8 ม.ค. 2020 เวลา 08:04 • การศึกษา
สมาร์ทโฟนมีผลต่อเด็กอย่างไร?
ย้อนกลับไปในปี 2005 นักวิจัยรัสเซียได้เริ่มต้นการค้นหาคำตอบว่า สมาร์ทโฟนมีผลกับเด็กอย่างไร? 14 ปีให้หลัง พวกเขามีคำตอบ
นักวิจัยจากสถาบันฟิสิกส์ชีวเคมี NM Emanuel จาก Academy of Sciences แห่งรัสเซียและคณะกรรมการแห่งชาติของรัสเซียในการป้องกันการแผ่รังสีที่ไม่แตกตัวเป็นไอออนได้เสร็จสิ้นการทดลองที่เริ่มขึ้นในปี 2005
โดยมีผู้เข้าร่วม 1,531 คน ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ช่วงแรกพวกเขาใช้สมาร์ทโฟนอย่างเต็มที ช่วงที่สองพวกเขาห้ามใช้อุปกรณ์
โดยมีแพทย์และนักจิตวิทยาคอยทำการตรวจสอบการค่อยๆเปลี่ยนแปลงของสุขภาพในกลุ่มตัวอย่าง
ผลการปรียบเทียบจากเด็กทั้งสองกลุ่ม ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้ผลสรุปที่น่าสนใจ
📌 สมาร์ทโฟนทำให้น่าเบื่อ
นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าผู้เข้าร่วมการวิจัยทุกคนลดความสนใจและมีความจำเชิงความหมายลดลง 50% กลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มือถือจะชะลอการตอบสนองต่อสัญญาณแสงและเสียง
และเริ่มผิดพลาดมากขึ้นในการเขียนตามคำบอก
📌 สายตาสั้นเป็นของแถม
เด็กที่ใช้สมาร์ทโฟนเริ่มบ่นเรื่องปัญหาทางสายตา
📌 อุปกรณ์ส่งผลต่อสมองของเด็ก
ในเด็กกะโหลกศีรษะนั้นจะบางกว่าในผู้ใหญ่ ดังนั้นรังสีจึงเป็นอันตรายต่อพวกเขามาก
ในเด็กก่อนวัยเรียนและวัยประถมศึกษารังสีมีผลร้อยละ 80 ของโครงสร้างสมอง
จนเมื่ออายุได้สิบแปดปีกะโหลกศีรษะจึงมีความหนาพอที่จะลดอันตรายเหลือเพียง 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่แนะนำให้พูดคุยทางโทรศัพท์นานเกินไป
📷 pinterest
นักวิทยาศาสตร์ได้ทำงานเพื่อลดอันตรายจากสมาร์ทโฟนให้กับเด็ก ๆ โดยแนะนำ การใช้ชุดหูฟังเช่นเดียวกับการสื่อสารผ่าน SMS และ MMS รวมถึงให้แหล่งรังสีห่างจากสมองของเด็ก
📌 เหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น
ใน 39.7 เปอร์เซ็นต์ หรือหนึ่งในสาม มีอัตราความเหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น จนไม่มีพลังเหลือสำหรับการศึกษาและเล่นกีฬา รวมถึงพวกเขามีสมาธิกับสิ่งอื่นๆลดลง
ในบรรดาอาการที่น่าตกใจ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าพบ อาการตาแดงและตาแห้ง ตาพร่าและเบลอเมื่อมองในระยะไกล ไมเกรน อาการปวดที่คอและไหล่ เนื่องจากผลของท่าทางผิดปกติกระทบต่อกระดูกสันหลังทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและการมองเห็นแย่ลง
กระดูกสันหลังของมนุษย์ 📷 pinterest.de
การใช้สมาร์ทโฟนยังมีผลกระทบสะสมและนำไปสู่ความผิดปกติทางจิต, สมาธิสั้น, อารมณ์แปรปรวน, ความล้มเหลวของ biorhythm และการรบกวนการนอนหลับ
ในปี 2554 องค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขององค์การอนามัยโลกได้จัดจำแนก สนามแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นความถี่วิทยุว่า "อาจก่อมะเร็งต่อมนุษย์"
ข้อสรุปที่ได้ระหว่างการศึกษานี้
ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้ตัดสินใจที่จะทำการทดลองต่อไป เพื่อศึกษาปัญหาของอิทธิพลของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีผลต่อร่างกายมนุษย์อย่างละเอียดมากขึ้น
Ref.
เรียบเรียงโดย
สาระอัปเดต
📌 ติดตาม สาระอัปเดต เพิ่มเติมได้ทาง
➡️ Twitter
➡️ Facebook
➡️ Youtube
➡️ Instagram
➡️ Blockdit
...
ติดตามคำคมและแรงบันดาลใจได้ทาง
➡️ Tik Tok
...
ติดตามช่องทางล่าสุด line open chat
เพื่อการรับข้อมูลข่าวสารล่าสุด
➡️ Line
...
🙇🙇 ขอบคุณทุกช่องทางการติดตาม🙇🙇
โฆษณา