19 ม.ค. 2020 เวลา 01:12 • ความคิดเห็น
ประเด็นขุดคอคอดกระ .....
เป็นเรื่องที่เกินกำลังสมองเคทมากพอสมควร เท่าที่คิดเรื่องนี้มาตลอด เคทยังประเมิน ผลลัพธ์ ได้ - เสีย เชิงเศรษฐศาสตร์ ไม่ออกเลยค่ะ
สิ่งที่ยากคือ การประเมินถึงความเสียหายทางทรัพยากรธรรมชาติ เพราะผลกระทบเรื่องนี้มันมีลักษณะเป็นไดนามิก การสูญเสีย หรือ ผลกระทบในช่วงแรก เราอาจจะยังพอประเมินได้ แต่ระยะยาวแล้ว เป็นเรื่องยากมากค่ะ
ยกตัวอย่างง่ายๆ
เช่น ตอนที่เรายังไม่มีพลาสติก ไม่มีรถยนตร์ ไม่มีใครบอกได้ว่า เราจะเจอกับ อะไรในวันนี้ เรื่องที่ดีในวันนั้น กลายเป็นวาระปัญหาของโลกในยุคปัจจุบัน
การประเมินเรื่องพวกนี้ยากเกินกำลังพอสมควรค่ะ
แต่ จากที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระดับนึง สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ กรณี The Beach ภายในระยะเวลาไม่ถึง 20 ปี ได้สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างใหญ่หลวงเลยค่ะ สุดท้ายก็ต้องปิดอ่าวฟื้นฟูกันถึง 2 ปี (และเม็ดเงินที่ได้มาก็นำกลับไปฟื้นฟู)
แน่นอนแหละว่า มันทำเงินให้เรามหาศาลมาก เฉพาะรายได้และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ เกาะพีพี ก็สร้าง gdp ให้ประเทศเกือบๆ 7% ของรายได้ทั้งหมด
เช่นกันกับ การขุดคลองคอดกระ แน่นอนว่าจะสร้างเม็ดเงินให้ไทยมหาศาลมากๆ ปีนึงๆคงไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้าน เป็นอย่างน้อย ลำพังเราขุดใช้เองก็จะช่วยประหยัดงบประมาณในการขนส่งไปได้มากโขอยู่ค่ะ (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านเป็นอย่างน้อย )
ถ้างบประมาณโครงการอยู่ที่ 6 แสนล้าน โอกาสที่จะคืนทุนก็จะอยู่ที่ราวๆ 40-50 ปีเป็นอย่างน้อย
ความเจริญต่างๆจากการลงทุนจะเข้าไปพัฒนาชุมชนและสร้างรายได้อย่างมหาศาล เกิดเงินหมุนเวียนในระบบได้หลายรอบ
ความเจริญต่างๆจะเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่เราสามารถสร้างการแข่งขันให้เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งจุดนี้ไม่ง่ายแน่นอน เพราะกรณีของมาบตาพุดก็แสดงให้เห็นแล้วว่า รายได้กระจุกแค่กลุ่มทุน ส่วนชาวบ้านแทบไม่ได้อะไรเลย ส่วนการแข่งกับสิงคโปร์ที่มีความพร้อมมากๆ ในด้านราคา ความคุ้มค่าต่างๆ เป็นโจทย์ที่หินสุดๆ
และสุดท้ายประเด็นที่น่าห่วงก็อย่างที่บอกไปค่ะ เรื่องทรัพยากรและระบบนิเวศ ไม่ว่าจะประมง หรือ พื้นที่ป่าไม้ และมลพิษที่จะเกิด คือ สิ่งที่ต้องประเมินกันให้ดี และต้องมีการจัดสรรงบประมาณแบ่งเข้าไปดูแลและฟื้นฟูในส่วนนี้อย่างเต็มที่
ใครมีความเห็นอะไร เชิญอภิปรายเพิ่มเติมได้นะคะ
มิ้วๆ
โฆษณา