12 ม.ค. 2020 เวลา 05:09 • กีฬา
#เกิดอะไรขึ้นกับทีมชาติไทย
วิเคราะห์หลังเกม 5 จุดเปลี่ยนที่ทำให้เราพ่ายแพ้
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 กลุ่ม เอ นัดสองทีมชาติไทยแพ้ทีมชาติออสเตรเลีย ไป 1-2 โดยไทยได้ประตูจากอานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ในนาทีที่ 23 แต่โดนนิโคลัส ดี อากอสติโน่ ยิงสองลูกในนาทีที่ 43 และ 76 ส่งผลให้ออสเตรเลียขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ของตาราง มี 4 คะแนน ส่วนไทยเราอยู่ที่ 2 มี 3 คะแนน
ความพ่ายแพครั้งนี้ยังไม่ได้ปิดโอกาสในการเข้ารอบแต่อย่างใด เรายังเหลืออีก 1 เกมกับอิรัก เพียงแค่เราไม่แพ้ก็สามารถเข้ารอบต่อไปทันที
คราวนี้เราจะมาวิเคราะห์ 5 ข้อที่เป็นจุดเปลี่ยนให้เราพ่ายแพ้เกมเมื่อวานกัน
1.) เจอวินัย
ออสเตรเลียเป็นทีมที่เล่นบอลตามแทคติกแบบครบถ้วนเหมือนฟุตบอลยุโรป มีวินัยทั้งเกมรับและเกมรุก เราจะเห็นได้เลยว่าทั้งทีมยืนกันแน่นมากๆ เวลารุกก็ขึ้นทั้งแผง เวลารับก็ถอยได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีหลุดตำแหน่ง แผงหลังทั้ง 4 คนมีข้อผิดพลาดให้เห็นในช่วง 30 นาทีแรกเท่านั้น พอตั้งลำได้พวกเขาก็แทบไม่เหลือข้อผิดพลาดเลย
ยิ่งในครึ่งหลังจะเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขายืนได้แน่นตึบ แผงหลังไม่ลอยขึ้นมา เพราะรู้ว่าถ้าต้องแข่งความเร็วกับเรา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาอยู่ แล้วค่อยๆ นวดเราไปเรื่อยๆ จนเรายุบแล้วก็อย่างที่เห็น
2.) โดนเพรสซิ่ง
ไทยเรามักมีปัญหาเวลาเจอเพรสซิ่งหนักๆ ถึงแม้ว่าตั้งแต่อากิระ นิชิโนะเข้ามาทำทีมจะพัฒนาส่วนนี้ไปแล้วพอสมควร อย่างต้นเกมเราเล่นแบบไม่กลัวออสเตรเลียเลยขึ้นเกมจากแดนหลังโดยให้ชินภัทร์ ลีเอาะเป็นคนเริ่มเกม ช่วงแรกออสเตรเลียยังไม่ขึ้นมาเพรสแดนบนมากนักทำให้เรายังมีพื้นที่ในการตั้งเกม แต่พอพวกเขาโดนนำ ก็เริ่มขึ้นมาเพรสหนัก ทำให้เราต้องเปลี่ยนไปเล่นบอลไดเร็คบ้างแล้วซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้เราเสียเปรียบอย่างหนักจนนำมาสู่การเสียประตูจากการโดนตัดบอลกลางสนาม
ครึ่งหลังออสเตรเลียลงมาเล่นด้วยวินัยที่เข้มขน เพรสซิ่งที่หนักหน่วง พวกเขารู้ดีว่าถ้าปล่อยให้สรวิทย์ พานทอง กับกฤษดา กาแมน เล่นบอลได้ง่ายเหมือนครึ่งแรกวันนี้ไม่ใช่งานง่ายแน่นอน อย่างที่เคยพูดไปในนัดแรกว่าฟุตบอลของนิชิโนะขับเคลื่อนด้วยคู่กลาง ถ้าทีมให้ปล่อยให้คู่กลางของเราเดินเกมได้ไหลลื่น เราแทบไม่มีแพ้เลยตั้งแต่นิชิโนะเข้ามาทำทีม
คู่กลางเราโดนเพรสหนักตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังจนแทบออกบอลไม่ได้เลย หลังจากนั้นเหมือนทีมเราโดนแยกเป็น 2 ส่วน เหลือแค่ข้างหลังกับแดนหน้า แดนกลางเราไม่ได้เล่นอีกเลยจะลำเรียงบอลขึ้นไปแทบทำไม่ได้ สุดท้ายเราเหลือทางเลือกไม่มาก วนกลับมาเล่นบอลไดเร็ตเหมือนเดิม ก็อย่างที่เห็นเราเสียเปรียบทุกกระบวนท่าจริงๆ
3.) อาการบาดเจ็บเล่นงาน
ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์เรามีปัญหานักเตะบาดเจ็บเยอะมาก แค่ช่วงตัดตัวก็ต้องเสียเควิน ดีรมรัมย์แบ็กซ้ายตัวความหวังรวมถึงผู้เล่นอีก 4 คนที่ส่งตัวกลับสโมสรไปพร้อมกันด้วยอาการบาดเจ็บ ในรายชื่อที่ติดรอบสุดท้ายยังต้องมากังวลกับศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ อิรฟาน ดอเลาะ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บติดตัว ในแคมป์ทีมชาติไทยเลยทดลองปรับเปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่นพอสมควร
ส่วนในเกมเมื่อวานถือว่าโชคร้ายมาก ที่เราต้องเสียศุภณัฏฐ์ เหมือนตากับศุภชัย ใจเด็ด ไปพร้อมกันหลังจากนั้นเกมเราแทบเล่นไม่ได้อีกเลย โดยศุภชัยให้สัมภษณ์หลังเกมว่า “อาการเจ็บตอนนี้มีเลือดคั่ง ซึ่งต้องเช็คอีกครั้งหนึ่ง มันเกิดจากจังหวะปะทะหัวเข่าชนกัน ผมฝืนตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังพยายามฝืนให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้ายก็ไม่ไหวจริงๆ” ต้องมาลุ้นกันว่านัดอิรักจะหายกลับมาทันไหม
4.) ตัวสำรองเปลี่ยนเกมไม่ได้
เปลี่ยนตามแทคติกยังโอเค แต่ถ้าต้องเปลี่ยนเพราะอาการบาดเจ็บถือว่าโชคร้ายมาก ปกตินิชิโนะมักเปลี่ยนตัวในนาที 70+ จะเน้นส่งผู้เล่นแดนกลางลงไปแทนตำแหน่งตัวรุกเพราะต้องการแพ็คเกมให้แน่น แต่เมื่อคืนมันเป็นไฟท์บังคับที่เราต้องส่งเจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ไปแทนศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ นันทวัฒน์ สวนแก้วแทนศุภชัย ใจเด็ด ซึ่งไม่สามารถทดแทนกันได้เลย
นันทวัฒน์แทบไม่สามารถทดแทนศุภชัยได้เลย ตลอดครึ่งหลังเขาไม่สามารถเก็บบอลได้เลย ถึงแม้จะพยายามวิ่งเพรสซิ่งแดนบนแต่ดูเหมือนไม่ได้ผลมากนัก ส่วนเจริญศักดิ์ในนัดที่แล้วทำผลงานได้ดีเพราะมีพื้นที่ให้วิ่งเยอะพอสมควร ในนัดนี้ออสเตรเลียรู้ว่าความเร็วของเจริญศักดิ์อันตราย พวกเขาไม่เปิดโอกาสเจริญศักดิ์ได้พลิกบอล หรือจังหวะที่รู้แล้วว่าต้องวิ่งแข่งกัน พวกเขาจะมาซ้อนทันที สุดท้ายเจริญศักดิ์แทบไม่ได้กระชากเลย ส่วนวรชิต กนิตศรีบําเพ็ญมีเวลาน้อยเลยไม่ขอพูด
ถ้ามองภาพรวมเราเห็นว่าตัวจริง กับตัวสำรองยังมีคุณภาพที่ห่างกันมาก โดยเฉพาะแนวรุกที่ดูเหมือนว่า 4 หนุ่มจากอะคาเดมี่ บุรีรัมย์จะเหนือชั้นจากเพื่อนๆ พอสมควร
5. หมดแรง (ไม่ใช่หมดใจ)
ใครคิดว่าน้องๆ ไม่สู้อันนี้ขอเถียง ในครึ่งหลังที่เราเห็นว่าไม่วิ่งนั่นเพราะว่าเราหมดแรง หมดทุกก๊อก เกมนี้ออสเตรเลียเพรสซิ่งหนักมากยิ่งทำให้เราใช้แรงมากกว่าปกติ ถามว่าแรงหมดไปตอนไหน บอกได้เลย่าตอนปะทะ ทุกจังหวะที่ปะทะกันเราใช้แรงมากกว่าเขามาก ด้วยรูปร่างที่แตกต่างอย่างชัดเจน ทำให้เราต้องใช้แรงเกินร้อนทุกครั้งที่เข้าบอล ในขณะที่ออสเตรเลียอาจจะใช้ไม่ถึงร้อยก็ได้บอลจากเราไปครอง นั่นแหละคือสาเหตุที่เราหมดแรงเร็วกว่าปกติ
ส่วนตัวยังเชื่อว่าหัวใจน้องๆ ยังสู้อยู่ แต่พอแรงมันหมดทุกอย่างก็จบ วินัย ไอเดีย มันใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ยังมีโอกาส
ถึงตรงนี้เรายังมีโอกาสเข้ารอบเต็มประตู ความพ่ายแพ้นัดนี้ยังไม่ทำให้โลกถล่ม ยังมีเกมกับอิรักให้เราต้องเล่นอีกนัด ถ้าเราไม่แพ้ก็ขัดรองเท้ารอไปเตะรอบ 8 ทีมได้เลย
เงื่อนไขการเข้ารอบ
โอกาสยังอยู่ในมือเรา ไม่มีอะไรมากมาย ไม่แพ้ก็เพียงพอต่อการเข้ารอบแล้ว แต่ชนะไปเลยดีที่สุด เรียกความมั่นใจให้ทีมขึ้นไปอีก
โปรแกรมต่อไปในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 ทีมชาติไทยU23 พบกับ ทีมชาติอิรักU23 ในวันที่ 14 มกราคม 2563 เวลา 20.15 น. ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เหมือนเดิม
เข้ามาเชียร์กันเยอะๆ แล้วเราจะเข้ารอบไปด้วยกัน
ขอบคุณรูปภาพจากช้างศึก
🔥ติดตาม UP! ของเราได้ที่ 🔥
Website : up-th.com
Facebook : @UPTHsport
โฆษณา