17 ม.ค. 2020 เวลา 23:00 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตพระ
ตอนที่ ๔๙ ปฐมเหตุของการผูกเวร ๒
จะกล่าวถึง พ่อค้าเร่ที่ชื่อ นายเสรีวะ ใจดี ก็เดินเร่ขายเครื่องประดับในเส้นทางของตัวเองจนทั่ว แต่ของก็ยังไม่หมด เหลืออีกตั้งครึ่ง
ประจวบเหมาะกับนายเสรีวะ ใจดำ ก็เดินเร่ขายเครื่องประดับในเส้นทางของตัวเองจนทั่ว และ ของก็ยังไม่หมดเหมือนกัน ทั้งสองจึงแลกทางกันเดินโดยอัตโนมัติ
นายเสรีวะ ใจดี ก็เดินเข้าไปในถนนเส้นทาง ที่เป็นที่อยู่ของบ้านสองยายหลาน
ถึงคราวสองยายหลานจะพ้นจากความยากลำบากด้วย รวมกับอานุภาพของบุญในตัวของ นายเสรีวะ ใจดี จะได้สมบัติใหญ่ด้วย จึงบันดาลให้หลานสาวตัวเล็ก เมื่อเห็นบุคลิกของนายเสรีวะ ใจดี เท่านั้น ก็นึกชมชอบขึ้นมาทันที จึงบอกกับยายว่า
“ยายจ๋า พ่อค้าคนนี้ดูท่าทางใจดี เราลองเอาถาดไปแลกเครื่องประดับกับพ่อค้าคนนี้ดีไหมจ๊ะ ยาย” หลานสาวถามความเห็น แต่ความจริงคือขอร้องให้ยายทำอย่างนั้น
“หลานรักของยายเอ๋ย พ่อค้าคนที่แล้วก็โยนถาดเราลงพื้นไปแล้ว หลานจะให้ยายเอาถาดใบนี้ให้พ่อค้าคนนี้อีกหรือ” ยายบอกกับหลาน
“พ่อค้าคนนี้ ดูท่าทางใจดีจริงๆ นะจ๊ะ ยายจ๋า นะจ๊ะยาย นะ นะ” หลานอ้อนยาย
ยายแสนจะสงสารหลานรัก จึงทำตามที่หลานอ้อน
“ท่านพ่อค้าผู้เจริญ ถาดใบนี้ของฉัน พอจะแลกเครื่องประดับอะไรสักช้ินของท่านได้ไหมจ๊ะ” ยายถามแล้วก็ยื่นถาดใบนั้นให้ นายเสรีวะ ใจดี ด้วยใจที่เต้นตึกตัก ตึกตัก “จะถูกเหวี่ยงถาดอีกไหมนะนี่ ???”
1
นายเสรีวะ ใจดี จับถาดใบนั้นมาดู ก็พบว่ามันหนักผิดปกติ จึงพลิกเพื่อต้องการสำรวจ แล้วก็เห็น เส้นทอง ที่นายเสรีวะ ใจดำ ได้ขีดไว้แล้วก่อนหน้านี้
ธรรมดาของผู้ที่มีบุญบารมีน้อย กิเลสจะบังคับได้ง่าย ส่วนผู้มีบารมีมาก กิเลสจะบังคับได้ยาก
ด้วยบารมีที่สั่งสมมา ๒๐ อสงไขยกัป กับอีก ๙๙,๙๙๕ กัป อีกแค่ ๕ กัป ก็จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว กิเลสตระกูลโลภะ ไม่อาจจะบังคับนายเสรีวะ ใจดี ผู้เป็นบรมโพธิสัตว์ได้
ผิดกับนายเสรีวะ ใจดำ ซึ่งมีบารมีแค่ ๒ อสงไขยกัป เท่านั้น กิเลสตระกูลโลภะจึงบังคับได้ง่ายกว่า (หมายเหตุ…)
(หมายเหตุ ศึกษาเรื่องระยะเวลาการสร้างบารมี เป็นกัป เป็นอสงไขย ของทั้งสองได้ในตอนที่ ๔๖)
พ่อค้า เสรีวะ ใจดี จึงไม่มีความคิดที่จะ “เอาเปรียบ” เลยแม้แต่สักนิด ได้บอกกับยายว่า
1
“ยายจ๊ะ ถาดนี้เป็นถาดทองคำ มีราคาตั้งแสน เงินกับเครื่องประดับของฉันทั้งหมด ไม่พอกับราคาของถาดใบนี้หรอก ยายเอาคืนไปเถอะจ้ะ”
สองยายหลาน ได้ยินอย่างนั้นก็หันหน้ามามองกันด้วยความงุนงงสักพัก ยายก็รู้ทันทีว่า เราถูกนายเสรีวะ ใจดำ หลอกเสียแล้ว จึงพูดกับนายเสรีวะ ใจดี ว่า
“พ่อค้าผู้เจริญ ก่อนหน้านี้มีพ่อค้าคนหนึ่งมาดูถาดใบนี้แล้วบอกว่ามันไม่มีราคาค่างวดอะไร แล้วก็เหวี่ยงมันทิ้งไป ส่วนท่านบอกว่าถาดใบนี้เป็นถาดทองคำ ก็แสดงว่าถาดทองคำนี้เป็นทองคำได้เพราะเกิดจากบุญของท่าน ท่านรับถาดทองคำนี้ไปเถอะนะ จะให้ทรัพย์เราเท่าไหร่ก็แล้วแต่ท่านเถิด” ยายบอกกับนายเสรีวะ ใจดี
“ตอนนี้ทั้งตัวฉันมีเงินอยู่ ๕๐๐ กหาปนะ มีเครื่องประดับราคาอีก ๕๐๐ กหาปนะ ฉันให้ยายหมดเลย ขอแค่เงิน ๘ กหาปนะ เป็นค่าจ้างข้ามฟาก กับคันชั่งอันนี้ก็พอ” ว่าแล้วนายเสรีวะ ใจดี ก็ทำตามที่พูด ซึ่งตลอดเวลาที่สนทนากัน นายเสรีวะ ใจดี ไม่มีความคิดเอาเปรียบเลยแม้แต่สักนิด
นายเสรีวะ ใจดี คงจะรู้ว่า พ่อค้าที่ยายคนนี้บอกคือใคร และพอจะคาดการณ์ได้ว่า จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น จึงรีบเดินทางกลับ จ้างเรือข้ามฟากไปในทันที
ส่วนนายเสรีวะ ใจดำ ขณะที่เท้ากับปากเดินขายของในเส้นทางของนายเสรีวะ ใจดี แต่ใจนั้นคิดถึงถาดทองคำตลอดเวลา เมื่อเดินจนทั่วแล้ว จึงย้อนกลับไปที่บ้านของสองยายหลาน … เห็นประตูบ้านปิดจึงเอามือเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก …
แอ๊ดดดด.. เสียงเปิดประตู นายเสรีวะ ใจดำ เห็นยายผู้เปิดประตูอยู่ภายในบ้าน ก็พูดว่า
“นี่แน่ะ ฉันจะให้ทรัพย์ท่านสักเล็กน้อย เอาถาดใบนั้นมาให้ฉันเถอะ” นายเสรีวะ ใจดำ บอกกับยายคนนั้นพร้อมกับความหวังเต็มเปี่ยม … จบตอนที่ ๔๙

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา