18 ม.ค. 2020 เวลา 01:48 • ปรัชญา
"เก่ง..ไม่กลัว แต่กลัวช้า"
💞💞💞*´¯`❀ ✿ .✿◕‿◕✿
มีคำถามว่า...จะทำเช่นไรให้ได้เปรียบในการดำรงอยู่..ภายใต้สถานการณ์ของยุคที่มีเปลี่ยนแปลงรวดเร็วราวติดจรวด..เช่นนี้
ถ้าจะว่าไปแล้วคำตอบที่ตรงและเรียบง่ายที่สุดก็คือ.การทำตัวเราให้มีความคล่องตัวอย่างปราดเปรียว ด้วยการฝึกฝนตัวเราให้มีความรวดเร็วที่ทันสมัยและทันสถานการณ์มากยิ่งขึ้น...เท่านั้นเอง
แต่การสร้างความความรวดเร็วของคนเรานั้น...ไม่ใช่เรื่องของการวิ่งสู้ฟัดอย่างเดียวเท่านั้น..ยังต้องมีความนิ่งอย่างมีสติ ด้วยเช่นกัน
เพราะโลกใบนี้ไม่ได้จบลงที่ใครจะเป็นผู้ชนะใครและใครจะแพ้ใครแค่นั้น..มีอะไรที่มากไปกว่านั้น
หากย้อนยุคไปในอดีต เราจะเห็นถึงการมีคนอยู่รอดหรือถูกทอดทิ้ง..ซึ่งมีผลกระทบมาจากผลของการเปลี่ยนแปลงเสมอ...
บางทีการสูญพันธุ์ของเหล่าฝูงสัตว์สมัยดึกดำบรรพ์ก็คงเป็นเช่นนี้เอง
ดังนั้นสิ่งที่คนเราสามารถทำได้ก็คือ...
การเลือกสร้างและวางตัวให้อยู่ในตำแหน่ง"ที่เหนือกว่าการแข่งขัน"ใดๆ ดูจะมีความสำคัญมากยิ่งกว่า ..มัวมาแก่งแย่งชิงชังและชิงชัยกัน
มีเรื่องเล่าว่ามีชายสองคนมักจะประลองฝีเท้าวิ่งแข่งขัน..เพื่อจะชิงกันเป็นจ้าวความเร็ว
ในที่สุดก็มีคนหนึ่งชนะเพื่อนเสมอ เพราะวิ่งได้รวดเร็วกว่าทุกครั้ง
วันหนึ่งทั้งสองไปเดินในป่าซาฟารี ไปเผชิญหน้ากับพญาเสือเจ้าป่าที่กำลังหาอาหารเข้า พอดี
ในจังหวะเสี้ยวนาทีของชีวิต ที่เจ้าพญาเสือกำลังจ้องหาจังหวะวางกลยุทธ์เข้าจู่โจมเหยื่ออันโอชะทั้งสองที่หมายปอง
ด้วยความตกใจกลัวตกเป็นเหยื่อ..ชายคนที่แพ้เพื่อนเป็นประจำมองเห็นเสือก่อน จึงบอกเพื่อนว่าพวกเราคงต้องวิ่งกันสุดชีวิตกันละคราวนี้
ส่วนเพื่อนก็บอกว่าไม่เป็นไร ให้นายวิ่งไปก่อนได้เลย เราต่อให้ ยังไงเราก็วิ่งแซงนายได้อยู่ดีเพราะเราชนะนายมาตลอดอยู่แล้ว
เพราะข้าจะขอผูกเชือกรองเท้าให้ดูดีสักหน่อยก่อน..
วินาทีนั้น..เจ้าพญาเสือได้เริ่มกระบวนการจู่โจม..ด้วยการสปิ้นท์วิ่งเข้าหามาด้วยความเร็วที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย
ชายคนที่แพ้ประจำ..มองเห็นและดูท่าไม่ดีแล้วก็ไม่รอช้าเผ่นเต็มฝีเท้าทันที โดยไม่รออีกแล้ว คิดแต่เพียงว่า"วิ่งให้รอดให้ได้"ก็พอ
ส่วนชายยอดแชมป์ตลอดกาล..ก็ใจเย็นด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง ว่าเดี๋ยวก็ตามทัน เพราะเคยชนะการแข่งขันกันมาตลอด
โดยชะล่าใจว่า..ครั้งนี้ไม่ใช่การแข่งขันกันอีกแล้ว..สถานการณ์ไม่เหมือนเดิม"RUN OR DIE"
คงไม่ต้องให้เล่าว่าสุดท้ายผลจะเป็นเช่นไร
ว่าใครคือเหยื่ออันโอชะ..
เพราะคราวนี้..เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการแข่งขันเช่นเดิมๆอีก คือความอยู่รอดมากกว่า..
ดังนั้นสิ่งที่คนเราสามารถทำได้ก็คือ...
ชีวิตคนเรานั้น จึงควรเริ่มต้นที่ไม่ต้องคิดแข่งขันกับใครอีก แต่ต้องแข่งกับตนเองเพราะในสถานการณ์เช่นนี้เพียงเตรียมตนเองให้พร้อม..ในมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้นและให้ดียิ่งขึ้น
โดยสิ่งมีจำเป็นที่ต้องสร้างขีดความสามารถในตนคือ"ความรวดเร็วที่ปราดเปรียวอย่างปราชญ์เปรื่อง" ซึ่งที่สำคัญมีอย่างน้อย3มิติเรียกว่า"..Speed of 3T" ดังนี้คือ
@Thought..(ความปราดเปรียวทางความคิด)
คือการย่นระยะเวลาความคิดที่มีอยู่ให้สามารถนำมาใช้จริงๆให้เร็วขึ้น ไม่คิดแล้วคิดอีก วนไปเวียนมาจนมากเกินไป
ที่สำคัญควรมีความคิดอ่านที่เป็นคำตอบและคำอธิบายได้เสมอ สำหรับสิ่งต่างๆคือรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรเพื่ออะไรนั่นเอง
และต้องเปลี่ยนความคิดที่คอยนั่งเฝ้ารอรับ..คำสั่งก่อน เช่นเดิมๆอีกต่อไปไม่ได้ แต่ต้องสามารถคิดเองได้ ด้วยการเรียนรู้ยืนหยัดได้ บนจุดยืนของตนเอง
จึงจะสามารถสร้างความปราดเปรียวในการปรับได้ทันทุกสถานการณ์ด้วยตนเอง
@Take action..(ความปราดเปรียวในการลงมือทำ)
คือการมีความพร้อมตื่นตัวอยู่เสมอ และสามารถเริ่มต้นลงมือทำได้ทันที..โดยมิรอช้า
ในยุคที่จะทำได้เท่าทัน จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อใจคนเราคลายความสงสัยและลดความกังวลที่กลัวความผิดพลาด ออกไปเมื่อต้องทำ
เพราะเมื่อคนเราเริ่มต้น คำว่าความพร้อมจะเริ่มทยอยก่อร่างได้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างมีการพัฒนาต่อยอดให้ดีกว่าเดิมไปได้เอง
ยิ่งทำยิ่งคล่องในการปรับตัว จนตามทันทุกการเปลี่ยนแปลง
@Trust..(ความปราดเปรียวในการไว้วางใจกัน)
คือการมีความสามารถในการสร้างความน่าเชื่อถือไว้วางใจในความเชี่ยวชาญของตน
ในยุคสมัยข้างหน้านี้ ไม่ได้ดูกันแค่คุณวุฒิหรือวัยวุฒิกันเป็นหลักอีกต่อไป แต่ดูที่ฝีมือในการขับเคลื่อนทีม
ทั้งนี้เพราะการสร้างความรวดเร็วให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง จะเกิดขึ้นได้หากคนเราให้การยอมรับและเชื่อถือไว้วางใจกันและกันมากเพียงใดก็เท่ากับเพิ่มความรวดเร็วให้สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ใหญ่กว่าและทันยุค
แต่ที่ใดมองความข้ามความรู้สึกของคนที่อยู่ร่วมกันไป หรือที่นั่นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง มีความหวาดระแวง ชิงดีชิงเด่นกันเอง
ที่นั่นก็ยิ่งยากแท้ที่จะพาผู้คนไปได้ทันยุคอนาคตได้
ดังนั้นพึงระลึกว่า..เมื่อคนเราสามารถสร้างความพร้อมให้เกิด ความรวดเร็วที่คล่องแคล่วได้ทั้งสามมิติดังได้กล่าวมาแล้วนี้ ย่อมมีความสามารถก้าวข้ามเหนือการแข่งขัน
และมีความพร้อมเผชิญสิ่งคุกคามของการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ กล่าวคือไม่ใช่ แค่มีความคิดดี แต่ต้องลงมือให้ทันเวลา บนความพร้อมอกพร้อมใจจากผู้คนด้วย
ตนเราจะยืนอยู่ในสถานะของความได้เปรียบมากยิ่งขึ้นกว่าและดีกว่าเสมอ
 
ขอเพียง..เริ่มต้นทันที เพราะต่อให้คนเรา"เก่งแค่ไหนก็ตาม.แต่ถ้าช้าเกินไป..ก็ไปไม่รอด"
ดังนั้น..วันนี้..จึงเข้าตำรา"เก่งไม่กลัว...แต่กลัวช้า" เพราะแค่เก่งนั้นคงไม่พอ..แต่ต้องทั้งเก่ง..ทั้งเร็วด้วย"จึงจะทันยุคทันการเปลี่ยนผ่าน" LL&L
✿◕‿◕✿
โฆษณา