13 ม.ค. 2020 เวลา 01:53 • ไลฟ์สไตล์
สงครามภายใน
เนื่องด้วยช่วงนี้ มีกระแสเรื่องสงคราม ทำให้ผู้เขียนนึกถึงบทความที่เคยเขียนไว้ เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เนื่องในโอกาสวันสมาธิโลก
วันนี้ ก็เลยขอนำบทความที่เคยเขียนเอาไว้เมื่อ ๔ - ๕ ปีก่อนมาลงใน Blockdit เป็นอีกมุมมองหนึ่งของผู้เขียนซึ่งเป็นนักฝึกสมาธิ ที่ทำสงครามภายในกับกิเลสที่อยู่ในใจมากว่า ๓๐ ปี และก็คงทำสงครามภายในอย่างนี้ไปตลอดชาติ และก็คงอีกหลายชาติ กว่าชนะสงครามภายในที่ว่านี้
วันสมาธิโลก
วันสมาธิโลก ถูกกำหนดขึ้นโดย “องค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ย.พ.ส.ล.)” ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2531 โดยกำหนดให้เป็นวันที่ 6 สิงหาคม ของทุกปี ทั้งนี้ก็สืบเนื่องจากวันนี้เมื่อปี พ.ศ. 2488 สหรัฐฯ นำระเบิดปรมาณูไปปล่อยลงที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากมายมหาศาล เป็นความเจ็บปวดอย่างที่สุดของมวลมนุษยชาติเท่าที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์
เหตุการณ์นี้ เป็นเครื่องเตือนใจกับชาวโลกได้เป็นอย่างดีว่า มนุษย์ควรอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข จึงได้มีการจัดต้ังองค์กรกลางขึ้นมา เพื่อรักษาสันติภาพให้แก่ประชาคมโลกนั่นคือ “องค์การสหประชาชาติ”
แต่ในบางครั้ง “องค์การสหประชาติ” นั่นแหละ ที่ชักนำประเทศสมาชิก ให้เข้าสู่สงครามน้อยใหญ่หลายครั้ง โดยอ้างว่าเพื่อสร้างสันติภาพ แต่ธรรมดาของสงครามภายนอก ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมจองเวร ดังน้ันสันติภาพที่แท้จริงจึงไม่เคยเกิดขึ้นเลย
คนระดับ Cream ของโลก รู้ว่า สงครามเร่ิมจากจิตใจของมนุษย์ ซึ่งมีคำยืนยันจาก ธรรมนูญ ของ UNESCO (A Declaration on UNESCO constitution) ว่า
“Since wars begin in the minds of men, it is in the minds of men that the defenses of peace must be constructed.”
แปลว่า “สงคราม เร่ิมขึ้นในจิตใจของมนุษย์ มันอยู่ในจิตใจของมนุษย์ ดังน้ันเครื่องป้องกันสันติภาพ(ภายในใจ) จำเป็นจะต้องถูกสร้างขึ้นมา”
ถามว่าอะไรคือ “เครื่องป้องกันสันติภาพ” (defenses of peace) คำตอบก็คือ สันติสุขภายใน และสันติสุขภายในที่แท้จริง ต้องมาจากความสงบสุขที่เกิดจากการฝึกสมาธิ
พอบอกอย่างนี้บางคนอาจไม่ทราบมาก่อน บางคนแม้ทราบแล้วแต่ยังไม่ฝึก บางคนก็ฝึกแล้วแต่ทำๆ หยุดๆ พอไม่ได้ผลก็เลิกฝึก บางคนทำต่อเนื่องอยู่ บางคนก็พบกับความสงบสุขบ้างแล้ว บางคนก็ยังไม่พบ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
เพราะการฝึกสมาธิน้ัน แท้ที่จริงแล้ว เป็นการทำสงครามชนิดหนึ่ง แต่เป็นสงครามภายในจิตใจ คู่ต่อสู้หลักคือกิเลสที่คอยบังคับให้มนุษย์สร้างกรรมชั่ว พอคนเราลงมือฝึกสมาธิ ก็จะเจอทัพหน้าของกิเลสทันที นั่นก็คือความฟุ้งซ่าน คนส่วนใหญ่จะยอมแพ้มัน ไม่ยอมสู้รบปรบมือกับมัน ยอมศิโรราบ ให้มันบังคับเราแต่โดยดี มันบังคับให้ยินดีกับสงครามภายนอก
เป็นความจริงของคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ มักจะยินดีกับสงครามภายนอก เราจะเห็นได้จากชีวิตประจำวันของผู้คน ว่าชอบเสพข้อมูลเรื่องของความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นข่าว ละครทีวี ภาพยนต์ กีฬา เป็นต้น เพราะรู้สึกเรื่องราวมันสนุก มันบันเทิง มีสีสรร ตื่นเต้น เร้าใจ
จากน้ันก็มาทำสงครามภายนอกเล็กๆ คือขัดแย้งกับคนในครอบครัว ขัดแย้งกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ขัดแย้งกับสามีภรรยา ขัดแย้งกับลูกๆ หลานๆ ขัดแย้งกันในที่ทำงาน ขัดแย้งกับคนในหมู่บ้านเดียวกัน ต่างหมู่บ้าน ต่างตำบล ต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ต่างภาค ต่างประเทศ ต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนาและเผ่าพันธุ์ จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงคราม ที่ทำลายล้างมนุษย์ด้วยกันเอง ทั้งๆที่อยู่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน หายใจอากาศเดียวกัน และอยู่ในโลกใบเดียวกัน ต้ังแต่เกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ทั้งนี้ก็มาจากความพ่ายแพ้ต่อสงครามภายในนั่นแหละเป็นหลัก
ดังน้ันหากชาวโลกยังยินดีอยู่กับสงครามภายนอกมากกว่าสงครามภายใน โลกจะไม่มีวันพบกับสันติภาพที่แท้จริงเลย
จึงเป็นหน้าที่ของผู้ที่รักการทำสงครามภายใน แม้จะมีเพียงจำนวนน้อยนิด แต่ก็ต้องทำหน้าที่ชักชวน เชิญชวนชาวโลกทุกคน ให้หันกลับมาทำสงครามภายในกัน คอยให้กำลังใจ ให้เขาหมั่นเข้าสู่สมรภูมิภายในอย่างสม่ำเสมอ เพราะสงครามภายใน คนส่วนใหญ่จะไม่อดทนทำกัน จะยอมแพ้ต้ังแต่เจอทัพหน้า(ความฟุ้ง)แล้ว
วันสมาธิโลก จึงจำเป็นต้องเกิดขึ้น ภาพของคนนั่งสมาธิพร้อมเพรียงกันทั้งโลกน้ันจำเป็นต้องปรากฎต่อสายตาชาวโลกทุกคน เพื่อผู้ที่ยังไม่รู้จะได้รู้ ผู้ที่รู้แล้วแต่ขาดกำลังใจในการฝึกสมาธิจะได้มีกำลังใจ ผู้ที่มีกำลังใจอยู่แล้วก็มีกำลังใจย่ิงขึ้น เมื่อลงมือสู้ก็จะมีวันชนะ
เมื่อผู้ชนะสงครามภายในเพิ่มปริมาณขึ้น สงครามภายนอกก็จะลดลง จากสงครามใหญ่ก็จะเป็นสงครามเล็ก จากสงครามเล็กก็จะเป็นสงครามย่อย จากสงครามย่อยก็จะหายไป และในที่สุดสันติภาพที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้น เมื่อมนุษย์สามารถร่วมกันเอาชนะมหาสงครามภายในได้สำเร็จทุกๆ คน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา