13 ม.ค. 2020 เวลา 23:11 • ปรัชญา
Shape up life ,Change yourself
"รักษารูปทรงชีวิต..ด้วยการเปลี่ยนตนเอง"
ชีวิตนี้..เริ่มเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วกว่าที่คิดมากมาย..ต่อให้ไม่คิดจะเปลี่ยนก็ย่อมจะถูกเปลี่ยนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
เมื่อทุกสิ่งเปลี่ยนผ่านไป...จุดที่เคยอยู่ได้อย่างปกติของคนเรากำลังถูกกระชากดึงให้รูปทรงชีวิตคนเราต้องเปลี่ยนไป
จากเดิมการมีชีวิตของแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไป..เปรียบเสมือนการมีชีวิตเป็นแบบรูปทรงเรขาคณิต ที่มีความสมดุลของทุกด้าน
ไม่ว่าชีวิตใครจะเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่า สี่เหลี่ยมจตุรัส ห้าเหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ม หรือวงกลม ก็ตาม
ต่างก็มีความสุขบนความสำเร็จในรูปทรงชีวิตที่เลือกจากความสมดุลในชีวิตของตน..
แต่เมื่อมีบางด้านเปลี่ยนผ่านไปรวดเร็ว ชีวิตย่อมเสียรูปทรงที่เคยเป็น จนไม่สมดุล บิดเบี้ยวไป
การจะรักษาดุลยภาพของชีวิต จึงจำเป็นต้องสร้างจุดเปลี่ยนในด้านอื่นๆให้เกิดขึ้นใหม่ เพื่อก้าวไปให้สอดคล้อง..
การปรับเปลี่ยนถือเป็นการยกระดับดุลยภาพของชีวิตให้ได้รูปทรงใหม่..เป็นการ"Shape up"ทรงชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
มีแนวทางในการยกระดับเพื่อสร้างดุลยภาพชีวิตใหม่..ให้เท่าทันความทันสมัยที่ฉุดกระชากไป ด้วย"หลักแห่งการอด"
คือการหยุด การยั้ง การลด และการเลิก ในสิ่งสำคัญ..4ประการ"ดังนี้
หลักที่หนึ่งคือ..ต้อง"อดทน..."ได้
เป็นการอดทนต่อความยากลำบากต่างๆที่เข้ามาท้าทายในชีวิต ไม่ว่าจะสร้างแรงกดดันมากน้อยเพียงใด
ก็ต้องมีขันตินิ่งสงบ ข่มความเจ็บปวดไว้ได้ ไม่ว่าจะหนักเพียงใด จากสิ่งใดๆก็ตาม ก็ต้องผ่านไปให้ได้
ด้วยการใช้ปัญญาในการอดทนเพื่อ..เรียนรู้พัฒนาตนเองให้รู้จริง ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งผ่านพ้นความทุกข์ยากลำบาก
ชีวิตคือการเคี่ยวชีวิตให้เข้มแข็ง ..ความยากลำบากนั้นคือยาขม ...
จะยืนได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่งก็ต่อเมื่อต้องอดทน หมั่นฝึกฝนตนเท่านั้น จึงจะก้าวมาเป็นจอมยุทธ์เหนือคนได้
การอดทน..ไม่ใช่แค่รอจังหวะเวลาให้มาถึงเท่านั้น แต่คือการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าเพื่อสร้างตน
หลักที่สองคือ..ต้อง"อดกลั้น "เป็น
การอดกลั้น..เป็นการเรียนรู้การบริหารอารมณ์ให้มีความเสถียร..ไม่หวั่นไหว
"รักมากจนไม่ลืมตา หลงจนงมงาย โกธรจนลืมตน โลภจนตาลาย"
คนบริหารอารมณ์ไม่ได้ ยากแท้จะผ่านสถานการณ์ที่กดดันที่มักกระโจนเข้ามาแบบไม่รู้ตัวได้ทุกเวลา
ตัวอย่างเล็กๆวันหนึ่งผมขับรถมา มีเสียงบีบแตรไล่หลัง ตามมาติดๆ ก็ไม่รู้อะไร นึกเอ๊ะใจว่าสงสัยเขาจะเตือนอะไรเราไหม เช่นล้อแบน ท้ายรถเปิด หรือประตูปิดไม่แน่น
จึงชะลอความเร็ว ให้เขาตีคู่มาเรา แล้วเปิดกระจก เพื่อฟังความหวังดี
แต่สิ่งที่ได้คือ ได้เห็นคนหน้าแดงกล่ำด้วยความโมโห ตะโกนมาว่า"ขับช้าทำไมไม่ชิดซ้าย ขับไม่เป็นหรือไง......."
เล่นเอางง แต่ก็ปลง ....ได้แต่"ร้องครับในลำคอ "เพราะพูดไปเขาก็คงไม่ได้ยิน หน้าแดงซะขนาดนั้น อดสงสารไม่ได้ก็เลยขับช้าๆให้เขาผ่านไปตามทางที่เขาอยากไป
แม้เราคุมตนได้แต่ก็กลัวเขาคุมอารมณ์ไม่ได้แล้วมีปืน ไม่คุ้มกัน5555
แต่ชะตาลิขิต ช่างลิขิตกำหนดให้เขาแซงไปจอดรอ...ติดอยู่ที่ไฟแดง..ไม่รู้ทำไงต้องมาจอดคู่กันซะอีก อุตส่าห์วิ่งคนละเลนแล้ว5555
สุดท้ายเราก็ต้องแซงไปก่อน เพราะเลนที่เขาไปนั้นรถติด ชีวิตนั้นช่างแปลกคนยิ่งรีบก็กลับยิ่งช้ากว่าเรา
ดังนั้นผมเข้าใจเลยนะครับ ว่าทำไมคนเราจึงยอมจอดรถมาวางมวยกันเพราะอดกลั้นไม่ได้นี่เอง
นี่แค่เรื่องเล็กนิดเดียวนะ แต่เรื่องการเปลี่ยนผ่านชีวิตมีเรื่องต้องอดกลั้นอีกมากมาย ที่ต้องเผชิญ
หลักที่สามคือ ต้อง"อดใจ "ได้
การอดใจเป็นเรื่องของการ หยุดยั้งใจตนเอง จากความอยากได้ อยากมี และอยากเป็นในสิ่งต่างๆ ในทันทีทันใด
ทางธรรมเขาเรียกว่ายั้งและหยุดกิเลสต่างๆ ทางโลกเขาเรียกลดระดับแรงจูงใจที่มีมากระตุกกระตุ้นใจ ทำให้ความร้อนเกิดขึ้นในร่างกาย
เมื่อได้ก็รู้สึกใจเป็นสุข เมื่อผิดหวังก็ใจตกเป็นทุกข์ ชีวิตจึงมีความสุขแบบต้องอาศัยสิ่งมาช่วยกระตุ้น จึงจะมีความสุข บนความอยากทั้งหลาย
ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นสุขไม่แท้....
การอดใจได้คือการเรียนรู้ จังหวะชีวิต ที่ต้องรู้ว่าทุกสิ่งที่จะเข้ามาสู่ชีวิตนั้น บางเวลาก็มาให้เร็ว บางเวลาก็เชื่องช้าเหมือนเข้าคิว
เมื่อคนเรา..รู้จักรอ และรู้จักพอได้..ก็ย่อมอดใจได้ ใจย่อมสงบไม่หวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไม่ร้อนในสิ่งพลาดหวัง
หลักที่สี่ คือ ต้อง"อดออม"เป็น
"การอดเป็นการลดลง การออมเป็นการสะสมให้เพิ่มพูล "
ทุกสิ่งในชีวิตไม่ใช่แค่เรื่องการออมให้ได้เงินอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีทั้งการออมพลังกาย พลังใจ และพลังความคิดให้เพิ่มพูล
ยิ่งอดยิ่งออมจึงเป็นการสร้างพลังสำรองหรือแบเตอรี่ให้ชีวิตให้สามารถใช้งานได้อย่างนาน คุ้มค่าอย่างมีความหมาย
การอดออม เป็นสิ่งที่ต้องมองทั้งสองขา คือขาเข้าในการเติมพลัง และขาออกในการใช้พลัง ที่ต้องมีดุลยภาพ
หลักการนี้เป็นหลักการที่ส่งผลต่อความยั่งยืนในชีวิตของคนเราที่มองข้ามไม่ได้
ถ้าจะว่าไปแล้วหลักการทั้งสี่นี้..คือการปรับพื้นฐานพลังชีวิต เพื่อที่จะดึงชีวิตให้กลับคืนสู่สภาวะให้เกิดดุลยภาพแบบง่ายๆ
แม้อาจจะไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องสามารถช่วยตอบตนเองได้ ว่าเราได้ยกระดับดุลยภาพชีวิตให้สูงขึ้น สักเพียงใด
หลักทั้งสี่จึงเป็นเสมือนดั่งกระบวนการ"ถอดจิตย้ายร่าง"ให้เคลื่อนตัวเคลื่อนไปสู่จุดเปลี่ยนใหม่ในชีวิต
เพื่อยกระดับการรักษารูปทรงของชีวิตของเราเองให้มีดุลยภาพ ดั่งที่ใจเราได้เลือกของตัวเราเอง..."LL&L
โฆษณา