19 ม.ค. 2020 เวลา 11:06 • ความคิดเห็น
พลังคอนเท้นต์(content)
ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผมโลดแล่นอยู่ในสังคม
blockdit ทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนที่เป็นนักเขียน
และเพื่อนที่เป็นนักอ่านดีดีมากมาย
แต่น่าเสียดายมากครับ ที่เพื่อนผมหลายคน
ที่ผมรู้จักแต่ละท่านนั้นล้วนมากล้นเต็มเปี่ยม
ด้วยความรู้ และความสามารถ
กลับมาล้มเลิก ทิ้งงานเขียนลงกลางทาง
หยุดเขียน หยุดอ่านหายไปเฉยๆ ซะงั้น
ทำให้ปิดกั้นโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งดีดี สิ่งใหม่ๆ มากมายที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต
สังคม blckdit เป็นสังคมที่อุดมไปด้วยนักเขียน
นักอ่านที่มีคุณภาพ ยากยิ่งนักที่จะพบเห็นได้ในสังคมโซเชียลมีเดียอื่น
เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยคนที่มีความรู้ความสามารถมากมายจากหลากหลายสาขา การที่นักเขียน
โนเนมคนหนึ่งจะก้าวขึ้นไปยืนอยู่แถวหน้าจนเป็น
ที่ยอมรับของนักอ่านได้นั้นมันไม่ง่ายเลย
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เริ่มต้นงานเขียนด้วยการรักในการอ่านก่อน แรกเริ่มก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเขียนจริงจังอะไร
แต่พอได้เริ่มลงมือเขียน ยิ่งเขียนก็ยิ่งชอบ ยิ่งอ่าน
ก็ยิ่งม้นส์ วันไหนไม่ได้อ่าน วันไหนไม่ได้เขียนเหมือนมันจะตายเอาซะให้ได้
เมื่อคิดได้จึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเขียนอย่างจริงจังจึงทุ่มเทอุทิศเวลาให้กับงานเขียนอย่างเต็มที่
โดยไม่สนเลยครับว่าผลมันจะออกมาอย่างไร
ขอเพียงให้เราตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุดเท่านั้น
เอาให้มันสุดๆ ไปเลย (เพราะมีที่นี่มีที่เที่ยวเยอะ
"เลย"น่าไป แอบโปรโมทบ้านตัวเอง)
เพราะคนอ่านเท่านั้นจะเป็นกรรมการผู้ตัดสินว่าเราเขียนดีหรือไม่
มันจึงทำให้ผมได้รับรู้ว่างานเขียนคุณภาพ
เกรดเอระดับพรีเมียร์ลีก จนเป็นที่ยอมรับของ
นักอ่านนั้นมันไม่ง่ายเลย
ถ้ามันง่ายทุกคนก็คงจะประสบความสำเร็จกันหมด
แล้วจริงไหมครับ
ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเจตนาเล็กๆ เพื่อบอกต่อ
ส่งผ่านไปยังนักอ่านและว่าที่นักเขียนทุกท่านว่า
การที่คนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จในงานเขียน
นั้นไม่ง่ายเลย
เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไม่อยากที่จะพัฒนาฝีมือ
เพื่อเทิร์นโปรไปเขียนแบบจริงจังก็ตาม
แต่เชื่อผมเถอะครับไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอะไร คุณก็จะต้องใช้ทักษะฝีมือในงานเขียนแทบทั้งสิ้น
สำหรับนักเขียนใน blockdit หรือ block ไหน
ก็แล้วแต่ อย่าเห็นว่าคุณเป็นแค่นักเขียนมือใหม่
โนเนม คนติดตามน้อยแล้วไม่อยากเขียน
กลับมาเขียนต่อเถอะครับ
ไม่แน่นะครับว่าบทความดีดีของคุณอาจเปลี่ยนชีวิตของใครบางคนไปตลอดกาลก็ได้
ภาพ:pixabay
😊
ลองมาฟังเรื่องราวที่ผมจะเล่าให้ฟังในวันนี้ดูครับ
เผื่อบางทีมันอาจจะสร้างแรงบัลดาลใจทำให้คุณอยากกลับมาเขียนงานดีดีมีคุณภาพออกมารับใช้สังคมอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องมีอยู่ว่า
มีนักศึกษาจากเมืองโกเบประเทศญี่ปุ่นคนหนึ่ง
ขณะนั้นเขามีอายุเพียง 18 ปี
ได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
โดยที่ตอนนั้นเขาก็ไม่รู้เลยครับว่าบทความนี้จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้
ชนิดที่ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีดียว
ไม่มีใครทราบครับว่าใจความสำคัญของบทความ
นั้นเขียนว่าอย่างไรนอกจากตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้
(หวังว่าสักวันเขาจะนำมาเปิดเผยต่อสายตา
ชาวโลก)
แต่ผมและหลายคนเชื่อเหลือเกินครับว่าน่าจะเป็นเรื่องราวที่ดีมากๆ เลย
ไม่เช่นนั้นอีกสองปีต่อมาเขาคงจะไม่ตัดสินใจเข้าร่วมทำภาระกิจสำคัญให้กับองค์กรอาสาสมัคร
แห่งหนึ่ง
😊
จากนั้นพออายุ 20 ปี เขาก็ได้ตอบรับคำเชิญจากองค์กรอาสาสมัคร ซึ่งต้องเดินทางไกลไปถึงรัฐฟรอริดาประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อไปทำหน้าที่เป็นเหมือนฑูตวัฒนธรรม
หน้าที่หลักที่เขาได้รับมอบหมายคือการที่ต้องออกตระเวนไปตามบ้านพักคนชราในรัฐฟรอริดา เพื่อบรรยายในหัวข้อวัฒนธรรมญี่ปุ่นกับสันติภาพเป็นเวลานานกว่า 1 ปี
😊
จุดประสงค์อีกอย่างหนึ่งของนักศึกษาหนุ่มน้อย
ไฟแรงคนนี้ที่ตัดสินใจเดินทางมาไกลถึงสหรัฐ
อเมริกานั่นก็คือ
เขาต้องการจะหาโอกาสอันดีในการเข้าไปทำความรู้จักพบปะพูดคุยกับเหล่าบรรดาบุคคลต่างๆ ในแต่ละสาขาอาชีพที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็น
ศิลปินหรือนักธุรกิจ
เพื่อที่จะได้ศึกษาหาความรู้ ขอคำชี้แนะถึงเคล็ดลับ
ต่างๆ ที่ทำให้บุคคลเหล่านั้นประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน
หากเปรียบกับหนังจีนกำลังภายในสมัยก่อน
ก็คงเป็นตอน ลูกศิษย์ผู้ใฝ่รู้ออกแสวงหาอาจารย์ดี
เพื่อขอเรียนรู้สุดยอดเคล็ดวิชา"โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วย ข้าจะไม่ลุกขึ้นจนกว่าท่านจะรับข้าน้อยเป็นศิษย์" ประมาณนั้น
เมื่อเขาเหลือเวลาอยู่ในอเมริกาอีกแค่ 1 เดือน
ที่จะต้องทำภาระกิจในฟรอริดาก็จะต้องเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่น
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจออาจารย์ดี คนที่จะมาไขข้อข้องใจให้เขาได้รู้ ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ธุรกิจการงาน
อย่างที่ใจปรารถนา
จวนจะหมดสิ้นความหวังแต่แล้ววันหนึ่งเหมือน
ฟ้ามาโปรด สวรรค์บรรดาลประทานโชคให้เขา
หลังจากที่เขาไปบรรยายที่บ้านพักคนชราแห่งหนึ่ง
เสร็จ ก็ได้พบชายร่างเล็กท่าทางใจดีคนหนึ่งซึ่ง
เป็นบุคคลที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาลชายคนนั้นชื่อคุณเกลเลอร์
😊
จากนั้นอีก 10 ปี ต่อมาด้วยอาศัยคำชี้แนะ
ของอาจารย์เกลเลอร์คนนี้นี่เอง มที่เป็นดั่งผู้ที่ชี้ทางสว่างในชีวิตให้เขา เพื่อมุ่งสู่การเป็นคนรวยอย่างมีความสุข
คุณเกลเลอร์ทำให้เขาพัฒนาตนเองไม่หยุดจนกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน และเป็นผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอีกหลายแห่ง
และได้เขียนหนังสือออกมาสร้างแรงบันดาลใจ
ให้ผู้คนไปทั่วโลก
โดมียอดขายระดับเบสเซลเลอร์ถูกแปลและตีพิมพ์
ไปทั่วโลกมียอดขายรวมกว่า 3 ล้านเล่มเลยทีเดียว
ชายที่หลายคนยึดถือเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต
ชายผู้ที่มีอิสระภาพทางการเงินที่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจปรารถนา ในขณะที่เขามีอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น
ชายคนนี้มีชื่อว่า"ฮอนดะ เคน"
😊
หากแม้ว่าวันนั้นเขาไม่ได้อ่านบทความดีดีจาก
หนังสือพิมพ์ฉบับนั้น
ฮอนดะ เคน อาจไม่เป็นเช่นดั่งวันนี้ก็ได้
😊
"เพราะบทความดีดีเพียงแค่ไม่กี่ประโยค
อาจทำให้โลกต้องสะเทือน"
คารวะจากใจ
เพจ:งานเขียน เปลี่ยนชีวิต
หากผิดพลาดต้องขออภัย
มีความคิดเห็นเป็นประการใดเขียนมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
อยากให้กำลังใจผู้เขียนและทีมงานง่ายๆ ด้วยการ
กดไลค์
กดแชร์
กดติดตาม
หรือจะเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ก็ยินดีครับ
ขอต้อนรับคุณสู่โลกแห่งคอนเท้นต์
😊
อ้างอิง
หนังสือคิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น
เขียนโดย:ฮอนดะ เคน
แปลโดย:บรรเจิด ชวลิตเรืองฤทธิ์
สำนักพิมพ์:วีเลิร์น
โฆษณา