนจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องไหน)
ลูก้าดูสงบเสงี่ยมและบอบบาง ภาพของเขาตอนนี้ดูห่างไกลจากคำว่าฆาตกรฆ่าหั่นศพมาก
เขาขอบุหรี่จากเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ยื่นบุหรี่ให้...และหวังว่ามันจะทำให้เขาผ่อนคลายจนเปิดเผยข้อมูลอะไรออกมาบ้าง เขาสูบบุหรี่มวนนั้น พร้อมยกขาขึ้นมาไขว่ห้าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องสอบสวนถูกบันทึกภาพไว้ตลอดเวลา
ลูก้าไม่ปริปากพูดอะไร จนเขาได้พบกับทนายความ
ตามกฎหมายแล้วทุกคนมีสิทธิ์ได้รับทนายเพื่อสู้คดี
ลูก้าบอกกับทนายของเขาว่า เขาไม่ได้ลงมือคนเดียว มีอีกคนหนึ่งร่วมลงมือด้วย คนๆนั้นชื่อ " แมนนี่ " เห็นได้ชัดว่าลูก้ากลัวแมนนี่มาก แมนนี่คือคนสั่งการเบื้องหลังทำให้ลูก้าฆ่าจุน หลิน
ทนายฟังเรื่องนี้อย่างใจเย็น...เขาต้องสืบให้ได้ว่าแมนนี่มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงเรื่องที่ลูก้าสร้างขึ้นเพื่อผลทางคดี
เมื่อตรวจดูประวัติการรักษาด้านจิตเวชของลูก้า เขาพบว่าลูก้าเคยเล่าเรื่องของแมนนี่มาก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องของชายชื่อแมนนี่ที่ชอบทำร้ายลูก้าเป็นเรื่องที่คนรอบตัวลูก้าต่างรับรู้กันดี
แม่ของลูก้าเปิดเผยว่า ลูก้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้เธอฟังตอนที่เธอไปเยี่ยมลูกชายในเรือนจำ
เธอเล่าว่าลูก้ารู้จักจุน หลินจากจากเครกส์ลิสต์(ชื่อเวบไซด์) ทั้งคู่นัดเจอกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์แบบวันไนท์แสตนด์
.
.
เมื่อแมนนี่ทราบเรื่องนี้ เขาก็มีความคิดจะถ่ายทำหนัง
.
.
จริงๆแล้วลูก้าไม่อยากทำ...แต่เพราะเขากลัวแมนนี่ จึงตกลงทำ
เขาคิดว่าคงไม่มีอะไร ก็แค่ถ่ายวีดีโอเก็บไว้เท่านั้น จนเรื่องลุกลามบานปลายออกไป
.
.
ทั้งหมดนี้...เป็นเพราะการบงการของแมนนี่
เขาอยู่ในรถที่จอดอยู่นอกอพาร์ทเม้นต์ในวันเกิดเหตุ และคอยบงการทุกอย่างผ่านโทรศัพท์ " แกต้องทำตามคำสั่งฉัน แกรู้ว่าฉันทำอะไรแกได้ !!! " แมนนี่ขู่ลูก้าให้ทำตาม
แม่ของลูก้ายืนยันว่าลูกชายของเธอทำตามคำสั่งของแมนนี่เท่านั้น เขาไม่ได้จงใจฆ่าจุน หลิน
หลังเกิดเหตุ ลูก้าลงมาด้านล่างของตึกพร้อมกล้องถ่ายวีดีโอเพื่อนำภาพทั้งหมดมาส่งให้แมนนี่
(มีภาพตอนหนึ่งจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ช่วงนี้ไว้...เป็นช่วงที่ลูก้าเดินลงมาด้านล่างของตึกก่อนเดินออกไป)
หลังจากนั้นแมนนี่ก็เอาคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดอัพโหลดลงเวบใต้ดิน
ลูก้าเปิดเผยชื่อเต็มของแมนนี่ให้แม่ของเธอทราบ ชื่อเต็มของเขาคือ " เอ็มมานูเอล แมนนี่ โลเปซ "เขาคือฆาตกรตัวจริงในคดีนี้
ในขั้นตอนการสืบสวนคดี ลูก้ายืนยันว่าเขาไม่ผิด เขาถูกบงการโดยแมนนี่
แล้วแมนนี่เป็นใครกัน?....เขามีตัวตนจริงหรือไม่ ? ดีแอนนาจะเฉลยให้เอง
ตั้งแต่แรกที่ลูก้าสร้างบัญชีปลอมขึ้นมา
เขามีนามแฝงที่ชอบใช้ทั้ง วลาดิเมียร์ โรมานอฟ , เบเวอร์ลี่ เคนต์ , อาร์ทิมิส ยัง รวมถึง " เคิร์ก ทราเมลล์ "
เมื่อลูก้าใช้นามแฝง เขาจะใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างแม้กระทั่งเวลาในการโพสต์ ในการโพสต์แต่ละครั้งจะมีสารบางอย่างซ่อนอยู่
สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งคือผู้เปิดเผยความลับเรื่องแมนนี่
เขาหาข้อมูลนามแฝงของลูก้า จนพบว่านามแฝงชื่อ " เค. ทราเมลล์ " คือชื่อที่ได้มาจากตัวละครในหนังเรื่อง " เจ็บธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา "(1990)
ตัวละครนี้แสดงโดยชารอน สโตน ชื่อเต็มๆของตัวละครนี้คือ " เคเทอรีน ทราเมลล์ "
[ เค. ทราเมลล์ = เคิร์ก ทราเมลล์ = เเคเทอรีน ทราเมลล์ ]
บรรดานักสืบออนไลน์ในกลุ่มจึงหาหนังเรื่องนี้มาดู
สิ่งที่ได้เห็นจากฉากหนึ่งในภาพยนตร์ คือ " ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังคร่อมร่างเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง
ผู้หญิงคนนั้น คือ เคเทอรีน ทราเมลล์ กับแฟนหนุ่มของเธอ
มือของเขาถูกมัดไว้ที่เสาเตียง และตรงกำแพงด้านบนก็มีหน้าต่างกระจกสีอยู่ตรงกลาง "
.
.
.
ภาพที่เห็นในฉากนี้คือสิ่งที่อยู่ในคลิปฆาตกรรมของลูก้านั่นเอง
" ลูก้าคร่อมผู้ชายคนหนึ่งบนเตียง เขามัดมือเหยื่อไว้กับหัวเตียงด้วยสายไฟสีขาว บนกำแพงกลางฉากมีโปสเตอร์หนังรื่องคาซาบลังก้าติดอยู่ ซึ่งมันดูคล้ายกับกระจกสีในหนังเรื่องนี้ไม่มีผิด "
หนังเรื่อง "เจ็บธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา "เคเทอรีนฆ่าคู่ขาของเธอด้วยเหล็กเจาะน้ำแข็งเช่นเดียวกับที่ลูก้าฆ่าจุน หลิน ด้วยอุปกรณ์ที่คล้ายกับเหล็กเจาะน้ำแข็ง
สิ่งที่ลูก้าทำมาทั้งหมดนั้น...เป็นการทำเพื่อสักการะหนังเรื่อง " เจ็บธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา "
ภาพจากคลิปของลูก้า (ซ้าย) : ภาพจากหนัง Basic Instinct (ขวา)
ข้อความที่ลูก้าเคยส่งให้นักข่าวคนหนึ่งของสำนักพิมพ์เดอะซัน ก็มีประโยคหนึ่งที่ลอกมาจากบทสนทนาของชารอน สโตน ในหนังเรื่องนี้เป๊ะๆเลย
" การฆ่าคนไม่เหมือนสูบบุหรี่นะ เพราะมันเลิกได้ "
ภาพที่เขาขอบุหรี่จากเจ้าหน้าที่สืบสวนและสูบโดยนั่งไขว่ห้าง...คือฉากหนึ่งในหนังเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ลูก้าในห้องสอบสวนเทียบกับฉากหนึ่งในภาพยนตร์ Basic Instinct
ตัวละครที่ชารอน สโตนแสดงนั้น มีแฟนเก่าอยู่คนหนึ่ง เขาชอบทำร้ายเธอ และตัวละครนั้นมีชื่อว่า " แมนนี่ "
แมนนี่ คือ ตัวละครอุปโลกน์ที่ลูก้าสร้างขึ้นมา มันคือข้ออ้างที่ลูก้าใช้มาเป็นแรมปี ลูก้าคิดว่าเขากำลังเล่นหนังอยู่ และหนังเรื่องนี้เขาเป็นตัวเอกของเรื่อง น่าเสียดายที่เรื่องนี้ไม่ใช่หนัง...มันคือเรื่องจริง
บันทึกจากโทรศัพท์ของเขา ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าในคืนนั้นไม่มีใครโทรหาลูก้า และลูก้าก็ไม่ได้โทรหาใคร ไม่มีหลักฐานการมีตัวตนของแมนนี่ มีเพียงหลักฐานที่ออกมาจากปากของลูก้าเพียงคนเดียว
เมื่อไม่พบการมีตัวตนของแมนนี่ อัยการจึงแถลงคดีว่าลูก้า แม็กนอตต้ามีความผิดฐานฆาตกรรมจุน หลินเพียงผู้เดียว
ในเดือนธันวาคม ปี 2014 ลูก้าถูกตัดสินให้มีความผิดฐานฆาตกรรมโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน เขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต นับเป็นการปิดฉากคดีนี้โดยสมบูรณ์
คดีนี้ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของโลก
รูปคดีมีความซับซ้อนและมีรายละเอียดมาก
เรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นจากคนๆหนึ่งที่ต้องการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์เท่านั้น...สุดท้ายมันได้ลุกลามจนกลายเป็นคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ
เรื่องราวของลูก้า ทำให้เราต้องกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า
.
.
" เราให้คุณค่าของการเป็นที่จดจำมากไปหรือเปล่า
เราสนใจแต่คุณค่าของตัวเองจนไปลดทอนคุณค่าผู้อื่นหรือไม่ ? "
ลูก้าอาจจะสุดโต่งมากไปในเรื่องนี้....
และถ้าคุณเคยลดทอนคุณค่าชีวิตของใครไป แม้จะไม่หนักหนาเท่าลูก้า คุณก็คือส่วนหนึ่งในวงจรอุบาทว์นี้
.
.
สังคมโชเชี่ยลคือสังคมที่ทุกเรื่องเป็นกระแสได้เพียงข้ามคืน มีทั้งการยกย่อง การบูลลี่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นง่ายๆบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ บนโทรศัพท์ ถึงเวลาแล้วที่เราควรตระหนักถึงภัยคุกคามอันใกล้ตัวนี้
.
.
บางทีการฆาตกรรมอาจเกิดขึ้นได้จากคำบางคำ จากประโยคพ่นด่า
จากการพิมพ์ข้อความเพียงไม่กี่คำของเรา...
" แท้จริงแล้วเราอาจจะเคยเป็นฆาตกรออนไลน์ "
จบ.
เครดิตข้อมูล :
ภาพยนตร์สารคดีDon't F**k with Cats: Hunting an Internet Killer
หาชมได้ทาง Netflix
โฆษณา