ความเศร้าที่สุดของวงการวอลเลย์บอลหญิงไทย เกิดขึ้นในรอบคัดเลือกโอลิมปิกปี 2012 ทุกอย่างอยู่ในมือแล้วแท้ๆ แต่กลับหลุดลอยไปอย่างเหลือเชื่อ วิเคราะห์บอลจริงจังจะพาทุกท่านย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ย้อนดูเหตุการณ์สุดช็อกไปพร้อมๆกัน
ตุลาคมปีที่แล้ว ผมเดินทางไปปักกิ่งเพื่อคุยกับโค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร เขาบอกว่า ความจริงจังในการไปโอลิมปิกของไทย มีขึ้นจริงๆในปี 2012 ที่คัดตัวไปลอนดอนนี่เอง
ในปี 2004 เอเธนส์ เรายังคิดว่าไกลเกินเอื้อม ช่องว่างระหว่างไทยกับทีมใหญ่ พวกจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มันกว้างเกินไป
ส่วนในปี 2008 ที่ปักกิ่ง ไทยเก่งขึ้น มีนักกีฬาไปเล่นในลีกต่างชาติแล้วหลายคน แต่เราก็ยังไม่มีความมั่นใจในตัวเองมากพออีกนั่นล่ะ คือนั่นเป็นช่วงแรกๆ ที่ 7 เซียน รวมตัวกันครบ ขณะที่โค้ชทีมชาติชุดใหญ่ ก็ยังไม่ใช่โค้ชอ๊อต
จนมาเมื่อปี 2009 ที่ไทยสร้างประวัติศาสตร์ โค่นจีน ได้เป็นครั้งแรกในศึกชิงแชมป์เอเชียที่เวียดนามนั่นล่ะ เราถึงมีความมั่นใจมากขึ้น กลุ่มนักกีฬา 7 เซียน ที่ประกอบไปด้วย วรรณา บัวแก้ว, วิลาวัณย์ อภิญญาพงษ์, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, นุสรา ต้อมคำ, มลิกา กันทอง, อรอุมา สิทธิรักษ์ และ อำพร หญ้าผา ได้ก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนของทีมชาติ
ไทยเก่งขึ้นเรื่อยๆ โค้ชอ๊อตมีประสบการณ์มากขึ้น ขณะที่ ผู้เล่นก็คุณวุฒิ และวัยวุฒิพร้อม หลายๆคนอยู่ในจุดพีกของตัวเองพอดี
นั่นทำให้การคัดโอลิมปิก 2012 ไปลอนดอนเกมส์ เป็นครั้งที่ไทย มีลุ้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ คือโอเค มันก็ไม่ได้มีโอกาสเยอะ แต่ถ้าเทียบกับครั้งก่อนๆแล้ว มันก็ดูดีขึ้นอย่างเทียบกันไม่ติด
ในโอลิมปิก 2012 จะคัดเอาแค่ 12 ประเทศที่ดีที่สุดไปเล่นเท่านั้น ซึ่งแน่นอนมันยากมหาศาล เพราะการเป็น 12 ทีมสุดยอดของโลกได้นั้นไม่ง่าย
ราวๆ 8 เดือนก่อนโอลิมปิกจะเริ่ม ก็มีการแข่งระดับทวีปไปเรื่อยๆ และทยอยได้ตัวแทนกันเกือบครบหมดแล้ว ประกอบด้วย
1- สหราชอาณาจักร (เจ้าภาพ)
2- อิตาลี (อันดับ 1 รายการเวิลด์คัพ)
3- สหรัฐฯ (อันดับ 2 รายการเวิลด์คัพ)
4- จีน (อันดับ 3 รายการเวิลด์คัพ)
5- แอลจีเรีย (โควต้าแอฟริกา)
6- โดมินิกัน (โควต้าอเมริกาเหนือ)
7- ตุรกี (โควต้ายุโรป)
8- บราซิล (โควต้าอเมริกาใต้)
ทีนี้เหลือสล็อตอีก 4 ที่นั่งในโอลิมปิกเกมส์ ซึ่ง FIVB คัด 8 ชาติมาแข่งขันกันในรายการ "คัดโอลิมปิก" ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ ประกอบไปด้วย
- ญี่ปุ่น (เจ้าภาพ)
- เกาหลีใต้
- ไทย
- ไต้หวัน
- เซอร์เบีย
- รัสเซีย
- คิวบา
- เปรู
ทั้ง 8 ทีมจะแข่งแบบพบกันหมด โดยอันดับดีที่สุด 1 2 3 จะได้สิทธิไปเล่นโอลิมปิกรอบสุดท้ายทันที ส่วนสล็อตสุดท้าย จะเป็นโควต้าของทีมจากเอเชีย กล่าวคือทีมจากเอเชียที่คะแนนดีที่สุด แต่ไม่ติด 1-3 จะได้ไปเล่นรอบสุดท้ายด้วย
ถ้ามองว่าไต้หวันเป็นทีมอ่อนที่สุดใน 4 ชาติเอเชีย และตัดทิ้งไปเลย แปลว่า หน้าที่ของเราคือเชียร์ให้เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จบท็อปทรีไปเลย ซึ่งถ้าจบแบบนี้ไทยได้ไปโอลิมปิกอัตโนมัติ
ก่อนการแข่งขันเริ่มว่ากันแฟร์ๆไทยก็คือม้านอกสายตา เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อว่า พวกเซอร์เบีย, รัสเซีย หรือญี่ปุ่นที่ได้เปรียบจากการเล่นในบ้าน น่าจะมีโอกาสมากสุดในการเข้ารอบ และไทยน่าจะต้องมาตัดกับเกาหลีใต้เพื่อหาทีมที่ดีที่สุดของเอเชีย ที่ไม่ติดท็อปทรีกันต่อไป
โค้ชอ๊อต เตรียมทีมมาอย่างดีที่สุดจากเดิมที่เคยเป็นคนใจร้อนมาก แต่หลังจากกลับมาคุมทีมชาติอีกรอบช่วงปลายปี 2008 เขาใจเย็นลงมาก และแน่นอน โค้ชอ๊อตมั่นใจในศักยภาพของเด็กๆทุกคน รายการนี้ 7 เซียนอยู่ครบ
เกมแรกไทยเจอรัสเซีย แพ้ขาดลอย 3-0 ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์
แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นในเกมที่ 2 การเจอกับเซอร์เบียที่เป็นต่อมโหฬาร แต่เป็นไทยที่เล่นได้สุดยอดมากๆ อรอุมา สิทธิรักษ์ ทำแต้มคนเดียว 33 คะแนน ทุกลูกที่เธอตบเซอร์เบียที่สูงใหญ่รับไม่อยู่เลย ขณะที่ลูกเสิร์ฟก็เฉียบขาด ปลื้มจิตร์, นุสรา และ มลิกา ทำเอซไปได้คนละ 3 หน
ไทยพลิกล็อกเอาชนะเซอร์เบียด้วยเวลา 72 นาที ชนะขาดลอย 25-19, 25-17 และ 25-20 เป็นเกมคนละคลาสไปเลย
ทีมชาติไทยกลับมามีลุ้นอีกครั้ง การเอาชนะตัวเต็งอย่างเซอร์เบียได้ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนก็ตกใจ แต่ทว่าอีกสองวันต่อมา ไทยไม่สามารถรักษาโมเมนตั้มของตัวเองได้ แพ้ญี่ปุ่นไปขาดลอย 3-0 เซ็ต
เกมนัดที่ 4 ไทยเจอกับทีมที่แพ้มารวดทุกเกม ไต้หวัน ซึ่งด้วยศักยภาพที่เหนือกว่า ไทยชนะไม่ยากอยู่แล้ว ไทยกดไป 3-0 เซ็ต
เกมนัดที่ 5 ไทยเจอรองบ๊วย เปรู ซึ่งก็แพ้มาเกือบทุกเกม (ชนะไต้หวันทีมเดียว) ซึ่งไทยตอนนี้มั่นใจแล้ว เอาชนะเปรูไปได้ 3-0 แต่ก็เหมือนเดิมคือพอมาเจอทีมจากเอเชียแบบเกาหลีใต้ในเกมที่ 6 ไทยแพ้ยับ 3-0
เกมที่จะชี้เป็นชี้ตายที่สุด คือเกมเจอคิวบา ในนัดที่ 7 ถ้าไทยชนะมีโอกาสเข้ารอบสูง แต่ถ้าแพ้ก็แน่นอน ตกรอบ
"คิวบาหมดลุ้นไปแล้ว ต่อให้ชนะเราเขาก็ไม่เข้า แต่นี่คือคิวบาทีมระดับท็อปเท็นของโลก แล้วเรายังไม่เคยชนะคิวบาได้มาก่อน" โค้ชอ๊อตเล่า "แต่ตอนนั้นเราพร้อมเต็มที่แล้ว ผู้เล่นทุกคนมีความมั่นใจถึงขีดสุด เราย้ำกันเองตลอดว่าเราทำได้ เราทำได้"
"เราเล่นมา 6 เกม ร่างกายพวกเราสะบักสะบอมมาก แต่พอเกมเริ่มกับคิวบา เราก็อดทน โค้ชอ๊อตบอกให้สู้เราก็สู้ แล้วยิ่งพอตอนแข่ง เพื่อนๆก็ให้กำลังใจกันเอง ทุกคนกัดฟันและเราไม่ยอมแพ้คิวบา" กิฟท์- วิลาวัณย์เล่า
เกมนั้นสาวไทย ก็สร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ เมื่อโค่นคิวบาได้ครั้งแรกตั้งแต่มีสมาคมวอลเลย์บอลเป็นต้นมา โดยเอาชนะไป 3-1 เซ็ต ซึ่งแมตช์นี้ กิฟท์-วิลาวัณย์ ขุดแล้วขุดอีก ขุดไป 8 หน เยอะที่สุดในสนาม ขณะที่นุสรา ก็ท็อปฟอร์มเหลือเกิน เซ็ตเข้าเป้าไป 85 ครั้ง เท่ากับทั้งทีมคิวบารวมกัน
หลังจากคว้าชัยชนะทุกคนดีใจอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่โค้ชอ๊อตเองก็สะใจเก็บอารมณ์ไม่อยู่ "ความฝันของผมตั้งแต่เป็นนักกีฬาแล้ว คืออยากไปโอลิมปิกให้ได้ แต่พอเราเล่นแล้วเราฝีมือไปไม่ถึงจุดนั้น เราก็หวังว่าจะพาเด็กๆไปโอลิมปิกก็ยังดี สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการพาทีมชาติไปโอลิมปิกแล้ว มันสำคัญที่สุด"
"ไทยแข่งคู่แรกตอน 11 โมงเช้า เราก็ดีใจกันแล้ว ผมให้เงินน้องๆไปซื้อของกินมาเลย เราทุกคนจะมารอดูเกมนัดสุดท้ายเวลา 1 ทุ่ม ที่ญี่ปุ่นจะเจอกับเซอร์เบีย ด้วยความสัตย์จริง ผมว่าไทยเข้ารอบแน่ ในใจคิดไปไกลข้ามช็อตแล้ว ไม่ได้เผื่อใจกับความผิดหวังเลย
สถานการณ์ตอนนี้ พลิกกลับตาลปัตร เมื่อไทยมี 12 แต้มกุมความได้เปรียบมหาศาล
รัสเซียกับเกาหลีใต้ลอยลำไปสองทีมแล้ว เหลือโควต้าอีก 2 ทีม ซึ่งไทยพอชนะคิวบาได้ปั๊บก็มีโอกาสดีมากจริงๆ
อันดับ 3 - ไทย / แข่ง 7 นัด มี 12 แต้ม ลูกได้เสีย +2 เซ็ต
อันดับ 4 - เซอร์เบีย / แข่ง 6 นัด มี 12 แต้ม ลูกได้เสีย +5 เซ็ต
อันดับ 5 - ญี่ปุ่น / แข่ง 6 นัด มี 11 แต้ม ลูกได้เสีย +5 เซ็ต
ในกีฬาวอลเลย์บอลมีความเป็นไปได้ 6 อย่าง ซึ่งถ้าผลลัพธ์ออกมา 5 จาก 6 ข้อนี้ ไทยจะเข้าไปเล่นโอลิมปิก
ญี่ปุ่น ชนะ เซอร์เบีย 3-0 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)
ญี่ปุ่น ชนะ เซอร์เบีย 3-1 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)
ญี่ปุ่น ชนะ เซอร์เบีย 3-2 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)
เซอร์เบีย ชนะ ญี่ปุ่น 3-0 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)
เซอร์เบีย ชนะ ญี่ปุ่น 3-1 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)
เซอร์เบีย ชนะ ญี่ปุ่น 3-2 เซ็ต (ไทยตกรอบ)
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว คือ 83.4% (ได้ไป) กับ 16.6% (ไม่ได้ไป)
โอกาส 1 ใน 6 ลองคิดดูว่าในกล่องมีลูกบอล 6 ลูก การจะดวงดีจับลูกสีลูกเดียวในนั้นมันยากแค่ไหน โดยโค้ชอ๊อตบอกว่า สำหรับเขาคือ "99.99%" มันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสกอร์ 3-2 แต่ว่าเอาจริงๆ มันคงไม่แจ๊กพอตแตกขนาดนั้น
โค้ชอ็อตบอกว่านาทีนั้นญี่ปุ่นคืออันดับ 3 ของโลกแถมเล่นในบ้านอีก โอกาสที่จะเอาชนะเซอร์เบียไม่ใช่เรื่องยากเกินไปเลย และคือเงื่อนไขชนะกี่เซ็ตก็ได้ เขามั่นใจว่าญี่ปุ่นจะทำได้
ในคืนนั้น นักกีฬาไทย รวมตัวกันในห้องที่โรงแรม เพื่อดูเกมญี่ปุ่นกับเซอร์เบีย ทุกคนเตรียมฉลองชัยพร้อมกันแล้ว
แต่ก่อนเกมจะเริ่ม คิม คู่แข่งจากเกาหลีใต้ที่เข้ารอบไปแล้ว เดินมาหาที่ห้อง แล้วคุยกับนุสรา และพูดเป็นนัยๆแปลกว่าๆ ให้เผื่อใจไว้บ้าง "เพื่อนเกาหลีเขามาพูดทำนองว่า ถึงไทยชนะคิวบาได้ แต่ก็อาจไม่ได้ไปโอลิมปิกนะ ซึ่งเราก็เริ่มเอะใจ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร" นุสราเผยเหตุการณ์
เกมการแข่งเริ่ม นี่เป็นเกมที่ทุกคนจับตาทั่วโลก เซตแรก ญี่ปุ่นชนะ 25-18 ไม่มีอะไรยาก แต่มาเซ็ตสองญี่ปุ่นเริ่มหลุด แพ้ไป 21-25 แต่มาเซ็ต 3 ญี่ปุ่นคัมแบ็กได้และเอาชนะไปอีก 25-19
ญี่ปุ่นได้แล้ว 2 เซ็ต แปลว่าพวกเขาการันตีเข้าโอลิมปิก 100% โดยไม่ต้องสนใจอีกสองเซ็ตที่เหลือ แต่แน่นอน ไทยยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นไม่ได้ เพราะนั่นแปลว่าไทยจะตกรอบ
ญี่ปุ่นนำเซอร์เบียมาแบบสบายๆ 15-12 ตามด้วย 19-16 คือโอกาสเข้าป้ายสูงมาก แต่อยู่ๆญี่ปุ่นก็ช็อตไปเลย แล้วเซอร์เบียมาจากไหนไม่รู้รัวทำแต้ม เอาชนะไป 25-21 คือญี่ปุ่นจากทรงดีๆ ฟอร์มหายไปเลย และเสียถึง 7 แต้มติดต่อกัน โดยไม่มีการขอเวลานอก หรือเปลี่ยนตัวแม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่ลูกที่เสียก็เสิร์ฟออกบ้าง รับลูกตบที่ไม่แรงไม่อยู่บ้าง ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นลางไม่ดีของทีมชาติไทย
ในเซตสุดท้าย ซึ่งจะเป็นเซ็ตตัดสิน ถ้าญี่ปุ่นเล่นเต็มที่ เอาชนะเซอร์เบียร์ได้ เอาชนะ 3-2 เซ็ต ได้จะจับมือควงญี่ปุ่นเข้าโอลิมปิกแล้วเขี่ยเซอร์เบียตกรอบ
แต่ญี่ปุ่นยังเล่นผิดพลาดเยอะเกินไป มีการขาตายไม่มีใครพุ่งรับลูกหยอดแม้แต่คนเดียว มีการเสิร์ฟออกอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายญี่ปุ่นแพ้ไปอย่างรวดเร็ว ด้วยสกอร์ 15-9 ในเวลาแค่ 12 นาทีเท่านั้น และมันแปลว่าโอกาสแค่ 16.6% ที่ไทยจะตกรอบ กลับเกิดกับเราซะอย่างนั้น
บรรยากาศในห้องพักที่โรงแรม เต็มไปด้วยน้ำตา นักกีฬาร้องไห้ทุกคน มันเหมือนจะถึงเส้นชัยอยู่แล้ว แต่กลับโดนกระชากลงหลุมแบบไม่ทันตั้งตัว
"เราไม่คิดเลยจริงๆ ผมพูดอะไรไม่ออก" โค้ชอ๊อตเล่า "ผมอาจเป็นคนเดียวในวันนั้นที่ไม่ร้องไห้ คือน้ำตามันไม่ไหล มันเสียใจในอก เสียใจที่เราทำดีที่สุดแล้ว ไม่รู้จะทำดีกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไปโอลิมปิก"
"เราไม่มีคำไหนๆจะปลอบใจน้องๆได้ ผมก็ทำได้แค่ ยื่นเงินให้น้องๆ แล้วบอกว่าเอาไปซื้ออะไรกินกันนะคืนนี้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันจะผ่านไป"
วรรณา บัวแก้ว คนที่อยู่กับโค้ชอ๊อตมาตั้งแต่ปี 1997 ร้องไห้อย่างหนัก เธอร้องไห้และกอดทั้งเพื่อน และนักข่าวที่ไปทำข่าวในวันนั้น คนที่โดนลูกตบอัดหน้าเต็มๆตอนซ้อมยังไม่ร้อง แต่คราวนี้ร้องไห้แบบไม่อายใคร
ทุกคนร้องไห้กันระงม และตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับญี่ปุ่นกันแน่
"ตอนแมตช์ไทยเจอญี่ปุ่น ขนาดลูกที่เราคิดว่าตีดีที่สุดเขายังรับได้ ทั้งหยอดทั้งตบ ญี่ปุ่นเก็บรายละเอียดแทบไม่มีที่ติเลย แต่พอมาเจอเซอร์เบีย ญี่ปุ่นเหมือนเล่นปล่อยบอลไปเฉยเลย" วิลาวัณย์กล่าวด้วยความเสียใจ
"ตอนเริ่มวอลเลย์บอลใหม่ๆ หน่องยึดญี่ปุ่นเป็นไอดอล ทั้งวินัยและระเบียบการเล่น คือเป็นต้นแบบของตัวเองเลย แต่พอมาแมตช์นี้ คือหน่องรู้สึกเจ็บใจ เพราะไม่คิดว่าทีมไอดอลของตัวเองจะทำแบบนี้" ปลื้มจิตร์เล่า "ปกติตอนแข่งเสร็จวันรุ่งขึ้น เจอกันที่ห้องอาหาร ก็ต้องทักทายกันแต่นักกีฬาญี่ปุ่นเอง พอแพ้เซอร์เบียก็ก้มหน้าก้มตาไม่ทักทายเราเหมือนทุกที"
นักกีฬาทีมอื่นๆ เดินมาหาผู้เล่นไทยที่ห้องพัก และเข้ามาปลอบประโลมที่พลาดการไปโอลิมปิก ไม่มีคำพูดใดๆทำให้พวกเธอรู้สึกดีขึ้นได้
ขณะที่แฟนกีฬาชาวไทย ก็เปิดหน้าด่าญี่ปุ่นเต็มที่ว่าไร้สปิริต แฟนวอลเลย์ไทยไม่โกรธที่แพ้เซอร์เบีย แต่โกรธที่ไม่รักษามาตรฐานความเป็นมืออาชีพ และพอเข้ารอบไปแล้วก็เหมือนจะปล่อยเกมให้เซอร์เบียปิดบัญชีไปเลย
แต่โค้ชญี่ปุ่นมานาเบะ มาซาโยชิ ก็บอกว่าเรื่องสปิริตเป็นสิ่งที่คนคิดกันไปเอง ญี่ปุ่นมีอาการอ่อนล้าจากการแข่งมาหลายเกมติดกัน และไม่แปลกที่จะมาแผ่วในช่วงท้าย
คำพูดบอกว่าญี่ปุ่น ฮั้วกับเซอร์เบีย จึงไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้น และเรื่องนี้ก็ได้ฝากความเจ็บแค้นให้กับแฟนวอลเลย์บอลไทย ที่มีต่อญี่ปุ่นนานจนถึงปัจจุบัน
สุดท้ายแล้วโค้ชอ๊อตได้กล่าวประโยคปลอบใจ และกระตุ้นทุกคนว่า "เราต้องพัฒนาตัวเอง ไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ" เป็นการบอกตัวเองว่า ในอนาคตจะต้องทำผลงานให้ดีด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
ตัดกลับมาที่ปักกิ่ง ผมถามโค้ชอ๊อตว่า การพลาดโอลิมปิก 2012 กับ 2016 อันไหนเสียใจกว่า
โค้ชอ๊อตตอบว่า เสียใจกว่าคือ 2012 แต่โมโหกว่าคือ 2016 ซึ่งก็ควรเป็นแบบนั้น เพราะเมื่อพลาดโอลิมปิกที่ริโอโค้ชอ๊อตขอยุติบทบาทการทำหน้าที่โค้ชของตัวเองทันที และตัดสินใจย้ายไปปักกิ่ง เพื่อใช้ชีวิตกับเฝิง คุน อดีตตัวเซ็ตทีมชาติจีน
สำหรับแฟนวอลเลย์บอลไทย แน่นอนต้องเจ็บปวดที่เราไม่สามารถผ่านเข้าสู่โอลิมปิก 2020 ที่โตเกียวได้ ทั้งๆที่ขอแค่ชนะเกาหลีใต้ในบ้านเท่านั้น แต่เราก็ไม่สามารถทำได้ เท่ากับว่าความฝันยังเป็นความฝันต่อไป
อย่างไรก็ตาม แฟนกีฬาไทยมี "ภูมิคุ้มกัน" ที่ดีเยี่ยมจากความเจ็บปวดในปี 2012 ที่หาคำอธิบายไม่ได้ รวมถึงในปี 2016 ที่ก็หาคำอธิบายไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อมาแพ้เกาหลีใต้ แบบอธิบายได้ คือเขาเหนือกว่าเราจริงๆ มันก็เลยโอเค อยู่ในวิสัยที่รับได้
ช่องว่างปี 2012 กับ 2020 ต่างกัน 8 ปี นั่นแปลว่าต่อจากนี้ไป ทีมชาติไทยจะได้เวลาถ่ายเลือดใหม่อย่างเต็มตัวแล้ว 7 เซียน ที่เหลือ 6 และ 5 ก็จะยุติบทบาทการคัดโอลิมปิกไว้เพียงแค่นี้ เท่ากับว่าปี 2024 โอลิมปิกที่ปารีส จะเป็นโอกาสของเจเนเรชั่นใหม่ครบทุกตำแหน่ง
อยากบอกว่าความพ่ายแพ้ และไปไม่ถึงฝั่งฝัน ไม่ใช่เครื่องลดทอน ความยอดเยี่ยมของนักกีฬาทีมชาติลง
แพ้ชนะ เกิดขึ้นได้เสมอ มันมีสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมมากมาย
แพ้แล้วก็จบ กองเชียร์ก็เชียร์ต่อ นักกีฬารุ่นใหม่ก็แบกรับความฝันจากรุ่นพี่ต่อ
และในอนาคต สักวันที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ถ้าไม่ถอดใจไปก่อน เราจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจแน่นอน
#Volleyball
- 23
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
