17 ม.ค. 2020 เวลา 10:58 • ประวัติศาสตร์
“หวยๆๆๆ” เกิดก่อนเราและจะยังอยู่อีกนาน
“ความหวัง” เป็นสิ่งที่สำคัญของชีวิต ความหวังเป็นเครื่องมือเยียวยาความรู้สึกของหัวใจ ความหวังทำให้เรารู้ว่ายังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ความหวังคือจิตวิญญาณของมนุษย์ เมือมีหวังต้องมี “สมหวัง” และ “ผิดหวัง” เป็นของคู่กัน
ตื่นเช้ามาวันนี้ ผมเต็มเปี่ยมด้วยความหมายแห่งชีวิต หวังว่าชีวิตจะพบสิ่งดีๆที่ฝันเห็นเมื่อคืน แต่สุดท้าย 16.00 น. ความหวังก็พังทลายลงมาเหมือนทุกๆ งวด ไม่เป็นไร งวดหน้ามีอีกสู้ไป ยังก็ไม่สิ้นหวัง “ชีวิตต้องมีความหวัง” อย่างน้อยๆทุกๆ 1 และ 16 ของทุกเดือน คือความหวังของผม
“หวย” มีที่มาจากการพนันของจีน เกิดขึ้นราว พ.ศ.2375 โดยช่วงแรกๆยังไม่ได้รับความนิยมมากนักเล่นกันในวงแคบเฉพาะกลุ่มคนจีนที่อพยพเข้ามา เรียกกันว่า “ฮวยเหว” เกิดจาก 2 คำคือ”ฮวย” แปลว่า “ดอกไม้” และ “เหว” แปลว่า “รวม” ที่เรียกเช่นนี้เพราะแต่เดิมวิธีพนันใช้เขียนตัวหวยเป็นรูปดอกไม้ ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็นเขียนชื่อคนโบราณ โดยทำเป็นป้ายเล็กๆ จำนวน 34 ป้าย เขียนป้ายละชื่อ เช่น สามหวย ง่วยโป๊ เจียมกวย หะตั๋ง เม่งจู ฯลฯ แล้วเจ้ามือก็จะเลือกป้ายชื่อ 1 อัน ใส่กระบอกไม้ ปิดปากกระบอกแขวนไว้กับหลังคาโรงหวย ผู้แทงที่ทายถูกว่าเป็นชื่อผู้ใดจะได้รับเงินรางวัลเจ้ามือจ่าย 30 ต่อ 1 คนไทยได้นำวิธีเล่นหวยของจีนมาปรับโดยใช้ตัวอักษรไทย เรียกว่า “หวย ก-ข” โดยมีโรงหวยเป็นของรัฐ และมีเอกชนเป็นผู้ได้รับสัมปทานดำเนินการ มีการออกรางวัลทุกวันทั้งเช้าและเย็น ทั้งนี้มีนายอากรหวย รู้จักกันในนาม “เจ้ามือหวย” โดยรายได้จากอากรหวยนั้นถือเป็นรายได้ที่สำคัญของรัฐบาลในเวลานั้น
1
หวย ก.ข.
ต่อมามีความนิยมในการเล่นหวยมากเกินที่รัฐจะจัดให้เล่นได้ จึงเกิดการลักลอบเล่นโดยไม่ได้รับอนุญาตเกิดเป็น “หวยเถื่อน” เป็นการมอบเมาประชาชนและยากต่อการควบคุม จึงได้ยกเลิก เมื่อ พ.ศ.2458
เมื่อ “หวย ก-ข” ถูกยกเลิกไป ช่วงแรกรัฐบาลได้ออกสลากกินแบ่งเป็นครั้งคราว เพื่อหารายได้เข้ารัฐ และเพื่อบำรุงสาธารณกุศล เรียกว่า “หวยรัฐบาล” เช่น “ลอตเตอรี่เสือป่า” เพื่อหารายได้สนับสนุนกิจการลูกเสือไทยได้พิมพ์สลากขาย 1 ล้านฉบับๆละ 1 บาทฯลฯ
ลอตเตอรี่เสือป่า เพื่อหารายได้สนับสนุนกิจการลูกเสือไทย
ต่อมา พ.ศ.2476 มีการออกสลากรัฐบาลเป็นประจำเพื่อหารายได้เข้ารัฐ โดยจำหน่าย 1 ล้านฉบับๆละ 1 บาท ปีละ 4 งวด
2
ในปี พ.ศ. 2482 เริ่มออกสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างจริงจัง และวันที่ 5 เมษายน 2482 ถือเป็นวันสถาปนาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจนปัจจุบัน และได้พัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งปี พ.ศ. 2517 ได้มีการออกพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้น กำหนดให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นนิติบุคคล และเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง
แต่ด้วยเหตุที่สลากกินแบ่งมีราคาแพงไม่ตอบโจทย์คนหาเช้ากินค่ำ อีกทั้งผู้ซื้อไม่สามารถเลือกตัวเลขได้ตามต้องการ จึงได้มีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารับเป็นเจ้ามือแทงหวยเสียเอง โดยอิงผลการออกสลากของรัฐ เดือนละ 2 งวด เกิดเป็น “หวยใต้ดิน” เนื่องจากเป็นหวยที่แอบซื้อขายกันโดยไม่เปิดเผย เพราะผิดกฎหมายและมีการจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกิดความเสียหายแก่ประเทศจำนวนมาก
สลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2482
พ.ศ.2546 รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลเจ้ามือหวยใต้ดิน แต่ประชาชนยังนิยมการแทงหวยใต้ดินอย่างเหนียวแน่น กองสลากฯจึงรับเป็นเจ้ามือเสียเอง เรียกว่า “หวยบนดิน” เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2546 ถึง 16 พ.ย. 2549 รวม 80 งวด
ประเภทของ “หวนบนดิน” ออกแบ่งเป็น
– สลากชนิดราคา 20 บาท
– สลากชนิดราคา 50 บาท
– สลากชนิดราคา 100 บาท
1
หวยบนดิน จำหน่าย พ.ศ.2546-2549 จำนวน 80 งวด
พ.ศ.2549 หลังการยึดอำนาจของ คมช. ได้ประกาศยกเลิกหวยบนดิน และต่อมาศาลได้มีคำตัดสินว่าการดำเนินการเรื่อง “หวยบนดิน” ผิดกฎหมาย จึงเป็นการสิ้นสุด “หวยบนดิน” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
สถิติที่สำคัญเกี่ยวกับ “หวย”
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นำเงินส่งรายได้แผ่นดินร้อยละ 23 จากรายได้การขายสลากกินแบ่งรัฐบาล จากข้อมูล พ.ศ.2560 สำนักงานสลากฯ นำส่งรายได้แผ่นดิน 30,947.72 ล้านบาท คนไทยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 21.434 ล้านคน เฉลี่ย 9 งวดต่อปี
พ.ศ.2561 พบว่าร้อยละ 25 ของคนไทยซื้อลอตเตอรี่และหวยใต้ดิน รวมเป็นเงินกว่า 250,000 ล้านบาทต่อปี และในปี 2552 ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ระบุว่ารายจ่ายในการซื้อลอตเตอรี่และหวยใต้ดิน ของคนไทยอยู่ที่ 340 บาท/เดือน หรือคิดเป็น 2.1% ต่อรายได้ทั้งหมด เมื่อเทียบกับ พ.ศ.2560 ที่เศรษฐกิจไทยฟื้น รายจ่ายในด้านนี้อยู่ที่ 452 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็น 2.1% ต่อรายได้ทั้งหมด
พ.ศ.2560 กลุ่มคนที่มีรายได้สูงกว่า 15,000 บาทต่อเดือน มีการซื้อลอตเตอรี่และหวยเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 680 บาท คิดเป็น 1.2% ของรายได้ ขณะที่กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ซื้อเฉลี่ย 350 บาท คิดเป็น 2.2% ของรายได้ สำหรับกลุ่มคนวัยสร้างครอบครัว (อายุ 35-55 ปี) ซื้อเฉลี่ยเดือนละ 500 บาท และวัยเกษียณที่เฉลี่ยต่อเดือนราว 400 บาท จากสถิตินี้ยังพบว่าร้อยละ 10 ของนักเรียนและนักศึกษาซื้อหวยต่อเดือนเฉลี่ยประมาณ 187 บาท
รู้หรือไม่ว่า???
หวยแดก...พูดเบาๆก็เจ็บ
แต่พี่ไม่เข็ด...เพราะเลขเด็ดมันยังมี
สุขสันต์วันหวยออกครับ
โฆษณา