19 ม.ค. 2020 เวลา 14:10 • ธุรกิจ
บิทคอยน์ คือ Safe Haven ตัวต่อไปจริงหรือ..??
ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน นอกจากที่เราได้ยินว่าราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว
4
ยังมีอีกสินทรัพย์หนึ่งที่ปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาทองคำเช่นเดียวกัน ทำให้คนบางกลุ่มมองว่าสินทรัพย์นั้นจะเป็น Safe Haven ตัวต่อไปเหมือนทองคำ
1
ซึ่งสินทรัพย์นั้นก็คือ "บิทคอยน์" และมีคนนิยามมันว่า Digital Gold
ที่มา : Bloomberg
ปัจจุบันคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Commodity Futures Trading Commission, CFTC) มองว่า บิทคอยน์ (Bitcoin) นั้นจัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์
5
โดย Bitcoin นั้นมีข้อดีตรงที่เป็น Store-of-value หรือสินทรัพย์ที่เอาไว้รักษามูลค่าสำหรับการ Hedge ต่อตลาดการเงินอื่นๆ
หรือเรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์กับหุ้นและค่าเงินดอลลาร์ที่ต่ำ จุดนี้เองจึงทำให้ Bitcoin มีภาพที่คล้ายกับทองคำมากในมุมของการลงทุน
1
แต่ถึงอย่างไรจุดอ่อนของ Bitcoin ก็คือความผันผวนจากการเก็งกำไรและการไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ทำให้บิทคอยน์ยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้างเหมือนทองคำในปัจจุบัน
ที่มา : Statista
ซึ่งการกำเนิดของ Libra ดูเหมือนว่าจะแก้จุดอ่อนตรงนี้ได้ เพราะ Libra นั้นถูกออกแบบมาให้มูลค่าคงที่ และมีความโปร่งใสจากรายชื่อผู้ร่วมก่อตั้งมากกว่า Bitcoin ในระดับหนึ่ง
และที่สำคัญการที่ Facebook ตัดสินใจเอาเงิน สกุลอื่นของหลายๆประเทศมาค้ำประกันมูลค่าของ Libra นั้นเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มาก
เพราะจะทำให้ความผันผวนน้อยกว่า Bitcoin และเหมาะสำหรับการเป็นตัวกลางในการชำระสินค้าและบริการมากกว่า ที่เรียกว่า Stablecoin
ที่มา : Libra
แต่ถ้าเราพิจารณามุมของการ Hedging สำหรับการลงทุนแล้ว Libra นั้นมีการเอาเงินมาค้ำประกันไว้ (asset backed) จึงมีความสัมพันธ์กับสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์มากกว่า Bitcion
จุดนี้เองทำให้ผมมองว่า Libra เองก็ไม่ใช่สินทรัพย์ประเภท Commodity เหมือนกับทองคำ และ Bitcoin เช่นเดียวกัน
2
ขณะที่จีนก็ไม่น้อยหน้าในที่สุดประเทศจีนก็แสดงความพร้อมที่จะเปิดตัว หยวนดิจิตอล อย่างเต็มตัวในรูปแบบของสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลาง (CBDC) ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯเจ้าของสกุลเงินอย่าง “ดอลลาร์” ยังลังเลที่จะเข้าสู่สนามนี้
ที่มา : Bloomberg
หากเป็นเช่นนั้นจริง ทางฝั่งเงินหยวนของจีนอาจกุมความได้เปรียบไปก่อน แถมยังมีแพลตฟอร์มที่พร้อมจะรองรับหยวนดิจิตอลอย่างเต็มที่ผ่านเครือข่ายของ Alipay หรือ WeChat ที่มีผู้ใช้งานกว่าพันล้านราย
1
โดยรูปแบบที่จีนใช้จะเป็นเงินดิจิตอลแบบปิดหรือ Private Blockchain กล่าวคืออยู่บนคนละแพลตฟอร์มกับ Public Blockchain ที่บิทคอยน์และเงินดิจิตอลอื่นๆใช้งานอยู่
ซึ่งจะคล้ายกับสกุลเงิน Libra ที่พัฒนาขึ้นโดย Facebook โดยมีคุณสมบัตินำไปใช้จ่ายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแทนเงิน Fiat Currency แบบดั้งเดิม
1
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Facebook ได้กล่าวกับกรรมาธิการด้านการเงินของสภาครองเกรส ในโอกาสที่เข้าชี้แจงถึงการเปิดตัวสกุลเงิน Libra ว่าสหรัฐฯจำเป็นต้องส่งเสริมให้ Libra เกิดขึ้นเพื่อให้เงินดอลลาร์และสหรัฐฯยังคงความเป็นผู้นำทางการเงินของโลกและแข่งขันกับจีนได้
ที่มา : Facebook
“สกุลเงิน Libra มีสัดส่วนของเงินดอลลาร์อยู่ถึง 50% สหรัฐฯต้องสร้างนวัตรกรรมใหม่ๆทางการเงินเพื่อที่จะแข่งขันกับจีนและคู่แข่งอื่นๆได้
อนาคต 6 ใน 10 ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลกอาจจะเป็นของจีนก็เป็นได้”  นี่คือประโยคที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวไว้กับสภาครองเกรสสหรัฐฯ
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็น Bitcoin , Libra , Yuan digital currency หรือ cryptocurrency อื่นๆ เราก็ควรจะศึกษาเรื่องเหล่านี้เอาไว้บ้าง เพราะอีกไม่นานการเปลี่ยนถ่ายจาก “โลกการเงินแบบเก่า” ไปเป็น “โลกการเงินแบบใหม่” นับวันจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา : Bloomberg
ถ้าชอบ กด like & share  และอย่าลืม กดติดตาม เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ : )
ข้อมูลเพิ่มเติม :
โฆษณา