19 ม.ค. 2020 เวลา 10:14 • ความคิดเห็น
เรานี่มันตัวอิจฉาชัดๆ!!!
ปากสระอิ จิกตาใส่ อินเนอร์รว้ายๆต้องมา ว่าแต่คุณน่ะ แน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ใช่ตัวอิจฉา
เบ้ปากใส่ แบบนางร้ายในตำนาน
เมื่อพูดถึงคำว่า"อิจฉา" คุณจะนึกถึงผู้หญิงสวย ทาตาเข้ม ทาปากแดง และเบะปากใส่
นั่นมันนางอิจฉาว้อยยยย!!
ตอนคุณอ่านคำว่าอิจฉา คุณอาจจะรู้สึกว่าแหมเราเป็นคนดี๊ดี ไม่เค๊ยไม่เคยไม่อิจฉา เราน่ะจิตใจดี๊ดี
ขอให้คุณอ่านข่าวต่อไปนี้
"สุดเฮง แม่ค้าถูกหวยร้อยล้าน"
"ตัวแทนจากไทยได้นางงามระดับโลก"
"นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง อายุน้อยรายได้ปีละหลายล้าน"
คุณก็อาจจะรู้สึกดี ชื่นชม เฮ้ย โชคดีอ่ะ สวยจัง เก่งจังเลย รู้สึกยินดีและปลื้มปิติ รู้สึกยินดีไปกับเขาด้วย
ลองเปลี่ยนแม่ค้าถูกหวยเป็นเพื่อนข้างบ้านของคุณ
นางงามระดับโลกเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นของคุณ
นักธุรกิจรุ่นใหม่เคยเป็นเพื่อนมหาลัยเดียวกัน พื้นฐานทางบ้านก็พอๆกัน
ความยินดีกับคนแปลกหน้า กับคนใกล้ตัวยังเท่ากันอยู่หรือไม่?
สวยนักหรา มันน่าโดนตบสักสองสามที
เปรียบกายร้อนดั่งเพลิงงงงงงง
เปรียบใจร้อนดั่งฟายยยยยยยย
ความอิจฉาเกิดจากอะไร
ความอิจฉาเป็นสัญชาติญาณพื้นฐานของมนุษย์ในการเอาตัวรอด
ในสังคมมนุษย์คนเรามักจะให้ความสนใจกับคนที่หน้าตาดี มีความสามารถ ประสบความสำเร็จ คนที่ไม่มีอะไรโดดเด่นมักจะถูกละเลย ถูกลืม ไม่ค่อยมีคนสนใจ
มนุษย์เรามักกลัวว่าจะถูกละเลย กลัวถูกทิ้งออกจากกลุ่ม เลยต้องคอยหาข้อเปรียบเทียบกับคนใกล้ตัว โดยเฉพาะคนที่อายุใกล้กัน การศึกษาใกล้กัน พื้นฐานใกล้กัน เพื่อคอยดูว่าคุณอยู่อันดับไหนในกลุ่ม
เราจะไม่รู้สึกอะไรถ้ามีคนชมคนแปลกหน้าให้คุณฟัง
แล้วถ้ามีคนอื่นมาชม เพื่อนของเรา เพื่อนร่วมงานของเรา คนใกล้ตัวของเรา
เรามักจะแอบเปรียบเทียบกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว
เห้ยเค้าดีว่ะ
เห้ยเค้าเจ๋งว่ะ
เห้ยแล้วเราล่ะวะ?
ที่เห็นว่าจิกตาใส่คือฝุ่น PM 2.5 มันเข้าตา
ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครอยากเป็นคนขี้อิจฉา แต่บางครั้งสถานการณ์บางสถานการณ์ทำให้คุณรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ อดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเสียไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ แต่บางครั้งเราก็มีความรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้นมา
ความอิจฉาทำให้เราร้อนอกร้อนใจ จะทำยังไงที่จะเปลี่ยนจากความอิจฉาให้เป็นพลังบวก
1. เข้าไปศึกษาใกล้ชิดกับคนที่คุณอิจฉา คนเรามักอิจฉาในสิ่งที่เรามักจะขาด หากเรามัวแต่แอบเข้าไปส่องเฟสบุค คอยหาประเด็นไปเมาท์ เอาคนที่เราอิจฉาไปนินทา เราจะไม่ได้อะไรเลย
หากลองเปลี่ยนเวลาที่เราใช้พลังงานอิจฉา สร้างอารมณ์ลบให้กับตัวเอง เปลี่ยนเป็นจากคนที่คุณอิจฉาให้กลายเป็นกรณีศึกษา เพื่อที่จะหาเคล็ดลับในการประสบความสำเร็จของเขา แล้วเอามาใช้ให้เป็นความสำเร็จของเราจะดีกว่าไหม
2. รู้จักใช้สติพิจารณาก่อนจะเป็นคนขี้อิจฉา ในโลกโซเชี่ยลที่มีแต่ภาพชีวิตที่หรูหรา มีครอบครัวที่น่ารัก มีทรัพย์สินมากมาย ประสบความสำเร็จมีรายได้หลายล้าน
ถ้าทุกอย่างในโซเชี่ยลเป็นเรื่องจริง 100% เราคงจะไม่ได้ยินข่าว
"รายการชื่อดังบิดเบือนข้อมูลรายได้ธุรกิจของแขกรับเชิญ"
"นักธุรกิจสาวอายุน้อยโกงแชร์มูลค่าหลายสิบล้าน"
"เน็ตไอดอลสาวใช้ชีวิตติดหรู ถูกจับกุมในข้อหาค้ายา"
เรามักจะเสพย์ติดภาพสวยหรูของคนอื่น โดยอาจจะไม่รู้ถึงเบื้องหลังถึงที่มาของรายได้ งบกำไรขาดทุนที่แท้จริง หรือเรื่องบางเรื่องอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเลยก็ได้
3. เพราะมีความอิจฉาทำให้คุณรู้จักตัวเองมากขึ้น ความอิจฉาบางครั้งคือพลัง แต่บางครั้งกำลังเตือนให้คุณปล่อยวาง
ทุกคนล้วนมีข้อดีในตัวเอง ปลาอาจจะอิจฉานกที่บินเก่ง ส่วนนกอาจจะอิจฉาปลาที่ว่ายน้ำเก่ง หรือถ้าคุณเปรียบเทียบกับนกด้วยกันเอง หากนกตัวอืนบินสูง การอิจฉาไม่ทำให้คุณบินสูงขึ้น นอกเสียจากวันนี้คุณจะเป็นนกที่บินสูงกว่าเมื่อวาน
คุณอาจจะหยุดความอิจฉาได้ โดยการรู้สึกมีความสุขแบบง่ายๆ แค่คุณมีสุขภาพที่ดี มีอาหารกินอิ่มครบทุกมื้อ ได้ใช้เวลากับคนที่คุณรัก พักผ่อนให้เพียงพอ มีความสุขกับสิ่งง่ายๆ โดยไม่ต้องเอาความสุขไปผูกกับการแข่งขันกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
สุขภาพที่ดีมาจากจิตใจที่ดี
จิตใจที่ดีมาจากจิตใจที่ปราศจากความร้อนรุ่ม
อย่าสุมไฟใส่ใจด้วยความอิจฉา
ถ้าความอิจฉาร้อนแรงเกินไป ขอให้ดับด้วยการอยู่สงบกับตัวเองสักพัก
ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี
#successjourney
ออกไป๊นางตัวอิจฉา
โฆษณา