18 ม.ค. 2020 เวลา 05:30 • ไลฟ์สไตล์
โจรขโมยเวลาของคุณคืออะไร?
มีใครที่วางแผนเวลาแล้วไม่เคยพลาดเลยบ้าง?
คนที่สามารถทำตามแพลนเวลาได้เป๊ะพี่เจนขอชื่นชมเลยค่ะ
คุณสุดยอดมากๆ เพราะการทำได้แบบนี้ต้องอาศัยวินัยเป็นอย่างมาก
มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อการใช้เวลาของชีวิตตัวเอง
แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่วางแผนแล้ว มักไม่เป็นตามแผนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขอให้คุณรู้เลยว่า คุณไม่ได้เป็นคนเดียว
เราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ตั้งใจพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
การมีความตั้งใจเช่นนี้น่าชื่นชมมากๆเช่นกัน
ปีนี้พี่เจนเองตั้งใจจะโฟกัสการพัฒนาตัวเอง
ในเรื่องการจัดการเวลาชีวิต
เพราะเห็นว่าเป็นข้อหนึ่ง ที่จะทำให้ความตั้งใจของปีนี้บรรลุผล
คือการใช้ขีวิตอย่างมีความสุข และลงตัวในรูปแบบของเราเอง
การวางแผนเวลาไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ตราบเท่าที่เรายังไม่เห็นว่าโจรขโมยเวลาของเราคืออะไร
เราจะยังมีความหงุดหงิดหัวเสีย ท้อ โทษตัวเอง โทษคนอื่น ฯลฯ
เวลาเราหลุดแผน ทำตามแผนไม่ได้ เมื่อมีอะไรมาแทรกแซง
การจะสร้างผลลัพธ์ให้เกิด ต้องอาศัยการแยกแยะมากๆ
การจับโจรขโมยเวลา เป็นการแยกแยะหนึ่งที่เวิร์คมาก
ทำให้เห็นภาพรวมของการใช้เวลาในชีวิต
อะไรบ้างที่เรียกร้องเวลาจากเราอยู่ทุกวัน
เมื่อคุณลงมือเขียน mind map สิ่งหนึ่งที่คุณจะชัดเจนคือ
มีอะไรบ้างที่เรียกร้องเวลาจากเราอยู่ทุกวัน
และจากตรงนี้จะ show up ให้เห็นโจรขโมยเวลาตัวจริงของคุณ
คำถามที่จะทำให้คุณได้เห็นตรงนั้นคือ
#เราให้ความสำคัญด้านเวลากับสิ่งใดบ้าง ?
#และเวลาส่วนใหญ่ของเราหมดไปกับสิ่งใด?
ส่วนของพี่เจนเอง การทำ mind map
ทำให้เห็นภาพรวมของเวลาตัวเองมีทั้งหมด 8 ด้าน แต่พี่เจนให้ความสำคัญและโฟกัสมีเพียงแค่ 2 ด้าน คือ การสร้างตัวตน และอาชีพการงาน ดังนั้น เมื่อไรที่ต้องโดนเรียกร้องเวลาจากบทบาทอื่นๆ จึงหงุดหงิด เพราะมันปรากฏว่าความตั้งใจถูกขัดขวาง ซึ่งทั้งที่จริงแล้วมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเราที่ต้องจัดการ
ความเวิร์คของการทำ mind map สำหรับพี่เจนคือ
ได้เห็นภาพรวมของเวลาชีวิต ได้เห็นโจรขโมยเวลา และที่สำคัญคือ มันโล่ง! เพราะสิ่งที่อยู่ในหัว ได้ถูกนำออกมา หัวจะโล่ง และความหงุดหงิดหายไปทันทีเกือบ 100%
ความหงุดหงิดจริงๆ อาจจะมาแค่จาก เรื่องราวในหัวเยอะเกินไป
และเราไม่ได้นำมันออกมา…เมื่อเราเห็นสิ่งที่ต้องจัดการอยู่ข้างหน้าแล้ว ที่เหลือคือการวางแผนและลงมือทำ
การแยกแยะหนึ่งที่ทำให้เราเห็นว่าเราถูกอะไรใช้งานอยู่
ไม่ว่าเราจะลงมือทำหรือไม่ทำมัน คือ เสียงที่ดังในหัว (จะแบ่งปันเรื่องนี้ในคราวต่อไป)
เพราะถ้าคุณสังเกตจริงๆ ทุกครั้งเวลาที่มีคำพูดนี้เกิดขึ้นในใจ เช่น เดี๋ยวค่อยทำ ช่างเถอะ ขี้เกียจอ่ะ พร่ำบ่นบ้าง
การกระทำของคุณจะสอดคล้องกับเสียงในหัวไหม? มันก็จะตามนั้น
เช่นบอกว่า พร้อมแล้วค่อยทำ คำถามคือ มันจะเกิดไหม?
ก็จะรอจนพร้อม แต่บางทีรอมาเป็นสิบปี
บางคนอาจจะพูดคำนี้มาทั้งชีวิต ก็ไม่เคยเห็นว่าพร้อมสักที
เพราะจริงๆความพร้อมไม่เคยมีในโลก
แต่มันไม่ใช่เป็นเรื่องผิดที่เราจะบอกตัวเองแบบนั้น
พี่เจนตั้งใจจะส่งต่อให้คุณเห็นว่า
อะไรบางอย่างขวางการ take action ของคุณอยู่ก็เท่านั้นเอง
เมื่อเราเห็นอะไรที่ขวาง เราจะข้ามมันได้หรือไม่อยู่ที่
เราเลือกจะปล่อยวางอะไรบางอย่างแล้วข้ามมันไปไหม?
หรือจะเฉยๆอยู่ใน comfort zone แบบเดิมก็ไม่มีอะไรผิด
มันแค่ไม่มีผลลัพธ์ใหม่ๆ และชีวิตก็เป็นแบบเดิม
ส่วนในเรื่องการวางแผนลงตารางเวลาของวันนั้น
โดยส่วนใหญ่คนเรามักจะคิดว่า
เรามีเวลามากกว่าเวลาที่มีอยู่จริงเสมอ
ดังนั้น เราควรวางแผนที่เราปฏิบัติได้จริง
และวางแผนการใช้เวลาแค่ 60% เท่านั้น ที่เหลือคือสำหรับสถานการณ์บางอย่างที่เข้ามาเฉพาะหน้า
และเราจำเป็นต้องจัดการเร่งด่วน
หากมีเวลาเหลือ ถือเป็นของขวัญ
ที่เราจะมีเวลาชิลล์หรือทำอะไรอื่นๆได้มากขึ้น
จงจำไว้ว่า
ถ้าเราไม่วางแผนจะจัดการอะไรเลย
สิ่งนั้นจะกลับมาจัดการเราเอง
เราจะเป็นคนกำหนดโลก
หรือให้โลกมากำหนดเรา?
โฆษณา