19 ม.ค. 2020 เวลา 07:44 • ความคิดเห็น
เทพเจ้าเตา และ ส่งเทพเจ้าขึ้นสวรรค์
ความเป็นมาของเทพเจ้าเตา
กาลครั้งกระโน้นนานมากแล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ซางเซ็ง เป็นมหาเศรษฐีที่ดินและเจ้าของปศุสัตว์ใหญ่โต มีภรรยาสาวสวยชื่อ โกวติงเซียง ทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุขมาเป็นเวลานาน กระทั่งซางเซ็งได้ นางสาวหลีไห่ตัง มาเป็นนางบำเรอและลุ่มหลง เขาจึงแยกทางกับโกวติงเซียง ภรรยาคนแรก และยกนางหลีไห่ดังขึ้นเป็นภรรยาแทน
แต่หลังจากอยู่กินกับภรรยาคนใหม่ได้เพียง 2 ปี ฐานะของซางเซ็งก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเพียงยาจกที่ไม่มีทรัพย์สินติดตัว เมื่อนางหลีไห่ตังเห็นว่า สามีที่ไปแย่งเขามาหมดเงินแล้ว นางก็หนีไปแต่งงานใหม่ ปล่อยให้ซางเซ็งกลายเป็นขอทานเร่ร่อนตามลำพัง
วันหนึ่งในฤดูหนาวที่อากาศเย็นจัด ซางเซ็งในสภาพซูบผอมและหิวโซ ได้เดินขอทานผ่านบ้านหลังหนึ่ง เมื่อคนใช้ในบ้านนั้นเห็นเข้าจึงเรียกเขาเข้าไปในบ้าน ก่อนจัดข้าวปลาอาหารมาเลี้ยง ซางเซ็งได้ถามถึงเจ้าของบ้านผู้เป็นนายจนทราบว่า เป็นหญิงมีอายุที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนยากจน แต่อยู่คนเดียวไม่มีครอบครัว เขาก็รู้สึกชื่นชมนางอยู่ในใจ
ซึ่งต่อมาเมื่อเขาได้พบเจ้าบ้านคนนั้น เขาก็จำได้ว่านางคือ โกวติงเซียง ภรรยาคนแรกของเขานั่นเอง ด้วยความสำนึกและละอาย จนไม่กล้าเผชิญหน้ากับนาง แต่ไม่รู้ว่าจะไปซ่อนที่ไหน เขาจึงตัดสินใจคลานเข้าไปในเตาไฟกระทั่งถูกเผาจนเสียชีวิต
เมื่อโกวติงเซียงพบว่า อดีตสามีกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว นางเกิดความเศร้าโศก หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ตายตามอดีตสามีไป เมื่อเง็กเซียนฮ่องเต้ทราบเรื่องดังกล่าว พระองค์ทรงชมเชยซางเซ็งในความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญของเขา ที่สำนึกต่อความผิด พระองค์จึงโปรดประทานให้เขาเป็นเทพเจ้าเตา ขณะเดียวกันผู้คนได้ให้ความเคารพโกวติง เซียงด้วย เนื่องจากนางเป็นผู้มีเมตตาธรรมสูงส่ง
และเมื่อเป็นเทพเจ้าเตาก็มีความศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเทพเจ้าเตารู้ถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ของคนในบ้านเป็นอย่างดี ว่าใครไปทำความดีความชั่วที่ไหนมาบ้าง ดังนั้นเทพเจ้าเตาจะนำพฤติการณ์ของคนในบ้านไปรายงานต่อเง็กเซียนฮ่องเต้บนสรวงสวรรค์ ซึ่งการที่เจ้าบ้านจะต้องทำพิธีไหว้เทพเจ้าเตานั้น ก็เพื่อให้เทพเจ้าเตาไปรายงานแต่ในสิ่งที่ดีงามของตนให้เง็กเซียนฮ่องเต้ทราบ.....
ความศักดิ์สิทธ์ของเทพเจ้าเตา มีเรื่องเล่าขานว่า เมื่อก่อน มีบัณฑิตชื่ออี้จู้ ตอนเด็กเป็นเด็กหัวดีฉลาดมาก แต่ใช้ความชอบในทางที่ผิด พอเข้าร่ำเรียนก็ไปคบเพื่อนรังแก ข่มขู่เด็กคนอื่น และทนงตนในความหัวดีของตน เมื่อมีเด็กเก่งกว่าย้ายมาเรียนก็แกล้งเขาจนต้องโทษ ต่อมาไปสอบแต่เพราะกรรมเลยสอบไม่ติด 7 ครั้ง 7 หนจึงกลับมาอาศัยความรู้เปิดโรงเรียน ทำตัวเป็นคนดีแต่หน้าชอบทำบุญโออวด โกงสารพัด จนประสบเคราะกรรม ลูกชายตายหายจาก
เหลือเพียงลูกสาวป่วยประสาทหวาดระแวงและภรรยาก็ตาบอดตาม
กงกรรม ที่สร้างไว้แต่ยังมีบุญอยู่บ้าง
เทพเจ้าเตาจึงได้มาสั่งสอนว่ากล่าวตักเตือน อีจู้สำนึกในความชั่วที่ตนได้กระทำมา วันร่งขึ้นซึ่งเป็นวันซิอึดวันตรุษจีน อีจู่จึงได้จุดธูปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิและได้ตั้งปณิธานต่อฟ้าดินว่าจะละเว้นการทำผิดเพื่อขจัดความคิดชั่ว เมื่อแรกเริ่มอีจู้ก็มักยังมีความคิด ฟุ้งช่าน บางครั่งก็สงสัย บางครั้งก็เกียจคร้าน
ทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกเหล่านี่ อีจู้จึงได้โขกศีรษะต่อหน้าพระ เพื่อเดือนใจในปณิธานของตนแจะเพื่อรักษากุศลจิตให้บริสุทธิ์ และมักจะย้อนมองส่องตนอยู่เสมอ มิให้คิดในสิ่งชั่วร้าย
ทุกเช้าค่ำเอ่ยพระนามพระโพธิสัตว์กวนอิมเพื่อขอพรพระโพธิสัตว์คุ้มครอง มิให้จิตชั่วร้ายเข้ามาในจิตใจของตน กระทำในสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ตอผู้อื่นและทำโดยความเต็มใจ โดยยึดหลักกฎแหงกรรมอีกทั้งยังชวนผู้อื่นกระทำความดี ด้วยเหตุนี้จิตใจของเขาจึงมีแต่จิตเมดตา
และกุศลจิตที่ดีงาม ด้ายจิตที่เป็นกุศล
ผลบุญต่างๆก็หลั่งไหลมาจิตใจก็สงบไม่ฟังฟ่านอีกต่อไป อี้จู้ปฏิบัติเช่นนี้ติดต่อกันนานสามปื
พอดีจางเจียงหลิงได้ขึ้นเป็นอัครเสนา บดี เมื่อทราบข่าวกิตดีศัพท์ของอี้จู้
ท่านสนาดีจึงได้เชิญอี้จู้มาเป็นครูให้แก่บุตรของตน และถายหลังก็สามารถ
สอบได้เป็น จิ๋นชือ
ต่อมาไม่นาน อี้จู้ได้พบกับบุตรของ
หยางเน่ยเจี๋ยน ซึ่งมีอายุย่างเข้า 16 ปี
ก็เกิดความรู้สึก กลับคล้ายคลับคลา
พอถามถึงบ้านเกิดก็รู้ว่าเป็นชาวเจียงอิ๋ว
เมื่อตอนเล็กได้พลัดหลงกับครอบครัว
แต่ยังพอจำชื่อแซ่และหมู่บ้านที่เกิดได้ อี้จู้จึงขอให้ถอดรองเท้าออกจึงพบไฝ
สองเม็ด จึงร้องขึ้นว่า ลูกพ่อ
หยางเน่ยเจี๋ยนเมื่อทราบเรื่องราว
จึงได้คืนบุตรให้แก่ อี้จู้
ภรรยาอี้จู้เมื่อได้ถูกชายคืนก็ดีใจ
จนน้ำตานองหน้า ฝ่ายบุตรชายเมื่อเห็นแม่บังเกิดเกล้า ก็ดีใจเข้าสวมกอดแล้วเข็ดน้ำตาให้แม่ดวงตาทั้งสองข้างของภรรยาก็มองเห็นเป็นปกติ ในบั้นปลายชีวิต อี้จู้ลาออกจากราขการได้รับรางวัลปูนบำเหน็จจากอัครเสนาบดีจางเจียงหลิงอย่างงาม ภายหลังบุตรชายของอี้จู้ ได้แต่งภรรยาและให้กำเนิดบุตรชาย 7 คนโตขึ้นย้งสอบได้เป็นบัณฑิดทุกคน
1
ส่วนอี้จู้อายุยืนยาวถึง 80 กว่าปีจึงได้อำลาจากโลกนี้ไป
ก่อนจากไปเขาได้เขียนหนังสือ
สอนลูกหลานเล่มหนึ่งมีชื่อว่า
"บันทึกการพบกับเทพเจ้าเตาไฟ"
และเป็นต้นฉบับของแนวทางแก้กรรม
วันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ ปี2563 (ซิ้งเจียที 神上天) 2019 ประเพณีสำคัญก่อนวันตรุษจีน
“วันไหว้ส่งเสด็จเทพเจ้าขึ้นสวรรค์”
ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2563
วันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “ซิ้งเจี่ยที” เป็นหนึ่งในประเพณีเก่าแก่ของจีน ซึ่งในปัจจุบันอาจไม่ค่อยได้พบเห็นกันเท่าใดนัก
ทั้งนี้เชื่อกันว่า วันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ เป็นวันที่เทพเจ้าของจีนจะเสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เพื่อไปรายงานความประพฤติของคนในโลกมนุษย์ให้เง็กเซียนฮ่องเต้ทราบ ซึ่ง "เทพเจ้า" ที่ว่านี้ เดิมทีหมายถึง "เทพเจ้าเตา" ซึ่งเป็นเจ้าที่สถิตอยู่กับเตาของบ้านนั้น
โดยส่วนใหญ่มักประกอบด้วยสิ่งของที่ใช้ในพิธีไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ ดังนี้
   - กระถางธูปบรรจุผงธูป
   - แพแดงและหางนกยูงใหม่
   - ธูป 3 หรือ 5 ดอก
   - แจกันใส่ดอกไม้สดหรือพวงมาลัย
   - กระทงใส่ค้อซี
   - ผลไม้ 5 อย่าง
   - น้ำชา 5 ถ้วย
   - เสื้อผ้าเทพเจ้า
โดยระหว่างทำพิธี เจ้าบ้านหรือผู้ไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ต้องกล่าวขอพร ดังนี้
     "ขอให้ท่านเทพเจ้าเดินทางไป-กลับโดยสวัสดิภาพ หากข้าพเจ้าทำผิดพลาดประการใด ขอท่านโปรดอภัย เมื่อกลับมาขอให้นำสิริมงคลมาสู่บ้าน"
โดยปกติแล้วก่อนจะถึงวันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ แต่ละบ้านมักจะทำความสะอาดอาคารบ้านเรือน รวมถึงศาลของเจ้าทุกองค์ที่บูชาอยู่ เพื่อเป็นการขจัดสิ่งไม่ดีออกจากบ้าน และหลังจากทำพิธีแล้ว ก็จะมีการนำเสื้อผ้าเทพเจ้าหรือกระดาษไหว้ต่าง ๆ ไปเผา โดยบางส่วนนิยมทำความสะอาดเรือนเทพเจ้า ตัวองค์เทพเจ้า และกระถางธูป หลังเสร็จพิธีอีกด้วยเป็นการต้อนรับสิ่งดีๆที่กำลังจะมาถึง
ในวัตรุษจีนเป็นความเชื่อที่สืบทอด
ต่อกันมาของชาวจีน....
ขออภัย เปื่อยร่างมาตั้งใจส่งก่อนวันหวยออก แต่กลับเลยยาวมาเลยวันแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนๆ ลงมาให้เพื่อนอ่านก็แล้วกัน
อ้างอิง เรื่องเทพเจ้าเตาไฟ มี 8 ตอน https://youtu.be/XBINjCOiSnI
โฆษณา