19 ม.ค. 2020 เวลา 06:09 • กีฬา
พวกเขาเป็นใคร? : เปิดตำนาน “รถแห่ลิเวอร์พูล” จากสถานที่จริง - บุคคลจริง
ขึ้นชื่อว่าเป็นกระแสบนโลกโซเชียลนั้น ก็มักจะผ่านมาไว และจากไปเร็วเสมอ ต่อให้ไวรัลที่ดังแค่ไหน สุดท้ายวันหนึ่งอาจไม่มีใครพูดถึงมันอีก
แต่กับ ภาพขบวนรถแห่ปริศนา ที่มีชายไทยกลุ่มคนหนึ่ง แต่งกายในชุดแข่งลิเวอร์พูล ยืนอยู่บนรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง โดยมีป้ายผ้าสีขาวติดด้านหน้า พร้อมข้อความที่ว่า “เรา คือ แชมป์ 2014” ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่อยู่เหนือกาลเวลา
แม้เวลาผ่านมากว่า 5 ปี นับตั้งแต่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกมาทางอินเตอร์เนต แต่บ่อยครั้งที่ผลการแข่งขันทีม ลิเวอร์พูล ไม่เป็นใจ เรายังคงเห็นภาพๆ นี้ อยู่ในคอมเมนท์ หรือ ถูกแชร์ต่อกัน จนกลายเป็น มีม (Meme) ที่แฟนบอลหลายคน ต้องมีติดเครื่องโทรศัพท์ไว้
ความน่าสนใจอาจอยู่ตรงที่ พวกเขาเก็บตัวลึกลับ ไม่เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อไหนเลย และนับจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า สรุปแล้ว คนกลุ่มนี้คือใครกันแน่? และมีแรงจูงใจอะไรให้พวกเขาลุกขึ้นมาทำขบวนรถแห่ลิเวอร์พูล เจ้าแรกในเมืองไทย
เราเริ่มพยายามติดต่อสอบถาม และตามคนกลุ่มนี้ มาตั้งแต่ช่วงประมาณ เดือนเมษายน จนได้เบาะแส ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ รวมถึงคำยืนยันว่า บรรดาบุคคลที่ปรากฎในภาพจริง ยินดีให้ Main Stand เข้าไปสัมภาษณ์
นั่นทำให้เราตัดสินใจเดินทางมายังจังหวัดปัตตานี โดยได้รับความช่วยเหลือจาก คุณอ๊อฟ - ธาดาพงษ์ สำเภาศรี เจ้าหน้าที่วิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และน้องลี - ซุลกิฟลี มะสารี นักศึกษาฯ ที่อาสาขับรถยนต์พาผู้เขียน จากอำเภอเมือง มุ่งหน้าสู่ อำเภอกะพ้อ
ตลอดระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร ผู้เขียนสัมผัสได้ถึงความตึงเครียด และเชื่อว่าคนในพื้นที่ คงได้แต่ภาวนาให้สันติสุขเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะคงไม่มีใคร อยากใช้ชีวิตอยู่กับสถานการณ์เช่นนี้
สิ่งที่ผู้เขียนได้ยินมาจากคนในพื้นที่ ทุกคนแทบจะพูดเหมือนกันหมดว่า เหตุการณ์ความไม่สงบ มักเกิดขึ้นในชนบท
พื้นที่เรากำลังไปนั้น เป็นพื้นที่สีแดง มีด่านความมั่นคงถี่ยิบ คุณสามารถมองเห็นเกาะบังเกอร์ รั้วลวดหนาม และกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ตรวจตราเข้มข้นกว่าในเมืองหลายเท่า พูดง่ายๆ คือ ทุกๆ 1 กิโลเมตร เราเจอด่านความมั่นคง
แต่ความรู้สึกตื่นเต้นกลับมีมากกว่าความกลัว เมื่อรถยนต์ขับเข้าใกล้ที่นัดหมาย เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า แหล่งข่าวที่เราไม่เคยเจอหน้าและรู้จักเป็นการส่วนตัวกลุ่มนี้ จะสะดวกใจคุยกับเรามากแค่ไหน และพวกเขาจะใช่ตัวจริงที่เราตามหาหรือไม่ ในหัวผู้เขียนเต็มไปด้วยคำถามมากมายจริงๆ
“พวกเราก็ตื่นเต้นเช่นกัน ที่คุณมาหาเรา” เสียงจากชายร่างรูปสูงใหญ่คนหนึ่ง สวมชุดแข่งลิเวอร์พูล ศีรษะโล้น บอกกับผู้เขียน ทันทีที่เรามาถึงที่ทำการผู้ใหญ่บ้านฯ สถานที่ใช้เป็นทั้งที่ที่ประชุม และนัดรวมพลกันมาดูถ่ายทอดสดฟุตบอล
ใช้เวลามองไม่นานจากประโยคเปิดคำทักทาย เราก็จำได้ว่า ชายคนนี้ คือ คนที่แต่งตัวเป็น มามาดู ซาโก เหลือบไปอีกนิด เราเห็นผู้ชายเสื้อขาวนุ่งโสร่งท่าทางเหมือนกับคนขับรถแห่ในภาพนั้น
นั่นทำให้ผู้เขียนตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกำลังจะสนทนากับ กลุ่มบุคคลในตำนานตัวจริง เสียงจริง ในสถานที่จริง
โชเล่ และถ้วยแชมป์ของแม่
“จริงๆ งานวันนั้นไม่ใช่การจัดขึ้นเพื่อแห่ฉลองลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ แต่เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งในขบวนแห่งานกีฬาภายในหมู่บ้าน ที่แต่ละปีจะคิดธีมแตกต่างกันไป” แบแม - อับดุลเราะห์มาน เจะเด็ง ชายผู้แต่งกายเลียนแบบ มามาดู ซาโก กล่าวเริ่มกับเรา
“ไอเดียนี้มาจากคนนี้ (ชี้มือไปทางชายเสื้อน้ำเงิน) ไม่รู้เขาคิดยังไง คงเพราะช่วงนั้นลิเวอร์พูล ฟอร์มกำลังดี เราคิดว่าปีนั้นน่าจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแน่ๆ เขาก็เสนอให้ทำขบวนฉลองแชมป์ล่วงหน้าซะเลย เพราะพวกเราก็เชียร์ลิเวอร์พูลอยู่แล้ว”
ย้อนกลับไปเมื่อปลายเดือนเมษายน 2014 ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างเต็มตัว เนื่องจากชนะรวดมา 11 นัดติดต่อกัน แถมยังมีคะแนนนำหน้า เชลซี 5 คะแนน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6 แต้ม ขณะที่โปรแกรมการแข่งขันเหลือ 3 นัดเท่านั้น
ช่วงเวลาเดียวกัน ที่บ้านกำปงปารู หมู่ 3 ตำบลกะรุบี อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี มีการจัดแข่งขันกีฬาภายในหมู่บ้าน และเป็นประจำทุกปี ชาวบ้านจะเข้ามามีส่วนร่วม ด้วยการจัดขบวนแห่ของตัวเองตามใจชอบ ขึ้นอยู่กับใครอยากแต่งตัวเป็นอะไร
ตอนนั้นเอง อุสมาน กานี หรือ “แบมัง” ชาวบ้านคนหนึ่ง ได้ผุดไอเดีย ที่ทำขบวนรถแห่ เขาจึงชักชวนสาวกเดอะ ค็อป ในหมู่บ้าน ที่ปกติมักนัดหมายกันมาดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลทุกนัดที่ ลิเวอร์พูลแข่งขัน ภายในที่ทำการผู้ใหญ่บ้านฯ อยู่แล้ว ใช้เวลาเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ขบวนรถแห่ลิเวอร์พูล ก็พร้อมอวดโฉมสู่สายตาเพื่อนบ้าน
“โชเล่คันนี้ (คำที่คนท้องถิ่นเรียกรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง) เป็นรถของผมเอง ผมประกอบอาชีพเลี้ยงวัว ก็ใช้รถขนของทำงานเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป ที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ทำสวนยาง ทำนา พอพี่ๆ เขามาชวนไปทำรถแห่ลิเวอร์พูล ผมก็โอเค เอาด้วย” มะอัซฮา ดิง โชเฟอร์ขับรถที่บอกกับเราว่า เขาแต่งตัวเป็น เบรนแดน รอดเจอร์ส ผู้จัดการทีมหงส์แดง (ณ เวลาดังกล่าว) ในวันนั้น กล่าว
พร็อพต่างๆ ถูกนำมาตกแต่งรถโชเล่ ทีละเล็กทีละน้อย ไม่ว่าจะเป็นป้ายผ้า, ไม้แกะสลักรูปนก ที่แต่งแต้มข้อความว่า “ลิเวอร์พูล” จนดูขบวนแห่เริ่มเป็นรูปร่าง
ทว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่ขาดอยู่ในขบวน นั่นคือ “ถ้วยแชมป์” ที่จะใช้แห่ในวันนั้น แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไปหาถ้วยนั้นมาได้สำเร็จ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าถ้วยใบนี้ แท้จริงเป็นถ้วยรางวัลเกี่ยวกับอะไร ?
“ถ้วยเป็นนั้นของแม่ผมเองครับ ท่านได้มาตอนที่ไปแข่งอ่านกอรี (คัมภีร์อัลกุรอาน) ระดับภาคใต้ ประเภทหญิง เมื่อปี พ.ศ. 2552 ก็ยืมของท่านมาใช้ก่อนครับ” แบวัง - อาหมัดฮัสวัน ตะโละดิง ชายหนุ่มเสื้อสีเขียว ที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดในวันนั้น เผยเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้ม
เท่านั้นยังไม่พอ แบแม อับดุลเราะห์มาน ก็เปิดเผยเบื้องหลังการแต่งกายว่า “วันนั้นผมจะแต่งตัวเป็น มามาดู ซาโก เพราะผมชอบนักเตะที่ไม่ค่อยเหมือนใคร เพิ่งโกนหัวมาด้วย แต่ว่ายังขาดผมตรงกลาง ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยไปตัดพรมที่วางอยู่กับพื้น มาแปะบนหัวเป็นซาโก”
“ส่วน แบมะ (หมะ แนหะ) เขาชอบ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็เอาหมอนมายัดตรงก้น เพราะสเตอร์ลิง เขาจะก้นงอนๆ หน่อย ก็ทำเอาสนุกอย่างเดียว อยากสร้างสีสัน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นกระแส”
เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น ?
ผู้คน 200-300 คน และรถโชเล่มากมายหลายคัน ค่อยๆเคลื่อนไปตามถนนหน้ามัสยิด แต่มีคันหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร คันนั้น คือ รถแห่สาวกลิเวอร์พูล ที่เรียกรอยยิ้มให้ชาวบ้าน พร้อมๆกับเสียงตะโกนจากข้างทางว่า “แมนฯ ยู! แมนฯ ยู!”
“หมู่บ้านเราคนเชียร์ แมนฯ ยู เยอะกว่าลิเวอร์พูลครับ ถ้าวันไหนมีเกมแดงเดือด (ลิเวอร์พูล - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) คนจะเข้ามาดูกันเต็มที่ทำการฯ เลยครับ วันนั้นพวกแฟนแมนฯ ยู ก็ตะโกนแซวพวกเรา แต่ผมไม่สน ผมตะโกนสวนไปเลยว่า ‘ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์’ เพราะเรามั่นใจมาก” แบแม ผู้คอสเพลย์ มามาดู ซาโก เผย
2-3 วัน หลังขบวนแห่ ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมลงสนามพบกับ เชลซี แน่นอนไม่มีใครในกลุ่มนี้ เตรียมใจมาแพ้ แต่ผลการแข่งขันกลับไม่เป็นใจ เมื่อเชลซี บุกมาชนะ 0-2 โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญ คือ จังหวะการลื่นของ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมขวัญใจพวกเขา ส่งผลให้ เดมบา บา หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงประตูขึ้นนำ
“จริงๆ ปีนั้นทีมเราก็ดีนะครับ แต่เกมรับยังไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ ก่อนเจอเชลซี เราหวังเก็บอย่างน้อยสัก 1 คะแนนนะ แต่พอแพ้นัดนั้น ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราพลาดแชมป์ลีกไป” แบวัง อาหมัดฮัสวัน เล่าความรู้สึกและเหตุการณ์หลังจากนั้น
“พอวันรุ่งขึ้น รูปของเราเริ่มถูกส่งต่อเป็นกระแส ทีวีบางช่องเอาไปออกภาพกีฬามันๆ ผมคิดว่าคนที่เอาภาพนี้ลงอินเตอร์เนตคนแรก น่าจะเป็น กำนัน นะครับ ที่เป็นแฟนแมนฯ ยู ด้วย ตอนนั้นเราก็ตกใจเหมือนกันที่ภาพนี้ดังขึ้นมาเป็นกระแส”
“เคยคิดว่าจบฤดูกาลนี้ ก็คงจบกัน แต่มันไม่จบนะสิ ทุกวันนี้คนยังมีเอาภาพนี้ไปแชร์ต่อกันอยู่เลย บางทีผมเข้าไปอ่านข่าวลิเวอร์พูลในเพจกีฬา ก็ยังเจอคอมเมนท์เป็นภาพตัวเองเลย ที่ฮาสุด คือ ภาพตัดต่อเป็นปี๊ปคลุมหัว”
ภาพรถแห่ลิเวอร์พูล ที่ถูกถ่ายโดยสาวกปีศาจแดง กลายเป็น มีมสุดฮาในโลกออนไลน์ ส่วนหนึ่งเพราะช่วงเวลาที่ภาพนี้เริ่มเผยแพร่ เป็นช่วงที่ลิเวอร์พูล พลาดแชมป์อย่างน่าเสียดาย นั่นทำให้ทุกครั้งที่ ลิเวอร์พูล แพ้ หรือพลาดแชมป์ มีมรถแห่นี้ จะถูกนำมาแชร์ต่อกันอย่างสนุกสนาน
โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ความรู้สึกลึกๆ ของพวกเขา ที่ถูกนำเอาภาพขบวนแห่กีฬาในหมู่บ้าน มาล้อเป็นภาพตลก ขบขับ นานหลายปี เป็นอย่างไรบ้าง?
รถแห่ในตำนาน และความรักที่ไม่มีตาย
“เราทุกคนในภาพไม่เคยโกรธเลยนะ ที่มีคนเอาภาพเราไปส่งต่อกัน เราดีใจเสียอีกที่มีคนชอบ เพราะเราทำกันด้วยความสนุก ไม่ได้หวังเด่นดังอะไร ทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ”
“ถามว่าถ้าเราได้แชมป์ลีก เราจะกลับมาแห่อีกครั้งไหม ก็คงไม่! เพราะความรู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว ฟีลแบบนั้นเกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว แต่เราดีใจมากนะที่หลังจากนั้น มีคนแห่ถ้วยแชมป์ตามเราทั่วประเทศ” แบแม อับดุลเราะห์มาน กล่าว
รถแห่จากปัตตานี เมื่อ 5 ปี ก่อน กลายเป็นต้นแบบการเฉลิมฉลองแชมป์แบบไทยๆ ที่หลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศ นำมาจัดขึ้นหลังลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2018-19 แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้น จะไม่ได้รู้จักกับต้นตำรับรถแห่แห่งบ้านกำปงปารู เป็นการส่วนตัวก็ตาม
แต่ความรักในความเป็น ลิเวอร์พูล อาจเป็นสิ่งที่เชื่อมโยง ความรู้สึก ความผูกพัน ของแฟนคลับเข้าไว้ด้วยกัน อย่างที่มีคนกล่าวไว้ “คุณเปลี่ยนศาสนาได้ แต่คุณเปลี่ยนทีมเชียร์ไม่ได้ ก็คงต้องเชียร์จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง”
มูฮำหมัด เจะบู หนุ่มหน้าละอ่อนสุดในกลุ่มที่ปรากฏอยู่ในภาพ เผยกับเราว่า “ผมบอกไม่ได้เหมือนกันนะ ทำไมยังเชียร์ลิเวอร์พูลอยู่ แต่ก็เชียร์มาตั้งแต่เด็ก คงเปลี่ยนทีมเชียร์ไม่ได้แล้ว”
แบมัง อุสมาน เจ้าของไอเดียรถแห่ กล่าวต่อจากประโยคของ มูฮำหมัด “เอาไม้มาตีให้ตายก็เปลี่ยนทีมเชียร์ไม่ได้ ผมถามคุณหน่อย คุณเลิกเชียร์เอฟเวอร์ตันได้ไหมละ” เขาย้อนถามผู้เขียน ก่อนที่ แบวัง จะเสริมขึ้นมาว่า “ต่อให้เราไม่ได้แชมป์อีก 10-20 ปี เราก็ไม่เปลี่ยนใจจากลิเวอร์พูล”
ผู้เขียนอาจไม่เคยไปสัมผัสแฟนบอลท้องถิ่นของเมืองลิเวอร์พูลว่า เขามีความรักและภูมิใจในสโมสรมากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้จากแฟนเดอะ ค็อป บ้านกำปงปารู ก็คือ ความรักที่บริสุทธิ์ จากคนในพื้นที่สีแดง ที่มีให้กับทีมๆ หนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไกลคนละซีกโลก
พวกเขาอาจไม่ได้มีเงินซื้อเสื้อแข่งถูกลิขสิทธิ์ หรือสามารถบินไปดูถึงขอบสนาม พวกเขาอาจทำหน้าที่แฟนคลับได้ดีที่สุด คือ การติดตามทีมรักผ่านหน้าจอทีวีทุกนัดเท่านั้น แต่เขาก็ยังคงทำเช่นนั้น เสมอมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานสักแค่ไหนก็ตาม
“ผมเชียร์ทีมนี้มามากกว่า 40 ปี ลิเวอร์พูลสำหรับผม มันเกินคำว่ารักไปแล้วครับ” แบมะ - หมะ แนหะ ชายวัย 70 ปี ที่แต่งตัวเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง ทิ้งท้ายกับเราด้วยประโยคนี้
บทความโดย อลงกต เดือนคล้อย
โฆษณา