22 ม.ค. 2020 เวลา 12:04 • กีฬา
ทำไมในปี 2008 บาร์เซโลน่ากล้าปฏิเสธมูรินโญ่ โค้ชดีกรีแชมป์ยุโรป แต่ไปเลือกเอากวาร์ดิโอล่าที่ไม่เคยคุมทีมในลีกสูงสุดมาก่อนเลย วิเคราะห์บอลจริงจังจะย้อนอดีตให้ฟัง
ก่อนที่บาร์เซโลน่า จะเลือกเป๊ป กวาร์ดิโอล่าเป็นผู้จัดการทีม ในช่วงซัมเมอร์ 2008 คนที่เป็นตัวเต็งอันดับ 1 และเหล่าผู้บริหารอยากได้ตัวมากกว่าเป๊ป คนนั้นคือโชเซ่ มูรินโญ่
อย่างไรก็ตาม แม้จะคนเห็นด้วยมากมายแค่ไหน แต่เมื่อคนที่มีอิทธิพลสูงสุด "คัดค้าน" นั่นทำให้มูรินโญ่ไม่ได้รับเลือก ชนิดที่ตัวมูรินโญ่เองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน
หลังจากบาร์เซโลน่าในยุคของแฟรงค์ ไรจ์การ์ดได้ดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2005-06 ซิวทั้งลาลีกา และแชมเปี้ยนส์ลีกพร้อมกัน ทีมก็เริ่มอยู่ในช่วงขาลง
แนวทางฟุตบอลของไรจ์การ์ด ยึดที่ตัวบุคคลมากกว่าระบบ ปีที่ได้แชมป์ยุโรปนั่นเพราะผู้เล่นอย่างโรนัลดินโญ่ ,เอโต้ และเดโก้ เล่นได้พีกพร้อมกันพอดี ซึ่งแน่นอนในยามที่โรนัลดินโญ่เล่นได้ท็อปฟอร์มใครก็หยุดเขายาก
แต่พอเข้าสู่ฤดูกาล 2006-07 โรนัลดินโญ่ฟอร์มดร็อปลงจากเดิม อีกทั้งคู่แข่งอย่างเรอัล มาดริด ก็รู้วิธีแล้วว่าบาร์ซ่าที่พึ่งพานักเตะแค่คนเดียว มันไม่ยากเกินไปที่จะรับมือ
ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผู้จัดการทีมเรอัล มาดริด จัดการบาร์ซ่าอยู่หมัด ในเกมเอล กลาสิโก้ เอาชนะที่เบอร์นาเบวไป 2-0 และไปยันเสมอที่คัมป์นู 3-3
จบฤดูกาล มาดริด กับบาร์ซ่ามีแต้มเท่ากันที่ 76 คะแนน แต่เรอัล มาดริดได้แชมป์เนื่องจากมีเฮดทูเฮดการเจอกันที่ดีกว่า
ไรจ์การ์ดเสียแชมป์ แต่ผู้บริหารยังให้โอกาสเขาต่ออีก 1 ฤดูกาล ตรงข้ามกับเรอัล มาดริด แม้จะได้แชมป์แต่มีการเปลี่ยนโค้ช จากเดิมคือคาเปลโล่ เปลี่ยนมาใช้แบรนด์ ชูสเตอร์ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
ซึ่งผลลัพธ์นั้น แสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่มากกว่าเดิม ซีซั่นก่อน ตัดสินแชมป์ที่กฎเฮดทูเฮด แต่พอมาซีซั่น 2007-08 คุณไม่ต้องใช้อะไรมาวัดเลย เพราะเรอัล มาดริด ทิ้งห่างบาร์ซ่าแบบไกลลิบ และคว้าแชมป์แบบสบายๆด้วยช่องว่าง 18 แต้ม
ยิ่งไปกว่านั้นเรอัล มาดริด เอาชนะบาร์ซ่าได้ทั้งเหย้าและเยือน บาร์ซ่าไม่มีเหลี่ยมสู้ได้เลย
เกมรุกที่บาร์ซ่าภูมิใจ ยิงได้แก่ 76 ลูกทั้งฤดูกาล ส่วนเรอัล มาดริด ยิงได้ 84 ลูก ขณะที่ดาวซัลโว 5 อันดับแรกของลีก ไม่มีนักเตะบาร์ซ่าเลยแม้แต่คนเดียว
ไรจ์การ์ด พึ่งพาที่ศักยภาพของผู้เล่นเป็นหลัก และเมื่อถึงวันที่โรนัลดินโญ่เลยจุดพีกของตัวเองไปแล้ว มันเลยกลายเป็นว่าทีมก็เลยพังพินาศไปด้วย และไรจ์การ์ดก็ไม่มีไอเดียอะไรดีพอ ในการที่จะทำให้บาร์ซ่ากลับมาเล่นดีอีกครั้ง
1
นั่นทำให้ผู้บริหารบาร์เซโลน่าตัดสินใจว่า คงได้เวลาแล้วล่ะ ที่จะแยกทางกับไรจ์การ์ดตรงนี้ เขาไร้โทรฟี่มา 2 ปีติดกัน และอันดับในลีกก็ร่วง จาก 1 มา 2 และมา 3 บางทีถ้าเขาคุมต่อ ปีหน้าบาร์ซ่าอาจหล่นไปอันดับ 4 เลยก็ได้ใครจะรู้
ไรจ์การ์ดเองก็เหมือนรู้ชะตากรรมของตัวเอง 1 พฤษภาคม 2008 ก่อนปิดฤดูกาล 1 เดือน เขาเองยืนยันว่าจะขอลาออกเพื่อให้ทีมเดินต่อ
"ไรจ์การ์ดทำผลงานได้ดีมากๆแล้ว เขาเป็นคนที่จริงใจและรักสโมสรอย่างแท้จริง ช่วงเวลาที่เหลือเขาจะพยายามสู้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เราจบฤดูกาลอย่างมีศักดิ์ศรีมากที่สุด และผมอยากให้ทุกคนรวมใจกันเป็นหนึ่งในอีก 4 เกมที่เหลือ" ซิกี้ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรกล่าว
แต่จริงๆสิ่งที่ไรจ์การ์ดไม่รู้คือ ต่อให้เขาไม่ลาออก ผู้บริหารก็มีแผนจะไล่ออกอยู่แล้ว เพราะกระบวนการสรรหาผู้จัดการทีมคนใหม่ เริ่มต้นตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว
แต่พอไรจ์การ์ดยอมลงตำแหน่งด้วยตัวเองก็เป็นอันว่าจบกันแบบสวยๆ ไม่มีภาพความขัดแย้งอะไรให้เห็น
ในการคัดเลือกหาผู้จัดการทีมคนใหม่ ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม บาร์ซ่าเดินหน้าเจรจากับโค้ชหลายคน เพื่อคัดเลือกว่าใครที่เหมาะสมที่สุด
โค้ชที่จะมาแทน ต้องเป็นโค้ชที่เป็นเจ้าแท็กติกหน่อย ไม่ใช่ว่าพึ่งพานักเตะคนเดียวแบบไรจ์การ์ดอีก และที่สำคัญที่สุดคือควรจะมีดีเอ็นเอของบาร์เซโลน่า เข้าใจแนวทางของสโมสรว่าเล่นเกมฟุตบอลแบบไหน
ซึ่งแคนดิเดทของผู้จัดการทีมทั้งหมดที่ว่างงานอยู่คนที่มีโพรไฟล์ดูแมตช์ที่สุด ได้แก่ โชเซ่ มูรินโญ่
โชเซ่ มูรินโญ่ ลาออกจากเชลซีในเดือนกันยายน 2007 และว่างงานอยู่ราวๆ 3 เดือน
เข้าสู่มกราคม 2008 บาร์เซโลน่าที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเปลี่ยนผู้จัดการทีมแน่ๆ ก็เริ่มขยับตัว เพราะผู้จัดการทีมโพรไฟล์ระดับมูรินโญ่ถ้าบาร์ซ่าช้า มีโอกาสสูงที่จะโดนทีมอื่นตัดหน้า ยิ่งตอนนี้มีข่าวว่าอินเตอร์ มิลานกำลังเล็งๆอยากได้มูรินโญ่อยู่ด้วย
1
มาร์ก อิงกลา รองประธานสโมสรบาร์เซโลน่า และ ซิกี้ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการกีฬา เดินทางไปหามูรินโญ่ที่ลิสบอน เพื่อเปิดอกคุยกันถึงความเป็นไปได้ ที่จะมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
1
มูรินโญ่นั้น เตรียมข้อมูลมหาศาลในการพรีเซ็นเตชั่น เขาเองก็ต้องการเป็นผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่าเช่นเดียวกัน ลองคิดดูว่าลาออกจากเชลซี แล้วไปคุมทีมบาร์ซ่า มันก็ดูเลเวลอัพขึ้นอีก
การคุยกันระหว่าง มูรินโญ่ กับ 2 ผู้บริหารบาร์เซโลน่าดำเนินไปด้วยดีมาก ทั้ง 3 คนคุยกันถึง 3 ชั่วโมงเต็มๆ โดยมูรินโญ่อธิบายว่าเขาจะพัฒนาบาร์เซโลน่าไปในทิศทางไหน ซึ่งแผนงานของมูรินโญ่ก็ดูชัดเจนดี เขาเตรียมข้อมูลมาพร้อมทุกอย่าง สามารถตอบคำถามได้เคลียร์ทุกข้อ
การพูดคุยครั้งนั้น มูรินโญ่จ่อเกินกว่า 90% ที่จะมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของบาร์ซ่า สาเหตุเพราะในตลาดผู้จัดการทีมตอนนี้ที่ว่างงานอยู่ มูรินโญ่มีดีกรีสูงสุดอันดับ 1 เขาได้แชมป์ยุโรปกับทีมที่เป็นม้ามืดสุดๆอย่างปอร์โต้ ลองคิดดูว่าตอนคุมปอร์โต้ มูรินโญ่ใช้นักเตะโปรตุเกสแทบทั้งทีม มีตัวต่างชาตินับหัวได้ แต่สามารถคว้าแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ
และถ้าหากเขาได้โอกาสใช้งานนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ มูรินโญ่จะยิ่งยกระดับทีมให้แข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน
หลังออกจากปอร์โต้ ผลงานกับเชลซีก็จับต้องได้ เขาคว้าแชมป์ลีก 2 สมัยซ้อน โดยทำเชลซีมีเกมรับที่มหัศจรรย์มาก 2 ปีที่มูรินโญ่ทำทีมได้แชมป์ เขาเสียประตูรวมกันใน 2 ซีซั่น แค่ 37 ลูกเท่านั้น คือรวมกัน 2 ปี ยังเสียน้อยกว่าบาร์ซ่าของไรจ์การ์ดในฤดูกาลล่าสุดเสียอีก
ขณะที่แผนการเล่น มูรินโญ่ยึดระบบ 4-3-3 อยู่แล้ว ตอนคุมเชลซี เขาให้ดร็อกบายืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ปีกซ้าย-ขวา มีแดเมียน ดัฟฟ์ กับอาร์เยน ร็อบเบน ดังนั้นก็พอการันตีได้ว่า ถ้าคุมบาร์เซโลน่าเขาก็คงยึดสไตล์ 4-3-3 ต่อไปแน่นอน คงไม่ผ่าเหล่าไปปรับใช้แผนอื่นๆ แบบ 5-4-1 อะไรทำนองนั้น
และที่สำคัญที่สุด มูรินโญ่มีความเข้าใจดีเอ็นเอ ของบาร์เซโลน่าเป็นอย่างดี เขาเคยทำงานที่บาร์ซ่ามาก่อนในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีมของบ็อบบี้ ร็อบสัน และ หลุยส์ ฟาน กัล นอกจากนั้นยังรู้จักนักเตะในทีมอยู่ก่อนแล้ว
ชาบี เอร์นันเดซ พูดถึงมูรินโญ่ว่า "ย้อนกลับไปตอนที่เขาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมที่นี่ เราพูดภาษาเดียวกัน และเชื่อมั่นในสิ่งเดียวกัน เราทำงานด้วยกันภายใต้ปรัชญาของบาร์ซ่า" ซึ่งคำพูดของชาบี แปลว่ามูรินโญ่ก็เป็นชอยส์ที่ไม่เลวเลย
มูรินโญ่ ให้สัญญากับอินกลา และ เบกิริสไตน์ว่าเขาจะยืดหยุ่นกับแผนการเล่น และจะรับฟังความเห็นของคนรอบข้าง นอกจากนั้น จะทำการแต่งตั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่า เบ ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยของเขาด้วย
มูรินโญ่บอกว่า เขากับเป๊ป สนิทกันมากตอนช่วงที่เขาเป็นผู้ช่วยของบ็อบบี้ ร็อบสัน โดยตอนนั้นเป๊ปเป็นนักเตะในทีม ทั้งคู่แลกเปลี่ยนความเห็นกันตลอด
ดังนั้นถ้าเขาได้งาน เป๊ปก็จะมาเป็นผู้ช่วย ซึ่งน่าจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ประสบการณ์ของมูรินโญ่ กับความเป็นคาตาลันของกวาร์ดิโอล่า น่าจะช่วยส่งเสริมเป็นแรงบวกให้ทีมมีความแข็งแกร่งมากที่สุด
ฟังดูแล้ว ตัวเลือกที่ชื่อมูรินโญ่ ก็เป็นชอยส์ที่ไม่เลวเลย ในวันนั้นอินกลา และ เบกิริสไตน์ กลับจากลิสบอนไปบาร์เซโลน่าและมองว่า นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่ทีมจะหาได้แล้ว
มูรินโญ่เป็นคนเก่ง บุคลิกดีหล่อเหลา ขายได้แน่ๆ พูดภาษาสเปนได้คล่องแคล่วไม่มีปัญหาในการสื่อสาร และอายุยังน้อยสามารถใช้งานได้อีกนาน
ขั้นตอนสุดท้าย ก่อนนำชื่อไปเสนอกับบอร์ดบริหาร อินกลาและเบกิริสไตน์ จำเป็นต้องไปปรึกษาอีก 1 คนก่อน
1
เขาคนนี้คือผู้รอบรู้ในวงการฟุตบอล ในสมัยเป็นนักเตะเขาได้บัลลงดอร์ 3 สมัย จากนั้นพอมาเป็นโค้ชเองก็คว้าแชมป์ลีก และแชมป์ยุโรปกับหลายสโมสร
1
ว่ากันว่าการที่บาร์ซ่า กลายมาเป็นบาร์ซ่าอย่างทุกวันนี้ จะไม่เกิดขึ้นได้เลย ถ้าไม่มีเขาคนนี้คอยวางโครงสร้างให้
คนที่อินกลา กับ เบกิริสไตน์ต้องมาปรึกษาก่อนตัดสินใจ มีชื่อว่า โยฮัน ครัฟฟ์
โยฮัน ครัฟฟ์ "ไม่ชอบ" ตัวเลือกนี้
ไม่ใช่ว่าโชเซ่ มูรินโญ่ไม่เก่ง แต่ครัฟฟ์กังวลเรื่องทัศนคติการเล่นเกมรับของมูรินโญ่
ดีเอ็นเอของบาร์เซโลน่าที่ครัฟฟ์สร้างขึ้น นี่เป็นทีมที่มองเรื่องชัยชนะเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญที่สไตล์การเล่นที่ถูกต้องต่างหาก ถ้าหากคุณเล่นฟุตบอลได้สวยงาม และมีหัวใจคิดถึงเกมรุกเข้าไว้ก่อน มันจะนำชัยชนะมาสู่คุณเอง
แต่กับมูรินโญ่ นี่คือคนที่ทำได้ทุกอย่าง วางแท็กติกอย่างไรก็ได้ ขอแค่ทีมคว้าชัยชนะให้ได้เท่านั้น ซึ่งแรกๆเขาอาจจะปรับทีมให้เล่นเกมบุกเพื่อเอาใจแฟนๆ แต่ในระยะยาว มูรินโญ่ย่อมยินดีจะเล่นเกมรับเต็มที่ ขอเพียงแค่ทำให้ทีมชนะเท่านั้น
ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่ครัฟฟ์ต้องการกับบาร์เซโลน่า เขาอยากให้บาร์ซ่าสร้างสไตล์ของตัวเองขึ้นมา เล่นฟุตบอลแบบมีคลาส และเมื่อยึดมั่นในปรัชญาเกมรุกเอาไว้ก่อน
จากการที่โยฮัน ครัฟฟ์ไม่ชอบ นั่นทำให้ผู้บริหารของบาร์เซโลน่าต้องมานั่งถกกันใหม่ ว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายเบกิริสไตน์กับอินกลา ก็ยอมรับว่า เออ จริงๆมูรินโญ่เองก็มีข้อเสียอย่างอื่นอยู่เหมือนกัน
เบกิริสไตน์บอกว่ามูรินโญ่เป็นคนก้าวร้าวในการสัมภาษณ์ ซึ่งนั่นอาจจะก่อปัญหากับสื่อมวลชน ขณะที่อินกลาสุดท้ายก็มองว่า อาจมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าก็ได้ นั่นทำให้สุดท้ายบาร์เซโลน่า ตัดสินใจปฏิเสธมูรินโญ่ไปอย่างพลิกความคาดหมาย
หลังจากปฏิเสธมูรินโญ่ไปแล้ว ผู้บริหารบาร์ซ่าก็มองที่ตัวเลือกอื่นๆ และสุดท้ายตัดสินใจว่าจะลองเดิมพันกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าดูสักตั้ง นั่นเพราะถ้าคุณอยากปลุกดีเอ็นเอของบาร์ซ่า ก็คงไม่มีใครที่เหมาะไปกว่าอดีตนักเตะบาร์ซ่า ที่เกิดในคาตาลุนย่าอีกแล้ว
กวาร์ดิโอล่า คุมทีมบาร์เซโลน่า เบ มีผลงานที่ไม่เลว คว้าแชมป์เตเซร่า หรือดิวิชั่น 4 ของสเปนมาได้ ดังนั้นก็พอเห็นอยู่ว่าเขามีสกิลการคุมทีมอยู่เช่นกัน
หลังจากจบฤดูกาล 2007-08 ไรจ์การ์ดลงจากตำแหน่ง บาร์เซโลน่าก็แต่งตั้งกวาร์ดิโอล่าเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ทันที
คนที่เสียใจมากที่สุด และไม่เข้าใจเลยกับการเลือกครั้งนี้คือมูรินโญ่
สาเหตุเพราะเขาคือผู้จัดการทีมแชมป์ยุโรป และแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย แต่สุดท้ายกลับไม่ถูกเลือก โดยคนที่บาร์ซ่าเลือกเป็นคนที่ไม่มีดีกรีอะไรเลย ประสบการณ์ในการคุมทีมสโมสรมีแค่ 1 ปีเท่านั้น และเป็นการคุมในระดับดิวิชั่น 4 ด้วย
1
เมื่อต้องโดนปฏิเสธไปแบบนี้ การโดนโค้ชที่ไร้ประสบการณ์เอาชนะได้ มันจึงเป็นความเจ็บใจที่ตัวมูรินโญ่ยากจะอธิบาย
และจากนั้นมา ความสัมพันธ์ของเขากับบาร์เซโลน่าก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
มูรินโญ่ตัดสินใจรับงานคุมอินเตอร์ มิลาน และถ้าเรายังจำกันได้ ในฤดูกาล 2009-10 ตอนที่อินเตอร์ บุกมาเขี่ยบาร์เซโลน่าตกรอบในแชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศ ถึงคัมป์นู สิ่งที่มูรินโญ่ทำตอนหมดเวลาคือเดินลงมาในสนามคัมป์นู ชูนิ้วชี้ขึ้นฟ้า เพื่อจะบอกว่าใครคือนัมเบอร์วันตัวจริงในโลกลูกหนัง
2
หลายคนบอกว่า มันเป็นสารที่เขาส่งตรงถึงโยฮัน ครัฟฟ์ เพื่อจะบอกว่าใครคือของจริงกันแน่
อินเตอร์ของมูรินโญ่ในปีนั้น ทะลุเข้าชิงและเอาชนะบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ยุโรปได้สำเร็จ ก่อนที่มูรินโญ่จะย้ายมาสเปนเพื่ออยู่กับเรอัล มาดริดในซีซั่นต่อมา และเตรียมทำสงครามจองล้างจองผลาญกับบาร์เซโลน่าอีกรอบ
1
ขณะที่โยฮัน ครัฟฟ์ เขาเองก็ให้สัมภาษณ์ด้วยความกราดเกรี้ยวว่า "2 ปีก่อน มูรินโญ่เคยเกือบจะมาเป็นโค้ชของบาร์เซโลน่า และมาตอนนี้ผมบอกได้เลยว่า ผมดีใจจริงๆที่เขาไม่ได้มาเป็นโค้ชของทีมเรา"
แต่จริงๆแล้ว การตัดสินใจ "ไม่เลือก" มูรินโญ่ครั้งนั้น ก็ดูเหมือนเป็นคำตอบที่ถูกต้อง นั่นเพราะคนที่บาร์ซ่าเลือก คือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ทำเรื่องที่เป็นการปฏิวัติวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง
กวาร์ดิโอล่าเอาปรัชญาของโยฮัน ครัฟฟ์ มาผสมผสานกับไอเดียอันล้ำยุคของเขา จนกลายเป็นฟุตบอลแห่งความมหัศจรรย์ ติกี้ตาก้า ผสมกับ Possession Football
2
ในฤดูกาล 2008-09 ปีแรกที่กวาร์ดิโอล่าคุมทีม เขาพาบาร์ซ่าคว้าแชมป์ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี กวาดเรียบทั้งลาลีกา ,โกปา เดลเรย์ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
1
ใน 38 นัดที่ลงเล่นบาร์ซ่ายิงประตูได้ 105 ลูก ยิงได้สูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรตั้งแต่ก่อตั้งทีม
เปอร์เซ็นต์การครองบอล ในระดับ 70% ต่อเกมถือเป็นเรื่องปกติ คู่แข่งไม่สามารถครองบอลสู้ได้เลย
บาร์เซโลน่าในยุคของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือเบอร์ 1 ของโลกอย่างแท้จริง ซึ่งก็น่าเหลือเชื่อ จากโค้ชที่ไม่มีประสบการณ์ในการคุมทีมมาก่อนเลย แต่พอได้รับโอกาส เขาสามารถพัฒนาทีมได้แข็งแกร่งขนาดนี้
1
มันแสดงให้เห็นอยู่เหมือนกันว่า สายตาของโยฮัน ครัฟฟ์ในวันนั้น เขาก็อ่านเกมได้ขาดทีเดียว
จุดที่หลายคนสงสัยมาจนถึงวันนี้คือ ทำไมโค้ชแต่ละคนที่บาร์เซโลน่าจะเลือกเข้ามา ผู้บริหารต้องพิจารณาก่อนเลยว่า จะเดินตามแนวทางของครัฟฟ์หรือไม่
ถ้าใครดูแล้วว่าจะไม่ยึดถือปรัชญาของครัฟฟ์ มันก็ยากที่บาร์ซ่าจะร่วมงานด้วย ตัดชอยส์ได้เลย แต่ถ้าใครที่โอเค ศรัทธาในแนวทางของครัฟฟ์ก็ค่อยมาพิจารณาอีกที ว่าเหมาะกับทีมหรือเปล่า
1
เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเคยกล่าวไว้ครับว่า "ที่บาร์เซโลน่า โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นคนวาดภาพรวมทั้งหมดเอาไว้ และคนที่จะมารับงานคุมทีมบาร์ซ่า ต้องเข้าใจว่า คุณมีทางเลือก 2 อย่าง คือหยิบเอาสิ่งที่เขาเคยสร้างกลับมาใช้อีก หรือไม่ก็ต่อเติมขึ้นจากเดิมแค่นั้น"
1
มันแปลว่าคนที่จะมาคุมบาร์เซโลน่า จะรื้อทุกอย่างที่ครัฟฟ์สร้างไม่ได้ เขาต้องเดินตามแนวทางที่ครัฟฟ์วางเอาไว้เท่านั้น
คำถามคือ แล้วปรัชญาของครัฟฟ์คืออะไร เรื่องไหนที่โค้ชที่จะมารับงานที่บาร์ซ่าจำเป็นต้องเข้าใจและเชื่อมั่นอย่างถ่องแท้
วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟังวันหลังนะครับ
#Mourinho #Guardiola #Cruyff
โฆษณา